WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ผลการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น

GOV5 copy

ผลการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น

        คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เสนอผลการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นในฐานะแขกของรัฐบาล ระหว่างวันที่ 1-2 พฤษภาคม 2565 และมอบหมายส่วนราชการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามผลการเยือนไทยฯ ต่อไป

        สาระสำคัญของเรื่อง

        กต. รายงานว่า เมื่อวันที่ 1-2 พฤษภาคม 2565 นายคิชิดะ ฟูมิโอะนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาลไทย ในโอกาสครบรอบ 135 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับญี่ปุ่น รวมถึงการที่ไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปค และเป็นประเทศผู้ประสานงานความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่น (ปี 2564-2567) โดยเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2565 นายกรัฐมนตรีได้หารือข้อราชการกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ในประเด็นความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น ทั้งในระดับทวิภาคี อนุภูมิภาค และภูมิภาค และแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับประเด็นสถานการณ์ในภูมิภาคและระหว่างประเทศที่สนใจร่วมกัน สาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้

        1. ผลการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น สรุปได้ ดังนี้

 

ประเด็น

 

ผลการหารือฯ

(1) ประเด็นทวิภาคี

 

(1.1) ภาพรวม ได้แก่ 1) นายกรัฐมนตรีเสนอที่จะยกระดับสถานะความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น จาก “หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์" เป็น "หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน”ซึ่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นยินดีกับการพัฒนาความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่นที่แน่นแฟ้นในทุกด้านและรับจะพิจารณาข้อเสนอของฝ่ายไทย และ 2) นายกรัฐมนตรียินดีที่ทั้งสองฝ่ายได้เริ่มกลับมาแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงภายหลังจากเว้นว่างไปเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด19)

(1.2) ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ เช่น 1) ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะร่วมกันหาข้อสรุปในการจัดทำร่างแผนยุทธศาสตร์ร่วมด้านเศรษฐกิจในการพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนระหว่างไทยกับญี่ปุ่นระยะ 5 ปี โดยมุ่งมั่นที่จะประกาศใช้แผนยุทธศาสตร์ร่วมฯ ในห้วงการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูงไทย-ญี่ปุ่น ครั้งที่ 6 ซึ่งฝ่ายญี่ปุ่นจะเป็นเจ้าภาพในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 2) รัฐบาลไทยมีความมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจแก่นักลงทุนญี่ปุ่นในไทย และส่งเสริมให้นักลงทุนญี่ปุ่นใช้ไทยเป็นฐานการลงทุนในภูมิภาคเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle: EV) อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ เซมิคอนดักเตอร์ อุตสาหกรรมยาและเครื่องมือแพทย์ ดิจิทัล เกษตรอัจฉริยะ Big Data และกลุ่มเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy: BCG Economy) โดยพิจารณาลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ( Eastern Economic Corridor: EEC) เป็นกรณีพิเศษ โดยเฉพาะพื้นที่โครงการเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor of Innovation: EECi) และนายกรัฐมนตรีสนับสนุนให้เอกชนญี่ปุ่นลงทุนในการผลิต EV รวมทั้งผลิตแบตเตอรี่ในไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นแจ้งว่าบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นกำลังเร่งพิจารณาเรื่องดังกล่าวอย่างจริงจัง และ 3) การขอรับการสนับสนุนจากญี่ปุ่นในการพิจารณาขยายการจัดตั้งสถาบันโคเซ็นในไทยเพิ่มเติม 2 แห่ง และขยายหลักสูตรการเรียนการสอนแบบโคเซ็นไปยังสถาบันการศึกษาอื่นๆ ของไทย รวมถึงการจัดตั้ง KOSEN Education Center ในไทยเพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางการพัฒนาบุคลากรในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงและภูมิภาคอาเชียน ซึ่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นรับจะพิจารณาด้วยดี

(1.3) ความร่วมมือด้านความมั่นคง กลาโหม และยุติธรรม ได้แก่ 1) ทั้งสองฝ่ายยินดีกับการลงนามความตกลงว่าด้วยการมอบโอนยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยีป้องกันประเทศ ซึ่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นหวังให้ทั้งสองฝ่ายหารือกันเพื่อดำเนินโครงการที่เป็นรูปธรรม ขณะที่นายกรัฐมนตรีสนับสนุนให้ทั้งสองฝ่ายเสริมสร้างความร่วมมือด้านการป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติ การต่อต้านการก่อการร้าย ความมั่นคงทางไซเบอร์ และความมั่นคงทางทะเล และ 2) ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะเร่งรัดการจัดทำสนธิสัญญาว่าด้วยความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในเรื่องทางอาญา

(2) ความร่วมมือในกรอบภูมิภาคและ อนุภูมิภาค

 

(2.1) ความร่วมมือระหว่างไทย-ญี่ปุ่น เพื่อการพัฒนาประเทศที่สาม นายกรัฐมนตรีแสดงความมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างความร่วมมือฯ โดยเฉพาะ อนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงและประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคอื่นๆ และยินดีที่ฝ่ายญี่ปุ่นมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ในพื้นที่ต่างๆ ในไทย รวมทั้งชายแดนระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน

(2.2) ความร่วมมือลุ่มน้ำโขง ทั้งสองฝ่ายย้ำความมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกันในการพัฒนาอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงผ่านกรอบความร่วมมือญี่ปุ่น-ลุ่มน้ำโขง และกรอบยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (Ayeyawady-Chao Phraya-Mekong Economic Cooperation Strategy: ACMECS) โดยนายกรัฐมนตรีขอบคุณญี่ปุ่นที่สมทบทุนในกองทุนเพื่อการพัฒนาของ ACMECSมูลค่า 1.38 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสนับสนุนภาคธุรกิจและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง

(2.3) ความร่วมมือภายใต้กรอบอาเซียน-ญี่ปุ่น นายกรัฐมนตรียืนยันความมุ่งมั่นของไทยในฐานะประเทศผู้ประสานงานความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่น (ปี 2564-2567) ในการร่วมมือกับญี่ปุ่นเพื่อเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อาเชียน-ญี่ปุ่น และการสอดประสานความร่วมมือระหว่างมุมมองอาเซียนต่ออินโด-แปซิฟิก กับแนวคิดอินโด-แปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้างของญี่ปุ่น รวมทั้งการผลักดันวาระการครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่น (ปี 2566) ซึ่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้เชิญนายกรัฐมนตรีเยือนญี่ปุ่นเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น สมัยพิเศษ ในเดือนธันวาคม 2566 นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้ยืนยันความพร้อมของไทยในการเป็นที่ตั้งของศูนย์อาเซียนด้านภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นแสดงความหวังว่าอาเชียนจะสามารถหาข้อสรุปในประเด็นดังกล่าวโดยเร็ว

(2.4) ความร่วมมือภายใต้กรอบเอเปค นายกรัฐมนตรีขอรับการสนับสนุนจากญี่ปุ่นในการเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทย ภายใต้หัวข้อ Open. Connect. Balance. และการรับรองเอกสาร Bangkok Goals on BCG Economy ซี่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นแสดงความพร้อมสนับสนุนไทยอย่างเต็มที่และจะเดินทางเยือนไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำเอเปคในเดือนพฤศจิกายน 2565

(3) ประเด็นสถานการณ์ในภูมิภาคและระหว่างประเทศ

 

(3.1) สถานการณ์ในยูเครน ทั้งสองฝ่ายต่างให้ความสำคัญกับหลักการของการเคารพบูรณภาพแห่งดินแดน กฎหมายระหว่างประเทศ และกฎบัตรสหประชาชาติ และมีความห่วงกังวลเกี่ยวกับการทวีความตึงเครียดของสถานการณ์ โดยเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องยุติการใช้ความรุนแรง และใช้ความยับยั้งชั่งใจอย่างถึงที่สุด นอกจากนี้ ได้หารือเกี่ยวกับผลกระทบของสถานการณ์ดังกล่าวและพร้อมร่วมมือกับประชาคมระหว่างประเทศในการให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแก่ชาวยูเครนอย่างต่อเนื่อง

(3.2) สถานการณ์ในเมียนมา ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะร่วมมือกันเพื่อช่วยคลี่คลายสถานการณ์ในเมียนมาผ่านความร่วมมือในกรอบต่างๆ และสนับสนุนกลไกของอาเชียนโดยเฉพาะกัมพูชาในฐานะประธานอาเชียนในปีนี้ รวมถึงย้ำความสำคัญของการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ประชาชนเมียนมา

(3.3) อื่นๆ ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในทะเลจีนใต้และทะเลจีนตะวันออก สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีและประเด็นการลักพาตัว การปฏิรูปคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประซาชาติ การปลอดและไม่แพร่ขยายของอาวุธนิวเคลียร์ และกรอบความร่วมมือเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก

 

        2. พิธีลงนามความตกลงและหนังสือแลกเปลี่ยน นายกรัฐมนตรีทั้งสองฝ่ายได้เป็นสักขีพยานการลงนามความตกลงและหนังสือแลกเปลี่ยน 3 ฉบับ ได้แก่ (1) ความตกลงว่าด้วยการมอบโอนยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยีป้องกันประเทศระหว่างรัฐบาลประเทศญี่ปุ่นกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย (2) หนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยความร่วมมือทางการเงินระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่น และ (3) หนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยความช่วยเหลือแบบให้เปล่าของรัฐบาลญี่ปุ่นภายใต้โครงการ The Programme for COVID-19 Crisis Response Emergency Support ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่น

 

EXIM One 720x90 C J

aia 720 x100

 

        3. กต. พิจารณาแล้วเห็นว่า ผลการเยือนฯ มีประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับส่วนราชการต่างๆ เช่น

 

ประเด็น

 

การดำเนินการที่สำคัญ

 

หน่วยงานที่รับผิดชอบ

(1) การยกระดับสถานะความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน

 

ติดตามผลการพิจารณาจากฝ่ายญี่ปุ่น และหารือเกี่ยวกับช่วงเวลาและแนวทางในการประกาศการยกระดับความสัมพันธ์

 

กต.

(2) การจัดทำร่างแผนยุทธศาสตร์ร่วมด้านเศรษฐกิจในการพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนระหว่างไทยกับญี่ปุ่นระยะ 5 ปี

 

หารือกับหน่วยงานด้านเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องของไทยและฝ่ายญี่ปุ่นเพื่อรวบรวมข้อคิดเห็นในการจัดทำร่างแผนยุทธศาสตร์ฯ ให้สมบูรณ์

 

กต. กค. กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) กระทรวงคมนาคม (คค.) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดศ.) กระทรวงพลังงาน (พน.) กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) กระทรวงแรงงาน (รง.) กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.) และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.)

(3) การส่งเสริมการลงทุนจากญี่ปุ่นในไทย

 

ดำเนินการเพื่อดึงดูดการลงทุนจากญี่ปุ่นในอุตสาหกรรมเป้าหมายมายังไทย โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น EV อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ เซมิคอนดักเตอร์ อุตสาหกรรมยาและเครื่องมือแพทย์ และ BCG โดยพิจารณาลงทุนใน EEC เป็นกรณีพิเศษ โดยเฉพาะพื้นที่ EECi

 

กต. กษ. อว. ดศ. พน. สธ. สกท. และ สกพอ.

(4) การพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า

 

ดำเนินการเพื่อดึงดูดการลงทุนจากญี่ปุ่น โดยสนับสนุนให้เอกชนญี่ปุ่นลงทุนในการผลิต EV รวมทั้งผลิตแบตเตอรี่ในไทย

 

กค. กต. พน. อก. สกท. และ สกพอ.

(5) การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

 

ติดตามผลการพิจารณาของฝ่ายญี่ปุ่นเกี่ยวกับการขอรับการสนับสนุนจากญี่ปุ่นในการพิจารณาขยายการจัดตั้งสถาบันโคเซ็นในไทยเพิ่มเติมจาก 2 แห่งในปัจจุบันและขยายหลักสูตรการเรียนการสอนแบบโคเซ็นไปยังสถาบันการศึกษาอื่นๆ ของไทย รวมทั้งการจัดตั้ง KOSEN Education Center ในไทย เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางการพัฒนาบุคลากรในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงและภูมิภาคอาเซียน

 

กค. กต. อว. ศธ. และ อก.

(6) การพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน

 

ดำเนินความร่วมมือกับฝ่ายญี่ปุ่นให้เกิดผลเป็นรูปธรรมในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในไทย เช่น เมืองอัจฉริยะ โครงการบางซื่อ ระบบราง โครงข่ายดิจิทัล และ 5G

 

กต. คค. และ ดศ.

(7) การบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19

 

ดำเนินความร่วมมือกับฝ่ายญี่ปุ่นให้เกิดผลเป็นรูปธรรมในการส่งเสริมความร่วมมือด้านสาธารณสุขเพื่อรับมือกับโรคอุบัติใหม่ในอนาคต

 

กค. กต. และ สธ.

(8) ความร่วมมือภายใต้กรอบอาเซียน-ญี่ปุ่น

 

ดำเนินการหารือกับประเทศสมาชิกอาเซียนเพื่อให้ได้ข้อสรุปเรื่องที่ตั้งของศูนย์อาเซียนด้านภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่ในโอกาสแรก ซึ่งไทยมีความพร้อมในการเป็นประเทศที่ตั้งของศูนย์ฯ

 

กต. และ สธ.

 

(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 21 มิถุนายน 2565

สำนักโฆษก   สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396

 

A6655

 Click Donate Support Web

วิริยะ 720x100

PTG 720x100TU720x100sme 720x100

BANPU 720x100QIC 720x100

ais 720x100

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!