สรุปภาพรวมสถานการณ์ราคาสินค้าและบริการประจำเดือนมกราคม 2565
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Tuesday, 15 March 2022 22:12
- Hits: 5072
สรุปภาพรวมสถานการณ์ราคาสินค้าและบริการประจำเดือนมกราคม 2565
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปภาพรวมสถานการณ์ราคาสินค้าและบริการประจำเดือนมกราคม 2565 ตามที่กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) เสนอ ดังนี้
สาระสำคัญ
1. สถานการณ์ราคาสินค้าและบริการเดือนมกราคม 2565 ดังนี้
ดัชนีราคาผู้บริโภคอยู่ในระดับ 103.01 เป็นผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนมกราคม 2565 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน สูงขึ้นร้อยละ 3.23 (YoY) จากร้อยละ 2.17 ในเดือนก่อนหน้า เงินเฟ้อที่ปรับสูงขึ้นในเดือนนี้เป็นเงินเฟ้อระดับปานกลางที่ค่อนข้างต่ำเกือบเป็นเงินเฟ้ออ่อนหากพิจารณาสถานการณ์เงินเฟ้อทั่วโลก อาทิ สหรัฐอเมริกา สูงขึ้นร้อยละ 7.0 (YoY) สหราชอาณาจักรสูงขึ้นร้อยละ 5.4 (YoY) อินเดีย สูงขึ้นร้อยละ 5.59 (YoY) เกาหลีใต้ สูงขึ้นร้อยละ 3.7 (YoY) และฟิลิปปินส์ สูงขึ้นร้อยละ 3.6 (YoY) (อัตราเงินเฟ้อของแต่ละประเทศอาจจะไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้โดยตรง เนื่องจากแต่ละประเทศมีปัจจัยเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องแตกต่างกัน) ซึ่งอัตราเงินเฟ้อของไทยยังถือว่ามีความเหมาะสมภายใต้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและคาดว่าจะเป็นการสูงขึ้นเพียงชั่วคราว เนื่องจากคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลกจะปรับตัวลดลงตามอุปทานที่ทยอยปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ระดับราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศปรับตัวลดลง นอกจากนี้ คาดว่าปัญหาการขาดแคลนตู้สินค้าเปล่าและแรงงานจะสามารถคลี่คลายได้ในช่วงครึ่งปีหลังเช่นกัน
สาเหตุสำคัญที่ทำให้เงินเฟ้อในเดือนนี้เพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 3.23 (YoY) คือ สินค้าในกลุ่มพลังงาน ที่ได้ส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อเงินเฟ้อ โดยสินค้ากลุ่มพลังงานมีผลต่อการสูงขึ้นของเงินเฟ้อถึงร้อยละ 2.25 เมื่อเทียบกับสินค้าในกลุ่มอาหารสด อาทิ เนื้อสุกร ไก่สด และไข่ไก่ ส่งผลต่อเงินเฟ้อน้อยมาก โดยเนื้อสุกร มีผลให้เงินเฟ้อสูงขึ้นเพียงร้อยละ 0.67 ไก่สด มีผลให้เงินเฟ้อสูงขึ้นเพียงร้อยละ 0.03 และไข่ไก่ มีผลให้เงินเฟ้อสูงขึ้นเพียงร้อยละ 0.05 นอกจากนี้ ยังมีสินค้าอื่นๆ ที่ปรับราคาสูงขึ้นเล็กน้อยตามต้นทุน (ค่าวัตถุดิบ ค่าขนส่ง และ ค่าจ้างแรงงาน) จึงส่งผลต่อเงินเฟ้อไม่มากนัก อาทิ น้ำมันพืช อาหารบริโภคในบ้าน-นอกบ้าน และค่าบริการส่วนบุคคล นอกจากนี้ จากการที่อัตราเงินเฟ้อในเดือนมกราคม 2565 เพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 3.23 (YoY) เพราะฐานราคาเดือนเดียวกันของปี 2564 ค่อนข้างต่ำ
ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า สินค้าในกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิง ที่สูงขึ้นร้อยละ 27.89 (YoY) ส่งผลให้เงินเฟ้อในเดือนนี้สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่สินค้ากลุ่มอาหาร เพิ่มสูงขึ้นเพียงร้อยละ 2.39 (YoY) จึงยังไม่ถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อของไทยเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับสินค้าในกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ตาม ยังมีสินค้าสำคัญหลายรายการที่ปรับลดลง อาทิ ข้าวสารเหนียว ข้าวสารเจ้า ผักสด ผลไม้สด เสื้อผ้า ค่าเช่าบ้าน และค่าเล่าเรียน ส่งผลให้เงินเฟ้อของไทยขยายตัวในระดับที่ไม่สูงมากนัก
เงินเฟ้อที่สูงขึ้นในเดือนนี้ สอดคล้องกับเครื่องชี้วัดเศรษฐกิจสำคัญหลายตัวที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้านอุปสงค์ ได้แก่ ยอดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ปริมาณนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค ปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ และการส่งออกสินค้าที่ยังคงขยายตัวได้ดี ด้านอุปทาน ได้แก่ กำลังการผลิตดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ดัชนีการจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง และยอดการจัดเก็บภาษีธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับดัชนีราคาผู้ผลิต ที่สูงขึ้นร้อยละ 8.7 (YoY) จากร้อยละ 7.7 ในเดือนก่อนหน้าและดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง ที่สูงขึ้นร้อยละ 6.1 (YoY) จากร้อยละ 8.9 ในเดือนก่อนหน้า ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยรวม ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 44.6 จากระดับ 47.0 ในเดือนก่อนหน้า
2. แนวโน้มเงินเฟ้อทั่วไป เดือนกุมภาพันธ์ 2565
คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นอีก สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งด้านอุปสงค์และอุปทาน ทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะราคาน้ำมันเชื้อเพลิงขายปลีกในประเทศที่ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามราคา ในตลาดโลก ประกอบกับราคาฐานของเดือนเดียวกันในปีที่ผ่านมายังอยู่ในระดับต่ำ ต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นตามค่าวัตถุดิบ ค่าขนส่ง ค่าจ้างแรงงาน และยกเลิกการยกเว้นการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในปี 2565 ซึ่งจะส่งผลต่อภาคการผลิตและราคาขายปลีกสินค้าและบริการในลำดับต่อไป
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 15 มีนาคม 2565
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396
A3552