ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2502 เรื่อง การเดินรถขนส่งต่างจังหวัด เพื่อให้บริษัท ขนส่ง จำกัด มีภารกิจด้านการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Wednesday, 08 June 2022 23:09
- Hits: 4769
ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2502 เรื่อง การเดินรถขนส่งต่างจังหวัด เพื่อให้บริษัท ขนส่ง จำกัด มีภารกิจด้านการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2502 เรื่อง การเดินรถขนส่งต่างจังหวัด จากเดิมให้บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) รับภาระเดินเฉพาะรถโดยสาร เป็นให้ บขส. มีภารกิจ ด้านการขนส่งผู้โดยสาร และการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ตามที่กระทรวงคมนาคม (คค.) เสนอ
สาระสำคัญ
1. บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ได้เริ่มดำเนินธุรกิจให้บริการรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์แบบ Hub to Hub ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม 2551 โดยใช้การรับส่งไปกับรถโดยสารประจำทางระหว่างสถานีขนส่งผู้โดยสาร (บขส. มีศูนย์สำหรับกระจายสินค้าและพัสดุภัณฑ์ทั่วประเทศจำนวน 104 แห่ง) และการเช่ารถบรรทุกของส่วนงานรับส่งพัสดุภัณฑ์ของ บขส. เพื่อชดเชยรายได้จากธุรกิจเดินรถโดยสารประจำทางที่ลดลง ประกอบกับยังไม่มีการมอบหมายให้หน่วยงานของรัฐใดทำหน้าที่ดังกล่าวแทนองค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.) ซึ่งถูกยุบเลิกตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2548 ทั้งนี้ ในช่วงปี 2560 – 2564 บขส. มีรายได้จากการขนส่งพัสดุภัณฑ์เฉลี่ยปีละ 149.32 ล้านบาท [กำไรเฉลี่ย 63.17 ล้านบาท (ร้อยละ 42.31)] ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 8.36 ของรายได้ทั้งหมด และมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ในกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 5 ของตลาดธุรกิจดังกล่าว
2. ในช่วงที่ผ่านมาการดำเนินธุรกิจเดินรถโดยสารประจำทางซึ่งเป็นธุรกิจหลักของ บขส. ได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของบริการทดแทน อาทิ สายการบินต้นทุนต่ำ การใช้รถยนต์ส่วนบุคคล การแข่งขันจากผู้ให้บริการภาคเอกชนรายอื่น สภาพเศรษฐกิจและสังคม และการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ส่งผลให้ปัจจุบัน บขส. มีปริมาณผู้โดยสารคงเหลือเพียงร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปี 2561 และปี 2562 โดยในช่วงปี 2560 - 2564 บขส. มีรายได้เฉลี่ยจากธุรกิจดังกล่าว ปีละ 1,636.06 ล้านบาท แต่ยังคงมีพนักงานจำนวนมากถึง 2,850 คน ทำให้รายได้จากการให้บริการไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม การดำเนินธุรกิจให้บริการรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ของ บขส. ไม่สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2502 ที่กำหนดให้ บขส. รับภาระเดินเฉพาะรถโดยสาร และให้ ร.ส.พ. รับภาระเดินเฉพาะรถขนส่งสินค้าขนส่งจากบ้านถึงบ้าน (Door to Door) ดังนั้น กระทรวงคมนาคม (คค.) โดย บขส. จึงมีความประสงค์ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว เพื่อให้ บขส. สามารถ ดำเนินกิจการดังกล่าวได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ สามารถพัฒนาและขยายธุรกิจให้เกิดประโยชน์ต่อองค์กร และสามารถนำรายได้จากการขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์มาชดเชยรายได้จากธุรกิจเดินรถโดยสารประจำทางที่ลดลงได้ โดย บขส. ได้กำหนดกลยุทธ์และแผนปฏิบัติการในการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อดำเนินธุรกิจขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์แบบ Door to Door สรุปได้ ดังนี้
หัวข้อ |
สาระสำคัญ |
|
การดำเนินการในระยะต่อไป |
• ทำความร่วมมือกับบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท.) [รัฐวิสาหกิจภายใต้กำกับของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดศ.)] และผู้ประกอบการเอกชนในการรับขนสินค้าและพัสดุภัณฑ์เพื่อขยายจุดกระจายสินค้า เพิ่มส่วนแบ่งตลาด และขยายฐานลูกค้า โดยจะมีการกำหนดเส้นทางการบริการร่วมกันและพิจารณาขยายเส้นทางในปีต่อๆ ไป โดยในระยะแรกจะเป็นการขนส่งภายในประเทศ และจะมีการขยายไปสู่เส้นทางระหว่างประเทศต่อไป (รถโดยสารระหว่างประเทศที่เดินรถอยู่เดิมแล้ว) รวมทั้งพัฒนาระบบฐานข้อมูลในการติดตามสินค้าและพัสดุภัณฑ์1 • คัดเลือกผู้ประกอบการขนส่งรายย่อยในพื้นที่เพื่อร่วมบริการขนส่งแบบ Hub to Door ภายใต้หลักเกณฑ์เดียวกับการคัดเลือกรถร่วมบริการของ รสภ. ทั้งนี้ ระยะแรกจะดำเนินการเช่ารถรับส่งพัสดุภัณฑ์ตามเดิม และอาจพิจารณาศึกษาความคุ้มค่าในกรณีจัดซื้อรถบรรทุกต่อไป2 โดยคาดการณ์ว่ารายได้จากภารกิจดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 15 ล้านบาท และมีกำไรก่อนหักภาษีเงินได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 4.6 ล้านบาท |
|
แผนปฏิบัติการ |
• โครงการพัฒนาการรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ร่วมกับพันธมิตร • โครงการสร้างความร่วมมือกับผู้ประกอบการเอกชนเพื่อการขนส่งสินค้าและ พัสดุภัณฑ์ที่มีลักษณะเฉพาะ • โครงการพัฒนาสถานีเดินรถให้เป็นศูนย์กระจายสินค้าและพัสดุภัณฑ์ข้ามภาค • โครงการจัดตั้งตัวแทนรับส่งและกระจายสินค้า |
_____________________
1คค. (บขส.) รายงานเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2565
2บขส. รายงานเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2564
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 7 มิถุนายน 2565
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396
A6213