ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 6/2565 และผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 7/2565
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Tuesday, 15 March 2022 22:01
- Hits: 3899
ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 6/2565 และผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 7/2565
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมติและรับทราบตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ (คกง.) ในคราวประชุมครั้งที่ 6/2565 เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2565 และผลการพิจารณาของ คกง. ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 (พระราชกำหนดกู้เงินฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564) ในคราวประชุมครั้งที่ 7/2565 เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2565 ดังนี้
1. ผลการพิจารณาของ คกง. ในคราวประชุมครั้งที่ 6/2565
1.1 อนุมัติให้มหาวิทยาลัยขอนแก่น (ม.ขอนแก่น) เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการผลิตชั้นกรองของหน้ากาก N95 โดยอาศัยคุณสมบัติทริโบอิเล็กทริคของเส้นใยนาโนธรรมชาติและนาโนซิลเวอร์ (B056) (โครงการผลิตชั้นกรองของหน้ากาก N95) โดยขยายระยะเวลาดำเนินโครงการ จากเดิมสิ้นสุดเดือนธันวาคม 2564 เป็นสิ้นสุดเดือนเมษายน 2565 และเปลี่ยนแปลงการจัดหาวัสดุโพลิเมอร์ (Polymer) สำหรับการผลิตชั้นกรองหน้ากาก N95 จากการจัดหาโดยการนำเข้าจากต่างประเทศเป็นจากบริษัทผู้ผลิตภายในประเทศ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมได้ให้ความเห็นชอบตามขั้นตอนแล้ว
1.2 อนุมัติให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (ม.เชียงใหม่) เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการเพิ่มศักยภาพการรักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ (โครงการรักษาผู้ป่วยโรคโควิด 19) ของโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์ ม.เชียงใหม่ กรอบวงเงิน 51 ล้านบาท โดยขยายระยะเวลาดำเนินโครงการ จากเดิมสิ้นสุดเดือนกุมภาพันธ์ 2565 เป็นสิ้นสุดเดือนตุลาคม 2565 ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมได้ให้ความเห็นชอบแล้ว
1.3 อนุมัติให้ ม.เชียงใหม่ เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการการพัฒนาห้องปฏิบัติการชีวนิรภัย ระดับ 3 เพื่อรองรับการเป็นเครือข่ายห้องปฏิบัติการวินิจฉัยการติดเชื้อโรคโควิด 19 และเชื้อโรคระบาดอื่นๆ ในเขตภาคเหนือ (โครงการการพัฒนาห้องปฏิบัติการชีวนิรภัย ระดับ 3) ของ ม.เชียงใหม่ โดยขยายระยะเวลาสิ้นสุดโครงการ จากเดิมเดือนธันวาคม 2564 เป็นเดือนกันยายน 2565 เนื่องจากได้ดำเนินการผูกพันสัญญาแล้ว ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมได้ให้ความเห็นชอบแล้ว
1.4 อนุมัติให้มหาวิทยาลัยมหิดล (ม.มหิดล) เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผลผลิตทางการเกษตรเพื่อประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ จังหวัดกาญจนบุรี (โครงการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์แปรรูปฯ) กรอบวงเงิน 1.2 ล้านบาท โดยขยายระยะเวลาดำเนินโครงการ จากเดิมสิ้นสุดเดือนธันวาคม 2564 เป็นเดือนเมษายน 2565 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 ทำให้การดำเนินโครงการล่าช้ากว่าแผนที่ได้รับอนุมัติไว้ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมได้ให้ความเห็นชอบตามขั้นตอนแล้ว
1.5 อนุมัติให้จังหวัดอุตรดิตถ์ กระทรวงมหาดไทย (มท.) ขยายระยะเวลาโครงการจ้างงานเพื่อสนับสนุนการผลิตผักปลอดภัยปรุงอาหารให้ผู้ป่วยโรงพยาบาลอุตรดิตถ์ (โครงการจ้างงานเพื่อสนับสนุนการผลิตผักปลอดภัยฯ) กรอบวงเงิน 894,240 บาท จากเดิมสิ้นสุดเดือนธันวาคม 2564 เป็นเดือนเมษายน 2565 ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้ให้ความเห็นชอบแล้ว
1.6 มอบหมายให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบโครงการตามข้อ 1.1 - 1.5 เร่งแก้ไขข้อมูลโครงการในระบบติดตามและประเมินผลแห่งชาติ (Electronic Monitoring and Evaluation System of National Strategy and Country Reform : eMENSCR) (ระบบ eMENSCR) ให้สอดคล้องกับการปรับปรุงรายละเอียดโครงการตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ และเร่งดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยกรณีที่ได้ดำเนินโครงการแล้วเสร็จให้เร่งดำเนินการคืนเงินกู้เหลือจ่ายให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ตามข้อ 19 และข้อ 20 ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจประทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 พ.ศ. 2563 (ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี กู้เงินฯ พ.ศ. 2563) โดยเคร่งครัด
1.7 รับทราบรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 (พระราชกำหนดฯ กู้เงินฯ พ.ศ. 2563) ราย 3 เดือน ครั้งที่ 7 (1 พฤศจิกายน 2564 - 31 มกราคม 2565) พร้อมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ กู้เงินฯ พ.ศ. 2563 ปฏิบัติตามข้อเสนอแนะของ คกง. โดยเคร่งครัด
2. ผลการพิจารณาของ คกง. ภายใต้พระราชกำหนดกู้เงินฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 7/2565
2.1 อนุมัติให้นำวงเงินกู้เพื่อการตามมาตรา 5(2)1 แห่งพระราชกำหนดกู้เงินฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 มาใช้เพื่อการตามมาตรา 5(1)2 แห่งพระราชกำหนดกู้เงินฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 เพิ่มเติม (ครั้งที่ 4) จำนวน 34,500 ล้านบาท เพื่อรองรับค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคโควิด 19
2.2 อนุมัติโครงการค่าบริการสาธารณสุขภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (โครงการค่าบริการฯ) ปี 2565 รอบที่ 2 ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อเป็นค่าบริการสาธารณสุขสำหรับโรคโควิด 19 และบริการอื่นที่เกี่ยวข้องที่หน่วยบริการหรือสถานพยาบาลให้บริการแล้วระหว่างเดือนธันวาคม 2564 - เดือนกุมภาพันธ์ 2565 กรอบวงเงินรวม 34,528.866 ล้านบาท โดยเห็นควรให้ สปสช. ให้ความสำคัญกับการกำกับและตรวจสอบเอกสารการเบิกจ่ายค่าบริการสาธารณสุขภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้แก่หน่วยบริการให้สอดคล้องกับการรักษาพยาบาลผู้ติดเชื้อโรคโควิด 19 ที่เกิดขึ้นจริง พร้อมทั้งเร่งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ กรณีโรคโควิด 19 (หลักเกณฑ์ UCEP Plus) ให้สาธารณชนให้ถูกต้อง ตลอดจนเห็นควรมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเตรียมความพร้อมของสถานพยาบาลรูปแบบต่างๆ รวมทั้งเพิ่มศักยภาพของช่องทางการติดต่อสื่อสารของระบบบริการรักษาพยาบาลให้มีความเพียงพอต่อผู้ป่วย
2.3 มอบหมายให้ สปสช. เป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการค่าบริการฯ ปี 2565 รอบที่ 2 และดำเนินการจัดทำความต้องการใช้จ่ายเป็นรายเดือน เพื่อให้ สบน. สามารถจัดหาเงินกู้เพื่อใช้จ่ายโครงการตามแผนการใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง พร้อมทั้งปฏิบัติตามข้อ 15 ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 พ.ศ. 2564 (ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี กู้เงินฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564) โดยเคร่งครัด
2.4 มอบหมายให้ สปสช. ดำเนินการประมาณการค่าบริการสาธารณสุขภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติในช่วงเดือนมีนาคม - กันยายน 2565 ให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ UCEP Plus และสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 โดยกรณีที่มีกรอบวงเงินค่าบริการสาธารณสุขภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติของเดือนธันวาคม 2564 - กุมภาพันธ์ 2565 เหลือจ่าย เห็นควรให้ สปสช. เสนอขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการค่าบริการฯ ปี 2565 รอบที่ 2 เพื่อนำไปเป็นค่าบริการสาธารณสุขภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติในเดือนมีนาคม 2565 ตามขั้นตอนของระเบียบที่เกี่ยวข้อง
2.5 รับทราบผลการดำเนินโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 และโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ตามที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เสนอ และให้ สศค. รายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้ สบน. ทราบ และส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายเข้าบัญชีตามขั้นตอนของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี กู้เงินฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564
2.6 อนุมัติให้ สศค. เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการ โดยปรับลดกรอบวงเงินของโครงการ ดังนี้ (1) โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 จาก 42,000 ล้านบาท เป็น 33,270.5775 ล้านบาท หรือลดลง 8,729.4225 ล้านบาท และ (2) โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ จาก 3,000 ล้านบาท เป็น 49.637 ล้านบาท หรือลดลง 2,950.363 ล้านบาท ทำให้มีกรอบวงเงินกู้ตามพระราชกำหนดกู้เงินฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 เพิ่มขึ้นรวม 11,679.7855 ล้านบาท ทั้งนี้ ให้ สศค. เร่งดำเนินการแก้ไขข้อมูลโครงการในระบบ eMENSCR ต่อไป
2.7 มอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดกู้เงินฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 เร่งดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามเป้าหมาย โดยกรณีที่เห็นว่าไม่สามารถใช้จ่ายเงินกู้ได้ตามเป้าหมายที่ได้รับอนุมัติ ให้เร่งเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาปรับกรอบวงเงินของโครงการให้เป็นไปตามความเหมาะสมและความจำเป็น
2.8 อนุมัติให้สำนักงานประกันสังคม (สปส.) เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการเยียวยาผู้ประกันตน ในกิจการสถานบันเทิง และผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ทำงานเกี่ยวข้องกับสถานบันเทิง ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ (โครงการเยียวยากิจการสถานบันเทิง) โดยสามารถให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 ในลักษณะถัวจ่ายภายใต้จำนวนกลุ่มเป้าหมายและกรอบวงเงินที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี เพื่อให้การให้ความช่วยเหลือตามโครงการเยียวยากิจการสถานบันเทิงครอบคลุมกลุ่มผู้ประกันตนและผู้ประกอบอาชีพอิสระในสถานบันเทิงที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้ให้ความเห็นชอบตามขั้นตอนแล้ว
2.9 อนุมัติให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 (โครงการบรรเทาค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา) จำนวน 12 หน่วยงาน เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการ โดยขยายระยะเวลาโครงการ จากเดิมสิ้นสุดเดือนกุมภาพันธ์ 2565 เป็นเดือนพฤษภาคม 2565 ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้ให้ความเห็นชอบตามขั้นตอนแล้ว โดยเห็นควรให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดการติดตามตัวนักเรียน นักศึกษา หรือผู้ปกครอง และการโอนเงินซ้ำ (Retry) ภายในเดือนเมษายน 2565 เพื่อให้สามารถดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามที่เสนอได้ ทั้งนี้ ให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการเร่งดำเนินการแก้ไขข้อมูลโครงการในระบบ eMENSCR โดยเร็ว
2.10 มอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการบรรเทาค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาเร่งรัดการเบิกจ่ายตามโครงการ และหากดำเนินการแล้วเสร็จ เห็นควรให้เร่งรายงานผลและคืนเงินเหลือจ่ายตามขั้นตอนของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี กู้เงินฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564
2.11 รับทราบรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดกู้เงินฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ราย 3 เดือน ครั้งที่ 2 (1 พฤศจิกายน 2564 - 31 มกราคม 2565) พร้อมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดกู้เงินฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของ คกง. ภายใต้พระราชกำหนดกู้เงินฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ตามข้อ 2.4.2 โดยเคร่งครัดตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง
___________________________
1 เพื่อช่วยเหลือ เยียวยา และชดเชย ให้แก่ประชาชนทุกสาขาอาชีพ ซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด 19
2 เพื่อแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคโควิด 19
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 15 มีนาคม 2565
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396
A3549