WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

สรุปรายงานการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 12 (ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2564-31 มีนาคม 2565)

GOV 5

 

 

 

สรุปรายงานการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 12 (ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2564-31 มีนาคม 2565)

        คณะรัฐมนตรีรับทราบสรุปรายงานการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 12 (ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2564 - 31 มีนาคม 2565) ตามที่คณะกรรมการติดตาม การดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี (กตน.) เสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้

        1. นโยบายหลัก 9 ด้าน ประกอบด้วย

 

 

 

นโยบายหลัก

 

มาตรการ/ผลการดำเนินงานที่สำคัญ

1) การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์

 

1.1) จัดอบรมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับศาสตร์พระราชาและเกษตรทฤษฎีใหม่ ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง จังหวัดชลบุรี รุ่นที่ 4 และรุ่นที่ 5 เพื่อนำองค์ความรู้ไปเป็นแนวปฏิบัติและขยายผลในโครงการและศูนย์การเรียนรู้ในพื้นที่รับผิดชอบ

1.2) ปลูกฝังจิตสำนึกต่อความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์และประวัติศาสตร์ชาติผ่านเว็บไซต์และสื่อสังคมออนไลน์ 462 ครั้ง และประชาสัมพันธ์ออนไลน์ทางเพจเฟซบุ๊กพิราบลายพรางประจำเดือนมีนาคม 2565 จำนวน 34 โพสต์ ยอดกดถูกใจ 11,322 คน และยอดกดติดตามเพจ 12,061 คน

2) การสร้างความมั่นคงความปลอดภัยของประเทศและความสงบสุขของประเทศ

 

2.1) จัดสรรทุนการศึกษาเพื่อพัฒนาคนด้านความปลอดภัยไซเบอร์แก่บุคลากรของกองทัพไทยให้มีศักยภาพสูงในการป้องกันและพัฒนาปฏิบัติการทางไซเบอร์หรือความมั่นคงภัยคุกคามทางไซเบอร์ รวมทั้งพัฒนากำลังพลให้มีความรู้ความสามารถเพื่อนำไปใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

2.2) จับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายผ่านชายแดนทางบก 424 ครั้ง ผู้ต้องหา จำนวน 5,526 คน

2.3) ปลุกจิตสำนึก เกียรติภูมิ และศักดิ์ศรีความเป็นชาติไทย โดยส่งเสริมให้เยาวชนได้แสดงออกถึงความกตัญญูต่อบุพการี ผู้มีพระคุณ ชาติและพิทักษ์เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ภายใต้เครือข่ายชมรมกตัญญูคลับมีสมาชิกกว่า 4,500 คน

3) การทำนุบำรุงศาสนาศิลปะและวัฒนธรรม

 

3.1) ผลักดันการใช้ “Soft Power” ความเป็นไทยและอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ โดยจัดงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ ครั้งที่ 3 Thailand Biennale,Chiang Rai 2023” เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2565 มีผู้เข้าชมทั้งออฟไลน์และออนไลน์มากกว่า 340,000 คน สร้างรายได้การท่องเที่ยวและบริการในพื้นที่กว่า 272 ล้านบาท

3.2) จัดนิทรรศการสร้างองค์ความรู้ด้านศิลปะและวัฒนธรรม เช่น นิทรรศการวิจิตราภรณ์และงานประณีตศิลป์แห่งโขนสืบสานพระราชปณิธานของสมเด็จ พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงและนิทรรศการศิลปะการออกแบบร่วมสมัยในโครงการสร้างสรรค์ศิลปะร่วมสมัยเพื่อต่อยอดทุนทางวัฒนธรรม ประจำปีงบประมาณ .. 2564 โดยจัดแสดงองค์ความรู้และผลงานการออกแบบที่แสดงถึงอัตลักษณ์ท้องถิ่น 28 ชุดผลงานจาก 28 อำเภอ ใน 3 จังหวัด (จังหวัดกระบี่ จันทบุรี และสุพรรณบุรี)

4) การสร้างบทบาทของไทยในเวทีโลก

 

4.1) เข้าร่วมประชุมผู้นำธุรกิจอาเซียน เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2565 นายกรัฐมนตรีได้กล่าวปาฐกถาร่วมกับผู้นำรัฐบาลและผู้บริหารภาคธุรกิจระดับโลกหัวข้อการนำความเติบโตกลับมาสู่ระดับก่อนโควิดโดยให้ความสำคัญกับความยั่งยืนของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สมดุล ความเข้มแข็งจากการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม และความครอบคลุมในการสร้างระบบนิเวศทางเศรษฐกิจที่เอื้อต่อการทำธุรกิจ โดยเฉพาะเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อยกระดับศักยภาพเศรษฐกิจไทย

4.2) ขับเคลื่อนงานด้านการพัฒนาของสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2565 นางอามีนา เจ โมฮัมเหม็ด รองเลขาธิการสหประชาชาติ ได้เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรีในโอกาสเยือนไทย โดยมีการหารือความร่วมมือในประเด็นต่างๆ เช่น ความมั่นคงทางอาหาร พลังงาน การเงิน การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่างๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ภายในปี .. 2030

4.3) รับมอบตำแหน่งประธานผู้นำความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ (The Bay of Bengal Initiative for Multi-Sectoral Technical and Economic Cooperation: BIMSTEC) เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2565 นายกรัฐมนตรีได้เข้าร่วมพิธีรับตำแหน่งประธาน BIMSTEC เป็นเวลา 2 ปี โดยไทยมุ่งมั่นที่จะสานต่อและขับเคลื่อนการดำเนินงาน ได้แก่ (1) ความมั่งคั่งผ่านกรอบความร่วมมือพหุภาคีในการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังการระบาดของโรคโควิด-19 และสร้างความเชื่อมโยงและใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมและเทคโนโลยี (2) ความยั่งยืนให้ประเทศสมาชิกสนับสนุนซึ่งกันและกัน เพื่อต่อสู้กับความท้าทายต่างๆ โดยฟื้นฟูและนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้ (3) เปิดกว้างให้ความสำคัญกับคนสร้างความตระหนักรู้และมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์ในทุกภาคส่วน เพื่อร่วมขับเคลื่อน BIMSTEC ให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่งคั่ง ยั่งยืนและเปิดกว้างสู่โอกาส

5) การพัฒนาเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันของไทย

 

5.1) เศรษฐกิจมหภาค การเงินและการคลัง โดยกรมสรรพสามิตได้ออกกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ 20) .. 2565 ลงวันที่ 11 มีนาคม 2565 (ยกเว้นอัตราภาษีสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันเพื่อนำไปใช้ผลิตกระแสไฟฟ้า) มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม-15 กันยายน 2565

5.2) พัฒนาภาคเกษตร เช่น (1) การเปิดสถานีวิทยุกระจายเสียงเพื่อการเกษตร A.M. ความถี่ 1386 KHz. เพื่อเป็นเครื่องมือสื่อสารและพัฒนาเกษตรกรในพื้นที่ห่างไกล สามารถแข่งขันในตลาดได้ และ (2) จัดนิทรรศการ Digital for Agri-Dev ภายในงาน World Expo 2020 Dubai เพื่อส่งเสริมด้านการตลาดและเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสินค้าเกษตรไทย และเตรียมพร้อมขยายสินค้าไปยังตลาดที่มีศักยภาพรวมทั้งหมดกว่า 20 ชนิดสินค้า

5.3) การพัฒนาการค้าการลงทุนเพื่อมุ่งสู่การเป็นชาติการค้าการบริการและการลงทุนในภูมิภาค โดยการบุกตลาดส่งออกสินค้าไก่แปรรูปไปราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียเป็นครั้งแรกในรอบ 18 ปี คาดว่าภายในสิ้นปี 2565 จะสามารถส่งออกได้ประมาณ 6,000 ตัน เกิดมูลค่าการค้า 400-500 ล้านบาท

5.4) พัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐาน เช่น ลงนามสัญญาจ้างก่อสร้างงานโยธาโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) 6 สัญญา และลงนามข้อตกลงคุณธรรมโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) ระยะทางรวม 23.6 กิโลเมตร ตามแผนงานจะก่อสร้างภายในปี 2565 และคาดว่าจะเปิดให้บริการแก่ประชาชนได้ภายในปี 2570 

5.5) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและมุ่งสู่การเป็นประเทศอัจฉริยะ เช่น จัดกิจกรรมการเรียนรู้และแข่งขันเชิงสร้างสรรค์ “Hackulture นวัต...วัฒนธรรมเพื่อการกระตุ้นให้เยาวชนหรือคนรุ่นใหม่หันมาสนใจวัฒนธรรมไทยและร่วมกันถ่ายทอดมรดกทางวัฒนธรรมของชาติในรูปแบบ Digital Content มีผู้ส่งผลงาน 66 ทีม และจัดทำแนวทางการชำระภาษีสำหรับคนขายของออนไลน์

5.6) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา และนวัตกรรม โดยจัดกิจกรรมขับเคลื่อนโปรแกรมการยกระดับคุณภาพชีวิตด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้จังหวัด ศรีสะเกษ มุ่งเน้นให้ผลิตภัณฑ์สินค้าและบริการของทุ่งกุลาร้องไห้มีอัตลักษณ์ที่โดดเด่นมากขึ้น และถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีให้กับเกษตรกรสามารถสร้างรายได้เสริมให้กับเกษตรกรเฉลี่ย 2,600-3,300 บาท/ไร่

6) การปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพของคนไทยทุกช่วงวัย

 

6.1) ลงนามบันทึกข้อตกลงการบูรณาการความร่วมมือ 7 กระทรวง : การพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิต (กลุ่มเด็กปฐมวัยและผู้สูงอายุ) .. 2565-2569 มีผลบังคับใช้นับตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2565 เพื่อร่วมกันผลักดันในระดับนโยบายจนถึงระดับปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ตลอดจนสร้างกลไกการดำเนินงานให้เอื้อต่อการดูแลกลุ่มเป้าหมายในระดับพื้นที่ที่เชื่อมโยงสอดรับแนวนโยบายรัฐบาลและแผนยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง

6.2) จัดนิทรรศการตลาดนัดหลักสูตรระดับอุดมศึกษา สำหรับนักเรียนที่ศึกษาในระบบการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย และผู้พิการในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครมีภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมกว่า 14 สถาบัน เพื่อให้นักเรียนได้มีโอกาสเข้าถึงข้อมูลหลักสูตรระดับอุดมศึกษา แนะแนวการศึกษาและอาชีพ และเป็นการกระตุ้นให้นักเรียนเกิดกำลังใจในการศึกษาเล่าเรียนเพื่อพัฒนาตนเองในระดับที่สูงขึ้น

7) การพัฒนาระบบสาธารณสุขและหลักประกันทางสังคม

 

7.1) โครงการพัฒนาเพิ่มคุณภาพการบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล เป็นการพัฒนาต้นแบบแพลตฟอร์มกลางการเชื่อมโยงฐานข้อมูลสุขภาพของประเทศ โดยการเชื่อมโยงข้อมูลด้านสุขภาพผ่านระบบ Health Link มีโรงพยาบาลนำร่องกว่า 100 แห่ง สามารถเชื่อมต่อและแลกเปลี่ยนข้อมูลได้สำเร็จทำให้ไทยมีคลังข้อมูลด้านสาธารณสุขขนาดใหญ่

7.2) พัฒนาระบบออกใบรับรองแพทย์ดิจิทัลผ่านหมอพร้อม ให้เป็น Digital Health Platform ของไทย เพื่อให้บริการด้านสุขภาพแบบดิจิทัลแก่ประชาชน มีการทดสอบระบบและนำมาใช้งานจริงในโรงพยาบาล 1,028 แห่ง สามารถออกใบรับรองแพทย์ไปแล้วกว่า 125,000 ใบ

7.3) พัฒนาระบบสุขภาพปฐมภูมิให้เข้มแข็ง มุ่งหวังให้คนไทยทุกครอบครัว มีหมอประจำตัว 3 คนได้แก่ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) หมอสาธารณสุข และหมอประจำครอบครัว ร่วมกันดูแลสุขภาพของประชาชนให้สามารถเข้าถึงระบบบริการสาธารณสุขที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียม และมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ได้มีการมอบรางวัลเชิดชูเกียรติให้แก่ อสม. ดีเด่นระดับชาติ 1,050,000 คน

8) การฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและการรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

 

8.1) ประกาศ “MISSION 2023” ผนึกกำลังลดก๊าซเรือนกระจก มุ่งเป้า 1 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ ภายในปี 2566 โดยได้ดำเนินการ เช่น ส่งเสริมให้ประชาชนใช้ระบบรางหรือรถไฟ และกำหนดให้การก่อสร้างต้องใช้ซีเมนต์ ไฮดรอลิกหรือซีเมนต์ที่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

8.2) ลงนามความร่วมมือโครงการนำร่องการพัฒนาทางด้านพลังงานหมุนเวียนและคาร์บอนเครดิต เพื่อจัดทำฐานข้อมูลและการรับรองการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนและคาร์บอนเครดิต โดยเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยผ่านโครงการทดสอบนวัตกรรมที่นำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการให้บริการด้านพลังงาน (Energy Regulatory Commission Sandbox: ERC Sandbox) ระยะที่ 2 สู่การบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2065

9) การป้องกันปราบปรามทุจริตและประพฤติมิชอบและกระบวนการยุติธรรม

 

จัดตั้งศูนย์คุมประพฤติภาคประชาชน เพื่อเป็นศูนย์กลางในการสนับสนุนภารกิจในการคุมความประพฤติในพื้นที่ เน้นการทำงานร่วมกับชุมชนอาสาสมัครคุมประพฤติและหน่วยงานภาคี ทั้งนี้ ได้เปิดศูนย์ต้นแบบแล้ว 12 แห่ง ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระยอง อุดรธานี และสงขลา และคาดว่าเดือนสิงหาคม 2565 จะเปิดได้ครบทุกจังหวัด

 

QIC 720x100

ais 720x100

 

        2. นโยบายเร่งด่วน 8 เรื่อง ประกอบด้วย

 

นโยบายเร่งด่วน

 

มาตรการ/ผลการดำเนินงานที่สำคัญ

1) การแก้ไขปัญหาในการดำรงชีวิตของประชาชน

 

1.1) มาตรการลดค่าครองชีพประชาชนเป็นเวลา 3 เดือน (เดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม 2565) สรุปได้ ดังนี้

 

มาตรการ

 

จำนวนกลุ่มเป้าหมาย

เพิ่มเงินช่วยเหลือเพื่อซื้อก๊าซหุงต้ม

จากเดิม 45 บาท เป็น 100 บาท/เดือน

 

ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 3.6 ล้านคน

ส่วนลดซื้อก๊าซหุงต้ม 100 บาท

 

ผู้ค้าหาบเร่แผงลอยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 5,500 คน

ค่าใช้จ่ายน้ำมันแก๊สโซฮอลล์ 250 บาท/เดือน

 

ผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ขึ้นทะเบียน 157,000 คน

คงราคาขายปลีกก๊าซ NGV ที่ 15.59 บาท/กิโลกรัม

 

ผู้ใช้ก๊าซ NGV ทั่วไป 318,000 คน

ซื้อก๊าซ NGV ในราคา 13.62 บาท/กิโลกรัมในวงเงิน 10,000 บาท/เดือน

 

ผู้ขับขี่รถแท็กซี่ภายใต้โครงการลมหายใจเดียวกัน 17,000 คน

ลดค่าไฟฟ้า [ลดค่า Ft ลง 22 สตางค์/หน่วย (เดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2565)]

 

ครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วย/เดือน 20 ล้านหลังคาเรือน

ตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลที่ 30 บาท/ลิตร (ถึงเดือนเมษายน 2565)

 

ทุกครัวเรือน

กำกับดูแลการปรับราคาก๊าซหุงต้มไม่ให้สูงเกินไป (เดือนเมษายน-มิถุนายน 2565)

 

ทุกครัวเรือน

ลดอัตราเงินสมทบของนายจ้างและลูกจ้างในระบบประกันสังคม (จากเดิมร้อยละ 5 เหลือร้อยละ 1)

 

นายจ้างและผู้ประกันตนตามมาตรา 33 จำนวน 11.2 ล้านคน

ลดอัตราเงินสมทบผู้ประกันตน

 

 

- มาตรา 39 (จากเดิมร้อยละ 9 เหลือร้อยละ 1.9)

  1.9 ล้านคน
- มาตรา 40 (ลด 42-180 บาท/เดือน)   10.7 ล้านคน

 

   

1.2) บูรณาการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจากมิจฉาชีพและอาชญากรรมออนไลน์ ตั้งแต่ปี 2564 ถึงวันที่ 28 มีนาคม 2565 สามารถจับกุมดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด 5,517 คดี ผู้ต้องหา 6,348 คน และจับกุมผู้ที่เปิดบัญชีธนาคารที่นำไปใช้ในการกระทำผิดผ่านทางออนไลน์ (บัญชีม้า) 344 ราย (บัญชี) มูลค่าความเสียหายกว่า 869 ล้านบาท และในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2565 ได้มีคำสั่งศาลปิดกั้นเว็บพนันออนไลน์แล้ว 742 URL

1.3) ให้ความช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ด้อยโอกาส เช่น ช่วยเหลือสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรที่มีหนี้เงินกู้เพื่อการเกษตรได้รับการลดดอกเบี้ย 976 แห่ง 353,274 ราย และการจัดที่ดินให้เกษตรกรได้รับสิทธิเข้าทำประโยชน์ในที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน 7,177 ราย

1.4) ปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิตตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต .. 2560 ประจำปี 2565 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564-31 มีนาคม 2565 มีการกระทำผิด 13,828 คดี (ค่าปรับ 256.35 ล้านบาท) โดยมีของกลางแยกเป็นน้ำสุรา 99,654.420 ลิตร ยาสูบ 2,774,201 ซอง ไพ่ 15,277 สำรับ น้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน 564,340 ลิตร น้ำหอม 83,980 ขวด และรถจักรยานยนต์ 815 คัน

1.5) มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โรคโควิด-19 (ข้อมูล วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565) เช่น ลดเบี้ยปรับหรือค่าธรรมเนียมกรณีผิดนัดชำระเงินคืน ร้อยละ 100 สำหรับผู้กู้ยืมทุกรายที่ชำระหนี้ปิดบัญชีในครั้งเดียว มีผู้กู้ยืมเงินใช้สิทธิ 6,589 ราย รวมเงินรับชำระหนี้ 355.71 ล้านบาท

2) การปรับปรุงระบบสวัสดิการและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน

 

2.1) จัดกิจกรรมทักษะชีวิตวิถีใหม่ เยาวชนไทย สร้างอาหารเป็นโดยส่งเสริมแหล่งเรียนรู้ในการสร้างความมั่นคงทางอาหาร เช่น ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 15,406 แห่ง โรงเรียน 19,857 แห่ง วัด 21,516 แห่ง มัสยิด 1,463 แห่ง โบสถ์ 1,924 แห่ง และอื่นๆ 2,769 แห่ง

2.2) โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ได้โอนเงินให้แก่ผู้มีสิทธิตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564-31 มีนาคม 2565 รวมทั้งสิ้น 24,414.60 ล้านบาท แบ่งเป็นสวัสดิการที่ให้เป็นวงเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 22,203.58 ล้านบาท และสวัสดิการที่ให้ผ่านกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (e-Money) 2,211.02 ล้านบาท

2.3) จ่ายเงินสวัสดิการสังคมและเงินอื่นผ่านระบบบูรณาการฐานข้อมูลสวัสดิการสังคม (e-Social Welfare) ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564-31 มีนาคม 2565 รวมทั้งสิ้น 69,010.22 ล้านบาท แบ่งเป็นประเภทเงินจ่ายต่อเนื่องรายเดือน (5 สวัสดิการ) 65,907.29 ล้านบาท และประเภทเงินจ่ายไม่ต่อเนื่อง (2 สวัสดิการ) 3,102.93 ล้านบาท

3) การให้ความช่วยเหลือเกษตรและพัฒนานวัตกรรม

 

3.1) โครงการบริหารจัดการการผลิตสินค้าเกษตรตามแผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุก (Agri-Map) (ข้อมูล วันที่ 31 มีนาคม 2565) เช่น ผลิตสินค้าเกษตรชนิดใหม่ที่เหมาะสมกับพื้นที่เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาชีพ 23,739 ไร่ และส่งเสริมเกษตรกรในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมให้ปรับเปลี่ยนสู่การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และส่งเสริมอาชีพทางเลือก 805 ราย

3.2) บูรณาการระบบข้อมูลทะเบียนเกษตรกรและจัดทำข้อมูลทางด้านการเกษตรแบบเปิดเชื่อมโยงกับศูนย์กลางข้อมูลเปิดภาครัฐ เช่น (1) พัฒนาชุดโครงสร้างมาตรฐานเพื่อการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางด้านการเกษตรและเชื่อมโยงข้อมูลทะเบียนเกษตรกร และ (2) พัฒนา API Engine สำหรับเชื่อมโยงกับกรมที่ดินเพื่อตรวจสอบเอกสารสิทธิพื้นที่เกษตร (..4) และเชื่อมโยงกับกรมการปกครองเพื่อตรวจสอบข้อมูลบุคคลและครัวเรือน

3.3) ดำเนินโครงการประยุกต์เทคนิคทางรังสีเพื่อพัฒนาสายพันธุ์และคัดเลือกเพศของพืชกัญชงและกัญชา เพื่อศึกษากัญชาและกัญชงพันธุ์กลายที่ให้สารสำคัญสูงขึ้น ได้แก่ สาร Tetrahydrocannabinol (THC) และสาร Cannabidiol (CBD) โดยการฉายรังสีแกมมา คัดเลือกสายพันธุ์และทำนายการผลิตสารสำคัญที่พืชจะสามารถผลิตขึ้นในอนาคตได้อย่าง มีประสิทธิภาพรวมทั้งศึกษาสภาวะที่เหมาะสมในการสกัด THC และ CBD เพื่อให้ได้สารสำคัญปริมาณสูงสุดเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ โดยมีผลการดำเนินงาน ร้อยละ 45

3.4) ส่งเสริมการใช้ยางพาราในงานถนน ได้นำยางพารามาใช้ในงานก่อสร้างและซ่อมบำรุงโดยการทำผิวทาง ปริมาณยางดิบ 28,934 ตัน และนำยางพารามาใช้ในการปรับปรุงเพิ่มความปลอดภัยทางถนน โดยใช้แผ่นยางธรรมชาติครอบกำแพงคอนกรีตและหลักนำทางยางธรรมชาติ รวม 35,028 ตัน

4) การยกระดับศักยภาพของแรงงาน

 

4.1) มอบเงินช่วยเหลือแรงงานไทยกลับจากประเทศยูเครนตั้งแต่วันที่ 2-8 มีนาคม 2565 จำนวน 163 ราย รายละ 15,000 บาท

4.2) จัดทำและวิเคราะห์ข้อมูล Skill Mapping ด้านการผลิตบัณฑิตและพัฒนากำลังคนให้มีทักษะและสมรรถนะสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานนำร่องใน 4 สายงาน ได้แก่ เกษตรกร Smart SME วิทยาศาสตร์สุขภาพ และการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่

4.3) โครงการพัฒนาทักษะกำลังคนของประเทศ เพื่อยกระดับทักษะฝีมือแรงงานให้มีคุณสมบัติตรงตามความต้องการของตลาดแรงงาน และพัฒนาหลักสูตรระยะสั้นสนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิตและพัฒนาทักษะเพื่ออนาคต (Reskill/Upskill) โดยมีเป้าหมายในการพัฒนา 60 หลักสูตร

5) การวางรากฐานระบบเศรษฐกิจของประเทศสู่อนาคต

 

5.1) ปรับปรุงแอร์พอร์ต เรลลิงค์ ได้ปรับปรุงระบบตั๋วโดยสาร งานระบบข้อมูลและงานระบบโทรคมนาคม โดยได้ติดตั้งอุปกรณ์เพื่อเปลี่ยนถ่ายคลื่นความถี่ จาก 470 MHz ไปยังความถี่ 380 MHz แล้วเสร็จ

5.2) โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ได้ปรับพื้นที่สำหรับก่อสร้างทางขับระยะที่ 1 และลานจอดของศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน มีความก้าวหน้าร้อยละ 75.92 

5.3) จัดกิจกรรมชักจูงนักลงทุนเพื่อลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก โดยสาธารณรัฐประชาชนจีนให้ความสนใจอุตสาหกรรมด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว และจัดสัมมนาออนไลน์ หัวข้อ “Investment Opportunities in Advanced Agriculture and Future Food Industry in EEC for Singapore Companies” เพื่อส่งเสริมความร่วมมือและโอกาสในการลงทุนระหว่างภาคเอกชนไทยและสาธารณรัฐสิงคโปร์ในอุตสาหกรรมเกษตรสมัยใหม่และอุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต ตลอดจนเป็นเวทีในการจับคู่ทางธุรกิจของนักลงทุนทั้งสองฝ่าย

5.4) ขอรับการส่งเสริมการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม 2565 จำนวน 107 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 60,362 ล้านบาท

6) การเตรียมคนไทยสู่ศตวรรษที่ 21

 

6.1) โครงการ “Life Director ผู้กำกับชีวิต (มีออาชีพ)” มุ่งพัฒนาเยาวชนไทย ร่วมสร้างสรรค์สังคมอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างพื้นฐานที่แข็งแรงจากภายในจิตใจให้กับเยาวชนจากสภาเด็กและเยาวชนทั่วประเทศ 200 คน

6.2) โครงการการส่งเสริมการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อบ่มเพาะเยาวชนให้กับโรงเรียนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เช่น จัดอบรมความรู้ให้แก่ครู คัดเลือกครูแกนนำและโรงเรียนที่จะเป็นต้นแบบในการขยายผลกิจกรรม และสร้างความร่วมมือกับสถานประกอบการภาคเอกชนในการเชื่อมโยงจัดกิจกรรมให้เห็นเส้นทางอาชีพในกลุ่มอุตสาหกรรมในพื้นที่ รวมทั้งพัฒนาความรู้และทักษะด้าน STEM Education ให้กับครูและนักเรียน

7) การแก้ไขปัญหายาเสพติดและสร้างความสงบสุขในพื้นที่ชายแดนภาคใต้

 

สกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดบริเวณพื้นที่ชายแดน ในห้วงเดือนมีนาคม 2565 มีการจับกุมผู้กระทำผิด 114 ครั้ง ผู้ต้องหา 124 คน ยึดได้ของกลาง ได้แก่ ยาบ้า 8,229,270 เม็ด ยาอี 13,000 เม็ด ไอซ์ 4,335,376 กิโลกรัม คีตามีน 69 กิโลกรัม ฝิ่น 1.67 กิโลกรัม และกัญชาแห้ง 1,956.031 กิโลกรัม

8) การจัดเตรียมมาตรการรองรับภัยแล้งและอุทกภัย

 

8.1) จัดการน้ำท่วมอุทกภัย ได้ดำเนินโครงการบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่ต่างๆ เช่น (1) โครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช (ก่อสร้างคลองระบายน้ำสาย 3 พร้อมอาคารประกอบ) (2) โครงการคลองระบายน้ำหลาก บางบาล-บางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (ขุดคลองระบายน้ำหลาก พร้อมอาคารประกอบ) และ (3) โครงการประตูระบายน้ำลำน้ำพุง-น้ำก่ำ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดสกลนคร (ก่อสร้างประตูระบายน้ำหัวงาน และอาคารชลประทานตามแนวคลองผันน้ำ

8.2) เปิดปฏิบัติการฝนหลวงสู้ภัยแล้ง ประจำปี 2565 โดยตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงประจำ 5 ภูมิภาค 10 หน่วยปฏิบัติการ ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2565 เป็นต้นไป

8.3) แจกจ่ายน้ำให้กับประชาชนในพื้นที่ที่ประสบภัยแล้งใน 23 จังหวัด ตั้งแต่ปลายปี 2564 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2565 จำนวน 3,676 ครัวเรือน คิดเป็นปริมาณน้ำสะสม 1,837,900 ลิตร

8.4) ให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบพิบัติภัย โดยจัดกำลังพลสำรวจและซ่อมแซมบ้านเรือนประชาชนที่ประสบวาตภัยในพื้นที่ 23 จังหวัด มีบ้านเรือนได้รับความเสียหาย 1,490 หลังคาเรือน ซ่อมแซมแล้ว 1,395 หลังคาเรือน

 

(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 30 พฤษภาคม 2565

สำนักโฆษก   สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396

 

A51076

 Click Donate Support Web 

EXIM One 720x90 C J

วิริยะ 720x100

AXA 720 x100

aia 720 x100GC 720x100TU720x100sme 720x100

BANPU 720x100

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!