ขอความเห็นชอบร่างข้อตกลงด้านแรงงานระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Thursday, 03 March 2022 21:54
- Hits: 3577
ขอความเห็นชอบร่างข้อตกลงด้านแรงงานระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงแรงงาน (รง.) เสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบต่อร่างข้อตกลงด้านแรงงานระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ทั้ง 2 ฉบับ ได้แก่
(1) ร่างข้อตกลงว่าด้วยการจัดหาแรงงานทำงานบ้านระหว่างกระทรวงแรงงานแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงทรัพยากรมนุษย์และการพัฒนาสังคมแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย (Draft Agreement on Domestic Workers Recruitment between the Ministry of Labour of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Human Resources and Social Development of the Kingdom of Saudi Arabia)
(2) ร่างข้อตกลงว่าด้วยการจัดหาแรงงานระหว่างกระทรวงแรงงานแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงทรัพยากรมนุษย์และการพัฒนาสังคมแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย (Draft Agreement on Workers Recruitment between the Ministry of Labour of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Human Resources and Social Development of the Kingdom of Saudi Arabia)
2. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย ลงนามในข้อตกลงด้านแรงงานฯ ทั้ง 2 ฉบับ ในนามของผู้แทนฝ่ายไทย โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรมนุษย์และการพัฒนาสังคมซาอุดีอาระเบียหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย เป็นผู้ลงนามร่วมฝ่ายซาอุดีอาระเบีย
3. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย ให้ลงนามในข้อตกลงด้านแรงงานฯ ทั้ง 2 ฉบับ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างข้อตกลงด้านแรงงานฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงแรงงานดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
สาระสำคัญ
ร่างข้อตกลงด้านแรงงานฯ ทั้ง 2 ฉบับนี้ประกอบด้วยข้อบท 9 ข้อ คือ
ข้อ 1 วัตถุประสงค์ เพื่อจัดหาแรงงานไปทำงานในประเทศซาอุดีอาระเบียอย่างถูกกฎหมายและปกป้องสิทธิของนายจ้างและแรงงาน รวมถึงการบังคับใช้กฎระเบียบสัญญาจ้างระหว่างกัน
ข้อ 2 ขอบเขตความร่วมมือ กล่าวถึง กระบวนการจ้างงานตามกฎหมายในประเทศตั้งแต่การจัดหาจนถึงการส่งกลับ การจัดหาดำเนินการโดยหน่วยงานจัดส่งที่ได้รับการจดทะเบียน มีจริยธรรมด้านการจัดหาแรงงาน และมีการควบคุมค่าใช้จ่ายของทั้งสองประเทศ ต้องไม่หักค่าใช้จ่ายจากการตัดเงินเดือนของแรงงาน ให้สิทธิของภาคีคู่สัญญาหากมีข้อพิพาทตามกฎระเบียบภายใน ใช้มาตรการทางกฎหมายหากหน่วยงานจัดหาแรงงานปฏิบัติไม่ถูกต้องตามกฎระเบียบ หาแนวทางการแก้ไขปัญหาการดำเนินงานและการบังคับใช้ข้อตกลงฉบับนี้ และให้ความสำคัญลำดับแรกกับการจัดหาแรงงานโดยการจัดการหรือกำกับโดยรัฐบาลของประเทศคู่ภาคี
ข้อ 3 ความรับผิดชอบของกระทรวงทรัพยากรมนุษย์และการพัฒนาสังคมซาอุดีอาระเบีย การจัดหา การจ้างและการทดแทนแรงงานต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง อาทิ การส่งเสริม ปกป้องและคุ้มครองสวัสดิการและสิทธิของแรงงาน กำหนดหน้าที่ของนายจ้างที่อำนวยความสะดวกเปิดบัญชีธนาคารเงินเดือนให้แรงงานฝากโดยระบุในสัญญาจ้าง จัดตั้งกลไกให้ความช่วยเหลือแรงงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง อำนวยความสะดวกให้ดำรงสภาพความเป็นอยู่ได้เร็วอำนวยความสะดวกในการออก Exit Visa เมื่อครบกำหนดสัญญาจ้างหรือกรณีเร่งด่วน
ข้อ 4 ความรับผิดชอบของกระทรวงแรงงานไทย แรงงานที่จัดหาจะต้องมีสุขภาพดีไม่มีโรคติดต่อ ผ่านการตรวจสุขภาพจากสถานพยาบาลที่น่าเชื่อถือของไทย ไม่มีประวัติเสื่อมเสีย แรงงานมีทักษะและได้รับการอบรมขนบธรรมเนียมประเพณีของซาอุดีอาระเบียก่อนการเดินทาง ต้องเคารพประเพณี ศีลธรรม จริยธรรม ในระหว่างพำนักอยู่ในประเทศซาอุดีอาระเบีย กระตุ้นให้แรงงานทำงานครบตามสัญญาจ้าง เร่งดำเนินการให้แรงงานเดินทางได้ภายใน 1 เดือน หลังจากได้รับ Visa และอำนวยความสะดวกให้แรงงานกลับหากไม่ปฏิบัติตามสัญญาจ้าง
ข้อ 5 คณะกรรมการร่วมทางเทคนิค (Joint Technical Committee) ประกอบด้วยผู้บริหารระดับสูง เพื่อดำเนินการติดตาม ทบทวนการปฏิบัติแบบมีระยะเวลากำหนดตามข้อตกลงนี้ แต่ละฝ่ายผลัดกันเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมหารือตามที่สองฝ่ายเห็นชอบ นอกจากนี้ อาจจัดตั้งคณะอนุกรรมการ (Sub - Committee) เพื่อปรึกษาหารือได้ตามความจำเป็น และให้ข้อเสนอแนะแนวทางแก้ไขข้อพิพาทตามข้อกำหนดของข้อตกลงนี้หรือ ข้อเพิ่มเติม
ข้อ 6 การยุติข้อพิพาท ระหว่างปฏิบัติตามข้อตกลงจะเป็นไปอย่างฉันมิตร โดยการหารือผ่านกระบวนการทางการทูต
ข้อ 7 การแก้ไข หากปรับแก้ไขข้อตกลงต้องได้รับการยินยอมทั้งสองฝ่ายเป็นลายลักษณ์อักษรและมีผลในวันที่สองฝ่ายเห็นชอบ
ข้อ 8 การมีผลบังคับใช้ ภาคีแต่ละฝ่ายจะต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรภายหลังผ่านกระบวนการทางการทูตเมื่อข้อตกลงผ่านกระบวนการทางกฎหมายภายในประเทศเสร็จสิ้น
ข้อ 9 การมีผลบังคับใช้และระยะเวลาการสิ้นสุด ข้อตกลงมีผลใช้บังคับ 5 ปี และต่ออายุอัตโนมัติในระยะเวลาเดียวกันจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะแจ้งผ่านกระบวนการทางการทูตเป็นลายลักษณ์อักษรเมื่อต้องการระงับใช้ชั่วคราวหรือสิ้นสุดข้อตกลง ก่อนวันสิ้นอายุข้อตกลง 2 เดือน ถึงแม้ว่าข้อตกลงสิ้นสุด แต่ข้อกำหนดยังคงใช้บังคับกับสัญญาจ้างเช่นเดียวกับที่ข้อตกลงยังคงมีอยู่
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 1 มีนาคม 2565
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396
A3101