ร่างกฎกระทรวงกำหนดบัญชีอัตราเงินเดือนเพื่อใช้ในการคำนวณเงินสะสม เงินสมทบ เงินชดเชย และบำเหน็จบำนาญของพนักงานมหาวิทยาลัย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Friday, 04 March 2022 12:43
- Hits: 9232
ร่างกฎกระทรวงกำหนดบัญชีอัตราเงินเดือนเพื่อใช้ในการคำนวณเงินสะสม เงินสมทบ เงินชดเชย และบำเหน็จบำนาญของพนักงานมหาวิทยาลัย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบัญชีอัตราเงินเดือนเพื่อใช้ในการคำนวณเงินสะสม เงินสมทบ เงินชดเชย และบำเหน็จบำนาญของพนักงานมหาวิทยาลัย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ สำหรับงบประมาณที่จะต้องจ่ายเป็นเงินสมทบเข้ากองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 - พ.ศ. 2565 ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ทั้งนี้ กค. เสนอว่า
1. พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 ซึ่งมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2557 บัญญัติให้ยกเลิกบัญชีเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูงของข้าราชการพลเรือนสามัญท้ายพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 และให้ใช้บัญชีเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูงของข้าราชการพลเรือนสามัญท้ายพระราชบัญญัตินี้แทนทำให้อัตราเงินเดือนขั้นสูงสุดของข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารขั้นสูง (เทียบเท่าอันดับ ท.11 เดิม) 64,340 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 76,800 บาท ซึ่งสูงกว่าเงินเดือนอ้างอิงขั้นสูงของอันดับ ท. 11 ตามกฎกระทรวงกำหนดบัญชีอัตราเงินเดือนเพื่อใช้ในการคำนวณเงินสะสม เงินสมทบ เงินชดเชย และบำเหน็จบำนาญของพนักงานมหาวิทยาลัย พ.ศ. 2554 ทำให้พนักงานมหาวิทยาลัยจำนวนหนึ่งที่ได้รับการเลื่อนเงินเดือนอ้างอิงถึงขั้นสูงสุดของอันดับ ท.11 แล้วต้องใช้เงินเดือนอ้างอิงต่ำกว่าเงินเดือนเดิมที่เคยได้รับอยู่ในตอน เป็นข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย
2. โดยที่ข้อ 3 ของกฎกระทรวงกำหนดบัญชีอัตราเงินเดือนเพื่อใช้ในการคำนวณเงินสะสม เงินสมทบ เงินชดเชย และบำเหน็จบำนาญของพนักงานมหาวิทยาลัย พ.ศ. 2554 กำหนดให้พนักงานมหาวิทยาลัยของมหาวิทยาลัยหรือสถาบันอุดมศึกษาในกำกับของรัฐ ซึ่งประสงค์จะเป็นสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญ (กบข.) ต่อไป ให้ใช้บัญชีอัตราเงินเดือนท้ายกฎกระทรวงนี้เป็นบัญชีอัตราเงินเดือนอ้างอิง และในกรณีที่มีการปรับอัตราเงินเดือนข้าราชการพลเรือนสามัญเพิ่มขึ้นให้ กค. ปรับบัญชีอัตราเงินเดือนอ้างอิงให้สอดคล้องกับการปรับอัตราเงินเดือนข้าราชการพลเรือนสามัญ
3. กค. พิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้บัญชีอัตราเงินเดือนอ้างอิงของพนักงานมหาวิทยาลัยมี ความถูกต้องเหมาะสม และสอดคล้องกับอัตราเงินเดือนข้าราชการพลเรือนสามัญในปัจจุบัน จึงเห็นสมควรปรับปรุงบัญชีอ้างอิงอัตราเงินเดือนของข้าราชการพลเรือนสามัญท้ายกฎกระทรวงกำหนดบัญชีอัตราเงินเดือนเพื่อใช้ในการคำนวณเงินสะสม เงินสมทบ เงินชดเชย และบำเหน็จบำนาญของพนักงานมหาวิทยาลัย พ.ศ. 2554
4. กค. ได้พิจารณาการสูญเสียรายได้และประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับตามมาตรา 27 และมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 แล้ว โดยเห็นว่าไม่ส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของรัฐ เนื่องจากอัตราเงินเดือนในบัญชีอัตราเงินเดือนอ้างอิงฯ ไม่ใช่อัตราที่มีการจ่ายเงินเดือนจริง แต่เป็นอัตราที่ใช้เพื่อการคำนวณเงินสะสม เงินสมทบ เงินชดเชย และบำเหน็จบำนาญของพนักงานมหาวิทยาลัย ซึ่งประสงค์จะเป็นสมาชิก กบข. ต่อไป แต่เมื่อร่างกฎกระทรวงฉบับนี้มีผลใช้บังคับ จะใช้งบประมาณเบื้องต้นจำนวน 11,375,482 บาท ซึ่งเป็นเงินที่รัฐบาลจะต้องจ่ายเป็นเงินสมทบเข้า กบข. จำนวน 3% ของอัตราเงินเดือนในบัญชีอัตราเงินเดือนอ้างอิงฯ ที่เพิ่มขึ้น ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 - พ.ศ. 2565
สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวง
ปรับปรุงบัญชีอัตราเงินเดือนอ้างอิงของพนักงานมหาวิทยาลัยท้ายกฎกระทรวงกำหนดบัญชีอัตราเงินเดือนเพื่อใช้ในการคำนวณเงินสะสม เงินสมทบ เงินชดเชย และบำเหน็จบำนาญของพนักงานมหาวิทยาลัย พ.ศ. 2554 (อัตราเงินเดือนขั้นสูงสุดของข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารขั้นสูง เทียบเท่าอันดับ ท.11 เดิม จำนวน 64,340 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 76,800 บาท) ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2557 เป็นต้นไป
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 1 มีนาคม 2565
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396
A3123