(ร่าง) ประกาศกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เรื่อง ขั้นตอนการแจ้งเตือน การระงับการทำให้แพร่หลายของข้อมูลคอมพิวเตอร์ และการนำข้อมูลคอมพิวเตอร์ออกจากระบบคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ....
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Thursday, 30 June 2022 21:10
- Hits: 1483
(ร่าง) ประกาศกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เรื่อง ขั้นตอนการแจ้งเตือน การระงับการทำให้แพร่หลายของข้อมูลคอมพิวเตอร์ และการนำข้อมูลคอมพิวเตอร์ออกจากระบบคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ....
คณะรัฐมนตรีรับทราบ (ร่าง) ประกาศกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เรื่อง ขั้นตอนการแจ้งเตือน การระงับการทำให้แพร่หลายของข้อมูลคอมพิวเตอร์ และการนำข้อมูลคอมพิวเตอร์ออกจากระบบคอมพิวเตอร์ พ.ศ. .... ก่อนการประกาศใช้บังคับต่อไป ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดศ.) เสนอ
สาระสำคัญ
1. พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 4 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่กับออกกฎกระทรวงและประกาศเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
กฎกระทรวงและประกาศนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
มาตรา 15 ผู้ให้บริการผู้ใดให้ความร่วมมือ ยินยอม หรือรู้เห็นเป็นใจให้มีการกระทำความผิดตามมาตรา 14 ในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดตามมาตรา 14
ให้รัฐมนตรีออกประกาศกำหนดขั้นตอนการแจ้งเตือน การระงับการทำให้แพร่หลายของข้อมูลคอมพิวเตอร์ และการนำข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นออกจากระบบคอมพิวเตอร์
ถ้าผู้ให้บริการพิสูจน์ได้ว่าตนได้ปฏิบัติตามประกาศของรัฐมนตรีที่ออกตามวรรคสอง ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ
2. (ร่าง) ประกาศกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เรื่อง ขั้นตอนการแจ้งเตือนการระงับการทำให้แพร่หลายของข้อมูลคอมพิวเตอร์ และการนำข้อมูลคอมพิวเตอร์ออกจากระบบคอมพิวเตอร์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญดังนี้
2.1 ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เรื่อง ขั้นตอนการแจ้งเตือน การระงับการทำให้แพร่หลายของข้อมูลคอมพิวเตอร์ และการนำข้อมูลคอมพิวเตอร์ออกจากระบบคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560
2.2 กำหนดเพิ่มเติมคำนิยามที่สำคัญให้สอดคล้องกับประกาศกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมฉบับอื่นที่ออกตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ดังนี้
“สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media)” หมายความว่า สื่อหรือช่องทางในการติดต่อสื่อสารหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างบุคคลโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ หรือเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (Internet Intermediary) ที่เน้นการสร้างหรือเผยแพร่เนื้อหาระหว่างผู้ใช้งานด้วยกัน (Creation and Exchange of User-generated Content) หรือสนับสนุนการสื่อสารสองทาง หรือการนำเสนอและเผยแพร่เนื้อหาในวงกว้างได้ด้วยตนเอง ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ แอพพลิเคชัน กระดานข่าว เครือข่ายสังคมออนไลน์ สื่อสำหรับการเผยแพร่และแลกเปลี่ยนเนื้อหาที่เป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ภาพนิ่ง เสียง วีดิทัศน์ หรือแฟ้มข้อมูล หรือให้บริการเก็บเนื้อที่ข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต บล็อก blogs เว็บไซต์ (สำหรับการสร้างและแก้ไขเนื้อหาร่วมกัน) เกมส์ออนไลน์หรือโลกเสมือนที่มีผู้ใช้งานหลายคน หรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือสื่อออนไลน์อื่นในลักษณะเดียวกันหรือคล้ายคลึงกันที่เปิดให้ใช้งาน เพื่อเป็นช่องทางการสื่อสารระหว่างบุคคล ระหว่างกลุ่มบุคคล หรือกับสาธารณะ
“ตำแหน่งข้อมูลที่ผิดกฎหมาย” หมายความว่า ตำแหน่งหรือแหล่งที่อยู่ของข้อมูล (Related Online Location) อาทิเช่น ยูอาร์แอล (Related URL) ที่อยู่บนอินเทอร์เน็ต (Related IP Address) ชื่อโดเมน (Related Domain Name) เว็บเพจ (Related web page) ของแหล่งข้อมูลหรือตำแหน่งที่อยู่ทางอิเล็กทรอนิกส์ (Related Electronic Address) ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลนั้น
2.3 กำหนดประเภทและลักษณะการให้บริการของผู้ให้บริการหรือสื่อสังคมออนไลน์ ที่สามารถพิสูจน์ถึงการปฏิบัติตามประกาศฉบับนี้ เพื่อไม่ต้องรับโทษฐานให้ความร่วมมือให้ความยินยอม หรือรู้เห็นเป็นใจให้มีการกระทำความผิด ได้แก่
(1) ผู้ให้บริการในฐานะสื่อกลาง (Intermediary) ซึ่งให้บริการเกี่ยวกับกิจการโทรคมนาคม การสื่อสารกิจการกระจายภาพ กระจายเสียง กิจการอินเทอร์เน็ต รวมถึงการรับส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ผ่านเครือข่ายหรือระบบคอมพิวเตอร์ของผู้ให้บริการ หรือบริการอำนวยความสะดวกในการส่งผ่านข้อมูลคอมพิวเตอร์ผ่านเส้นทางจราจรทางคอมพิวเตอร์บนอินเทอร์เน็ต (routing) หรือ จัดให้บริการคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ระบบคอมพิวเตอร์ที่ทำงานโดยปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) หรือระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์เพื่อทำให้เกิดการรับส่งผ่านข้อมูลคอมพิวเตอร์ (Transitory Communication – mere conduit) โดยที่ผู้ให้บริการไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีส่วนร่วมใดๆ ในการรับส่งผ่านข้อมูลคอมพิวเตอร์ ไม่ได้มีการเลือกคัดสรรข้อมูลหรือเนื้อหา การทำสำเนาข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือเนื้อหาของข้อมูลเก็บไว้ในลักษณะถาวรในระบบคอมพิวเตอร์ หรือในลักษณะที่เก็บไว้เป็นฐานข้อมูลของเครือข่ายของผู้ให้บริการของตนในลักษณะที่บุคคลทั่วไปอาจเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้ในภายหลัง ไม่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลหรือเนื้อหาของข้อมูลนั้นโดยผู้ให้บริการ และไม่ได้รับค่าตอบแทนหรือประโยชน์ใดๆ ไม่ว่าทางตรงและทางอ้อมจากการเผยแพร่ต่อสาธารณชน ทำซ้ำ ดัดแปลงข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ผิดกฎหมาย
(2) ผู้ให้บริการที่เก็บหรือพักข้อมูลคอมพิวเตอร์ชั่วคราว (system caching) ในระบบคอมพิวเตอร์ที่มีการควบคุมการส่งผ่านเนื้อหาข้อมูลทั้งหมดโดยผู้ใช้บริการหรือบุคคลภายนอก หรือโดยเครือข่ายคอมพิวเตอร์หรือปัญญาประดิษฐ์ด้วยกัน หรือโดยการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์หรือปัญญาประดิษฐ์โดยอัตโนมัติซึ่งผู้ให้บริการไม่เกี่ยวข้องและไม่ได้ควบคุมการจัดเก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์
(3) ผู้ให้บริการซึ่งเก็บรักษาข้อมูลคอมพิวเตอร์ในระบบคอมพิวเตอร์หรือเครือข่ายระบบของคอมพิวเตอร์ของตนเองเพื่อให้ผู้ใช้บริการดำเนินการบริหารจัดการข้อมูลคอมพิวเตอร์ดังกล่าวด้วยตนเอง (Information Residing on systems or network at direction of users) ที่ผู้ให้บริการไม่ได้ให้ความร่วมมือ ยินยอม รู้เห็นเป็นใจ หรือเกี่ยวข้องรวมถึงไม่ทราบถึงการกระทำใดๆ ที่ผิดกฎหมายของผู้ใช้บริการหรือบุคคลภายนอก และผู้ให้บริการไม่ได้รับค่าตอบแทนหรือประโยชน์ใดๆ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมจากการเผยแพร่ข้อมูลที่ผิดกฎหมาย
(4) ผู้ให้บริการทางเทคนิคเพื่อเป็นที่ตั้งหรือที่พักของแหล่งข้อมูล (Information Location Tools) ที่ไม่มีการเชื่อมต่อ (Linking) ไปยังแหล่งข้อมูลที่ผิดกฎหมายแก่บุคคลภายนอกด้วยตนเอง และผู้ให้บริการไม่ได้รับค่าตอบแทนหรือประโยชน์ใดๆ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมจากการเผยแพร่ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ผิดกฎหมาย
(5) สื่อสังคมออนไลน์ที่เป็นสื่อหรือช่องทางในการติดต่อสื่อสารหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างบุคคลโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ หรือเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่การดำเนินการโพสต์ แก้ไขเปลี่ยนแปลง เผยแพร่ข้อมูลคอมพิวเตอร์ทั้งหมดกระทำโดยผู้ใช้บริการหรือบุคคลภายนอก หรือโดยอัตโนมัติผ่านระบบคอมพิวเตอร์หรือปัญญาประดิษฐ์ ที่ไม่ใช่โดยผู้ให้บริการ และผู้ให้บริการไม่ได้รับค่าตอบแทนผลประโยชน์ใดๆ ไม่ว่าทางตรงและทางอ้อม จากการเผยแพร่ต่อสาธารณชน ทำซ้ำ ดัดแปลงข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ผิดกฎหมาย
(6) ผู้ให้บริการที่ไม่ได้มีลักษณะหรือที่ไม่ได้ระบุไว้ใน (1) (2) (3) (4) และ (5) ซึ่งให้บริการแก่บุคคลอื่นในการเข้าสู่อินเทอร์เน็ต หรือให้สามารถติดต่อถึงกันได้โดยประการอื่น โดยผ่านทางระบบคอมพิวเตอร์
2.4 กำหนดมาตรการระงับการทำให้แพร่หลายหรือลบข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ผิดกฎหมายด้วยตนเอง (Notice & Takedown Policy) ที่ผู้ให้บริการหรือสื่อสังคมออนไลน์ต้องจัดให้มีเพื่อไม่ต้องรับโทษฐานให้ความร่วมมือ ให้ความยินยอม หรือรู้เห็นเป็นใจให้มีการกระทำความผิด
(1) ขั้นตอนการแจ้งเตือน
ผู้ให้บริการหรือสื่อสังคมออนไลน์ต้องจัดทำนโยบายการระงับการทำให้แพร่หลายหรือลบข้อมูล (Notice & Take Down Policy) หรือหนังสือแจ้งเตือน (Take Down Notice) ล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษรให้บุคคลทั่วไปได้รับทราบ โดยอาจดำเนินการด้วยวิธีการทางเทคนิคหรือวิธีการอื่นเพื่อให้ผู้ใช้บริการหรือบุคคลภายนอกแจ้งเตือนผู้ให้บริการหรือสื่อสังคมออนไลน์เพื่อให้ผู้ให้บริการหรือสื่อสังคมออนไลน์ระงับการทำให้แพร่หลายหรือลบข้อมูลที่ผิดกฎหมายออกจากระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตนได้
(2) การแจ้งเตือนของผู้ใช้บริการ
เมื่อผู้ใช้บริการหรือบุคคลใดตรวจพบว่า ผู้ให้บริการหรือสื่อสังคมออนไลน์เผยแพร่ข้อมูลที่ผิดกฎหมาย ผู้ใช้บริการหรือบุคคลภายนอกสามารถแจ้งเตือนผู้ให้บริการหรือสื่อสังคมออนไลน์เพื่อขอให้ระงับการทำให้แพร่หลายหรือลบข้อมูลที่ผิดกฎหมายได้โดยการลงบันทึกประจำวัน หรือแจ้งความร้องทุกข์เพื่อเป็นหลักฐานต่อพนักงานสอบสวนหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือแจ้งรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการเผยแพร่ข้อมูลที่ผิดกฎหมายต่อผู้ให้บริการหรือสื่อสังคมออนไลน์ตามแบบฟอร์มข้อร้องเรียน (Complaint Form) ที่ผู้ให้บริการหรือสื่อสังคมออนไลน์กำหนด ยื่นต่อผู้ให้บริการหรือสื่อสังคมออนไลน์นั้น
(3) วิธีการระงับหรือนำข้อมูลออกจากระบบคอมพิวเตอร์
เมื่อผู้ให้บริการหรือสื่อสังคมออนไลน์ได้รับข้อร้องเรียนตามแบบฟอร์มข้อร้องเรียน (Complaint Form) และเอกสารที่เกี่ยวข้องจากผู้ใช้บริการหรือบุคคลภายนอกแล้ว ผู้ให้บริการหรือสื่อสังคมออนไลน์ต้องดำเนินการระงับการทำให้แพร่หลาย ลบ หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่ผิดกฎหมายเพื่อไม่ให้แพร่หลายต่อไป และจัดทำสำเนาข้อร้องเรียนรวมถึงรายละเอียดข้อร้องเรียนของบุคคลที่ร้องเรียนดังกล่าวส่งให้กับผู้ใช้บริการหรือสมาชิกหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องซึ่งอยู่ในความควบคุมของผู้ให้บริการหรือสื่อสังคมออนไลน์โดยทันที เว้นแต่มีเหตุสุดวิสัยหรือเหตุจำเป็นอื่นอันมิอาจก้าวล่วงได้ทำให้ไม่สามารถดำเนินการได้ทันที และเมื่อเหตุสุดวิสัยหรือเหตุจำเป็นอื่นอัน มิอาจก้าวล่วงได้สิ้นสุดลง ผู้ให้บริการหรือสื่อสังคมออนไลน์ต้องดำเนินการระงับการทำให้แพร่หลาย หรือลบข้อมูลดังกล่าวโดยทันที แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินระยะเวลายี่สิบสี่ชั่วโมง นับแต่วันที่ได้รับข้อร้องเรียน
2.5 กำหนดมาตรการระงับการทำให้แพร่หลายหรือลบข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ผิดกฎหมายโดยคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ ที่พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติเมื่อพบการกระทำความผิดหรือได้รับข้อมูล ข้อร้องเรียน เอกสารหรือหลักฐานจากผู้เสียหาย เจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้มีส่วนได้เสีย หรือบุคคลใดๆ ว่ามีข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ผิดกฎหมายอยู่ในความควบคุมของผู้ให้บริการหรือสื่อสังคมออนไลน์ โดยพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอาจมีคำสั่งไปยังผู้ให้บริการหรือสื่อสังคมออนไลน์เพื่อให้ดำเนินการระงับการแพร่หลาย หรือลบข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ผิดกฎหมายได้ เมื่อผู้ให้บริการหรือสื่อสังคมออนไลน์ได้รับคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว ต้องดำเนินการระงับการทำให้แพร่หลาย ลบ หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่ผิดกฎหมายที่อยู่ในความควบคุมของผู้ให้บริการหรือสื่อสังคมออนไลน์เพื่อไม่ให้แพร่หลายต่อไปโดยทันทีหรือภายในระยะเวลาที่กำหนดแล้วแต่กรณี โดยให้ดำเนินการด้วยมาตรการทางเทคนิคใดๆ (Technical Measure) ที่ได้มาตรฐานตามสภาพของการให้บริการแต่ละประเภท
2.6 กำหนดขั้นตอนการอุทธรณ์และการเพิกถอนคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อให้ผู้ให้บริการหรือสื่อสังคมออนไลน์ที่ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือผู้ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงจากคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ ได้ใช้สิทธิในการโต้แย้งคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่
2.7 กำหนดแนวทางการดำเนินคดี ในกรณีที่ผู้ให้บริการหรือสื่อสังคมออนไลน์เพิกเฉยไม่ดำเนินการระงับการทำให้แพร่หลาย ลบ หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่ผิดกฎหมายออกจากระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตน ภายในระยะเวลาที่พนักงานเจ้าหน้าที่หรือตามที่ประกาศนี้กำหนด โดยให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำความผิดของผู้ให้บริการหรือสื่อสังคมออนไลน์ โดยแจ้งความร้องทุกข์เพื่อเนินคดีกับผู้ให้บริการหรือสื่อสังคมออนไลน์ในฐานร่วมมือ ยินยอม หรือรู้เห็นเป็นใจให้มีการกระทำความผิดในมาตรา 14 และมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และดำเนินการประสานงานกับสำนักงาน กสทช. หรือหน่วยงานกำกับดูแลเพื่อให้มีคำสั่งระงับการเผยแพร่ข้อมูลที่ผิดกฎหมาย หรือเพื่อให้หน่วยงานกำกับดูแลดำเนินการกับผู้ให้บริการหรือสื่อสังคมออนไลน์ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ (ร่าง) ประกาศกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เรื่อง ขั้นตอนการแจ้งเตือน การระงับการทำให้แพร่หลายของข้อมูลคอมพิวเตอร์ และการนำข้อมูลคอมพิวเตอร์ออกจากระบบคอมพิวเตอร์ พ.ศ. …. มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกระบวนการเกี่ยวกับขั้นตอนการแจ้งเตือน การระงับการทำให้แพร่หลายของข้อมูลคอมพิวเตอร์ และการนำข้อมูลคอมพิวเตอร์ออกจากระบบคอมพิวเตอร์ให้มีความรวดเร็ว มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สอดคล้องกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีซึ่งเปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน โดยยังคงมาตรการระงับการเผยแพร่ของข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลที่ผิดกฎหมายด้วยตนเอง (Notice & Takedown Policy) ตามประกาศฉบับปัจจุบัน และเพิ่มเติมมาตรการเพื่อให้มีช่องทางการแจ้งเตือนโดยพนักงานเจ้าหน้าที่รวมทั้งกำหนดแนวทางในการดำเนินคดีกับผู้ให้บริการหรือสื่อสังคมออนไลน์ที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะเป็นทางเลือกและเป็นการช่วยลดภาระของประชาชนหรือผู้เสียหายในการดำเนินการแจ้งเตือนต่อผู้ให้บริการหรือสื่อสังคมออนไลน์ได้หลายช่องทางทั้งการดำเนินการด้วยตนเองหรือแจ้งผ่านช่องทางของหน่วยงานของรัฐหรือพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินการ อันเป็นการช่วยคุ้มครองและเยียวยาความเสียหายแก่ประชาชนมากยิ่งขึ้น
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 28 มิถุนายน 2565
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396
A6930