ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. (การขยายเวลามาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ)
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Tuesday, 05 April 2022 23:35
- Hits: 9311
ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. (การขยายเวลามาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ)
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
ทั้งนี้ กค. เสนอว่า
1. เนื่องจากการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับเงินรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 702) พ.ศ. 2563 ได้สิ้นสุดลงแล้วเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2564 แต่รัฐบาลยังคงมีนโยบายส่งเสริมให้ผู้ประกอบการซื้อผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพมาใช้หรือนำมาขายเพื่อทดแทนผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ย่อยสลายไม่ได้ ซึ่งจะช่วยลดปริมาณการใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ย่อยสลายไม่ได้และกลายเป็นขยะตกค้าง รวมทั้งช่วยลดงบประมาณของภาครัฐในการกำจัดขยะพลาสติกตกค้าง กค. พิจารณาแล้วเห็นควรขยายระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับรายจ่ายที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้จ่ายไปเพื่อซื้อผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพจากผู้ผลิตออกไปอีกเป็นระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567 เพื่อเป็นการส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพอย่างต่อเนื่อง และให้เห็นผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
2. ทั้งนี้ มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพเป็นมาตรการภาษีที่ผู้ประกอบการโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกต้องใช้เวลาในการเตรียมตัวและความพร้อมในการผลิตก่อนที่จะนำออกสู่ตลาดเพื่อจำหน่าย โดยจากข้อมูลการยื่นแบบภาษีเงินได้นิติบุคคล (ภ.ง.ด. 50) ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีรายจ่ายจากการจ่ายไปเพื่อซื้อผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพจากผู้ผลิต รอบระยะเวลาบัญชี 2562 ซึ่งเป็นปีแรกของการใช้มาตรการภาษียังไม่มีผู้ประกอบการใช้สิทธิประโยชน์ และรอบระยะเวลาบัญชี 2563 มีผู้ประกอบการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจำนวน 14 ราย เป็นจำนวนเงิน 18,334,022.84 บาท สำหรับรอบระยะเวลาบัญชี 2564 ยังไม่มีข้อมูลสำหรับการประเมินผลการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีดังกล่าว เนื่องจากยังไม่ถึงกำหนดเวลาการยื่นแบบภาษีเงินได้นิติบุคคล (ภ.ง.ด. 50 จะถึงกำหนดยื่นแบบประมาณเดือนพฤษภาคมของทุกปี)
3. กค. ได้ดำเนินการตามมาตรา 27 และมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 แล้ว โดยคาดว่ามาตรการนี้จะก่อให้เกิดการสูญเสียรายได้ของรัฐและประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ ดังนี้
3.1 ประมาณการการสูญเสียรายได้ การกำหนดสิทธิประโยชน์ทางภาษีนี้ คาดว่าภาครัฐจะสูญเสียรายได้ภาษีเงินได้นิติบุคคลในปี 2565 ถึง 2567 ประมาณปีละ 673 ล้านบาท แต่จะมีส่วนช่วยลดงบประมาณของภาครัฐในการกำจัดขยะตกค้างและการดูแลปัญหาสิ่งแวดล้อมได้เป็นจำนวนหนึ่ง
3.2 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ ดังนี้ 1) ช่วยส่งเสริมการผลิตและการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ เพื่อเป็นทางเลือกของการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม และเพื่อใช้ทดแทนพลาสติกที่สลายตัวไม่ได้ทางชีวภาพ อันจะช่วยส่งเสริมให้บรรลุเป้าประสงค์ในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็น Bio Hub of ASEAN 2) ช่วยลดต้นทุนผลิตภัณฑ์และส่งเสริมให้มีการใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ และส่งเสริมให้ภาคธุรกิจรวมทั้งประชาชนมีความสนใจในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น 3) ช่วยลดปริมาณขยะและสิ่งตกค้างที่ไม่ย่อยสลาย ส่งผลดีในเรื่องการดูแลปัญหาสิ่งแวดล้อมของประเทศ อันจะเป็นการช่วยลดงบประมาณของภาครัฐในการกำจัดขยะตกค้างและการดูแลปัญหาสิ่งแวดล้อมได้เป็นจำนวนหนึ่ง
สาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกา
กำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับเงินได้เป็นจำนวนร้อยละยี่สิบห้าของรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพจากผู้ผลิตตามประเภทที่อธิบดีประกาศกำหนด และได้รับการรับรองผลิตภัณฑ์จากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำหรับรายจ่ายที่ได้จ่ายไปตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 5 เมษายน 2565
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396
A4223