โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Thursday, 03 February 2022 22:55
- Hits: 4326
โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและ สังคม (คณะกรรมการฯ) เสนอดังนี้
1. เห็นชอบการดำเนินโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ (โครงการฯ) ปี 2565
2. มอบหมายให้คณะกรรมการฯ เป็นหน่วยงานหลักในการรับผิดชอบกำหนดหลักเกณฑ์รายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการฯ ได้แก่ การกำหนดแบบฟอร์มการลงทะเบียนการจัดทำข้อตกลงความร่วมมือ ข้อบังคับที่เกี่ยวกับการดำเนินโครงการฯ การกำหนดวัน เวลาในการตรวจสอบคุณสมบัติ หรือกำหนดหน่วยตรวจสอบคุณสมบัติเพิ่มเติม การกำหนดระยะเวลาต่างๆ ในการดำเนินโครงการฯ การประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อประโยชน์ในการดำเนินโครงการฯ
3. เห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินผลการดำเนินงานและความคุ้มค่าในการจัดประชารัฐสวัสดิการ (ร่างประกาศฯ)
สาระสำคัญของเรื่อง
คณะกรรมการฯ รายงานว่า เนื่องจากข้อมูลผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ในปัจจุบัน เป็นข้อมูลจากโครงการฯ ของปี 2559 - 2561 โดยที่ผ่านมายังมีกลุ่มตกหล่นที่ไม่สามารถเข้าถึงโครงการฯ ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชนเป็นวงกว้าง ทำให้ข้อมูลผู้มีบัตรสวัสดิการฯ ไม่สะท้อนข้อมูลผู้มีรายได้น้อย ณ เวลาปัจจุบัน ดังนั้น จึงจำเป็นจะต้องมีการลงทะเบียนรอบใหม่ เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการระบุตัวผู้มีรายได้น้อย และมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดสรรสวัสดิการสังคมของภาครัฐให้แก่ประชาชนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น คณะกรรมการฯ จึงมีมติในการประชุม ครั้งที่ 3/2564 เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2564 เห็นชอบในหลักการของโครงการฯ ปี 2565 และร่างประกาศฯ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามมาตรา 8 (5) แห่งพระราชบัญญัติการจัดประชารัฐสวัสดิการ พ.ศ. 2562 ที่บัญญัติให้คณะกรรมการฯ มีหน้าที่และอำนาจประเมินผลการดำเนินงานและความคุ้มค่าในการจัดประชารัฐสวัสดิการอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง พร้อมทั้งรายงานผลการประเมินดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการฯ กำหนดโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี โดยมีรายละเอียดสรุปได้ ดังนี้
1. สาระสำคัญของโครงการฯ ปี 2565
หัวข้อ |
รายละเอียด |
วัตถุประสงค์ |
เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการระบุตัวผู้มีรายได้น้อย และมีข้อมูลเป็นปัจจุบัน (Dynamic Data) ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดสรรสวัสดิการสังคมของภาครัฐ |
กลุ่มเป้าหมาย* |
ประชาชนผู้สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ประมาณ 20 ล้านคน (ผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ เดิม และผู้เข้าข่ายได้รับสิทธิรายใหม่) |
งบประมาณ |
ประมาณการค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการฯ รวมทั้งสิ้น 564.455 ล้านบาท ประกอบด้วย (1) ค่าจ้างเหมาบริการระบบลงทะเบียนและการยืนยันตัวตน กรณีการใช้บัตรประจำตัวประชาชนแทนบัตรสวัสดิการฯ จำนวนทั้งสิ้น 164.274 ล้านบาท (2) ค่าใช้จ่ายสำหรับการรับลงทะเบียนของหน่วยรับลงทะเบียน ได้แก่ ธ.ก.ส. ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทยฯ กรมบัญชีกลาง (สำนักงานคลังจังหวัด) กระทรวงมหาดไทย (มท.) (ที่ว่าการอำเภอทุกอำเภอ) สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร (กทม.) และสำนักงานเมืองพัทยา รวมจำนวนทั้งสิ้น 400.181 ล้านบาท ทั้งนี้ จะเบิกจ่ายจากงบประมาณของกองทุนฯ ที่ได้รับการจัดสรรไว้แล้วจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น |
ระยะเวลาดำเนินการ |
เดือนธันวาคม 2564 – ธันวาคม 2565 ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าประชาชนจะสามารถเริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 |
ประโยชน์ ที่คาดว่าจะได้รับ |
สามารถระบุตัวผู้มีรายได้น้อยและมีฐานข้อมูลผู้มีรายได้น้อย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดสรรสวัสดิการสังคมของภาครัฐ แก้ไขปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน |
หมายเหตุ: *การลงทะเบียนรอบใหม่ในครั้งนี้ รวมถึงผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ เดิมต้องลงทะเบียนใหม่ด้วย
2. การดำเนินการที่สำคัญของโครงการฯ ปี 2565
2.1 การตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียน ดังนี้
หัวข้อ |
รายละเอียด |
|
1. สัญชาติ |
ไทย |
|
2. อายุ |
ตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป |
|
3. บุคคลที่เข้าข่ายไม่ได้รับสิทธิ |
3.1 ภิกษุ สามเณร นักพรตหรือนักบวช 3.2 ผู้ต้องขัง ผู้ถูกกักกัน ผู้ต้องกักขัง 3.3 บุคคลที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ 3.4 บุคคลดังต่อไปนี้ 3.4.1 ข้าราชการ 3.4.2 พนักงานราชการ 3.4.3 พนักงาน ลูกจ้าง เจ้าหน้าที่ หรือผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐที่ได้รับค่าตอบแทนจากหน่วยงานของรัฐ [หน่วยงานของรัฐตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561] โดยตรง เว้นแต่บุคคลดังกล่าวได้รับค่าตอบแทนไม่เกิน 100,000 บาท/ปี (รอบปีปฏิทิน) 3.4.4 ผู้รับบำเหน็จรายเดือน 3.4.5 ผู้รับบำนาญปกติ หรือเบี้ยหวัดจากส่วนราชการ 3.5 ข้าราชการการเมืองตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2535 3.6 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา |
|
4. รายได้ |
4.1 รายได้ของผู้ลงทะเบียนไม่เกิน 100,000 บาท/คน/ปี ในช่วงระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง 4.2 รายได้เฉลี่ยของครอบครัวของผู้ลงทะเบียนไม่เกิน 100,000 บาท/คน/ปี ในช่วงระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง (การคำนวณรายได้เฉลี่ยของครอบครัวของผู้ลงทะเบียนคำนวณได้จากการรวมรายได้ของผู้ลงทะเบียนและสมาชิกในครอบครัวของผู้ลงทะเบียน หารด้วยจำนวนบุคคลทั้งหมดในครอบครัว) |
|
5. ทรัพย์สินทางการเงิน ได้แก่ เงินฝาก สลากพันธบัตร และตราสารหนี้ภาครัฐ |
5.1 ทรัพย์สินทางการเงินของผู้ลงทะเบียนมีมูลค่าไม่เกิน 100,000 บาท/คน ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง 5.2 ทรัพย์สินทางการเงินเฉลี่ยของครอบครัวของผู้ลงทะเบียนมีมูลค่าไม่เกิน 100,000 บาท/คน ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง (การคำนวณทรัพย์สินทางการเงินเฉลี่ยของครอบครัวของผู้ลงทะเบียน คำนวณได้จากการรวมมูลค่าทรัพย์สินทางการเงินของผู้ลงทะเบียนและสมาชิกในครอบครัวของผู้ลงทะเบียน หารด้วยจำนวนบุคคลทั้งหมดในครอบครัว) |
|
6. อสังหาริมทรัพย์ |
6.1 อสังหาริมทรัพย์ของผู้ลงทะเบียน 6.1.1 ไม่มีกรรมสิทธิในอสังหาริมทรัพย์ หรือมีกรรมสิทธิในอสังหาริมทรัพย์ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง จะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ (1) ที่อยู่อาศัยที่เป็นที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (บ้านพร้อมที่ดิน) (1.1) กรณีอยู่อาศัยอย่างเดียว (1.1.1) บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ ห้องแถว และตึกแถว ต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 25 ตารางวา (1.1.2) ห้องชุดต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 35 ตารางเมตร (1.2) กรณีเป็นที่อยู่อาศัยและใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อการเกษตร ต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 10 ไร่ หรือในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตรจะต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 1 ไร่ (2) ที่ดินแยกจากที่อยู่อาศัย (2.1) ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตร ต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 1 ไร่ (2.2) ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการเกษตร ต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 10 ไร่ 6.1.2 ไม่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ และหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรือมีหนังสือดังกล่าว แต่เมื่อรวมกับข้อ 6.1.1 [ยกเว้น ข้อ (1.1.2)] จะต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 1 ไร่ หรือ 10 ไร่ แล้วแต่กรณี ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง ทั้งนี้ ผู้ลงทะเบียนที่มีรายชื่อเป็นเกษตรกร* ตามฐานข้อมูลของหน่วยงานของรัฐหรือได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมให้ถือว่าผู้ลงทะเบียนใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อการเกษตร 6.2 อสังหาริมทรัพย์ของผู้ลงทะเบียนและสมาชิกในครอบครัวของผู้ลงทะเบียน 6.2.1 ไม่มีกรรมสิทธิในอสังหาริมทรัพย์ หรือมีกรรมสิทธิในอสังหาริมทรัพย์ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง จะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ (1) ที่อยู่อาศัยที่เป็นที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (บ้านพร้อมที่ดิน) (1.1) กรณีอยู่อาศัยอย่างเดียว (1.1.1) กรณีผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสเป็นเจ้าของที่ดินที่มีลักษณะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ ห้องแถว และตึกแถวแยกจากกัน ไม่ว่าจะมีบุคคลอื่นเป็นเจ้าของรวมด้วยหรือไม่ก็ตาม ส่วนที่เป็นกรรมสิทธิในที่ดินของผู้ลงทะเบียนและคู่สมรส แต่ละคนต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 25 ตารางวา กรณีผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสเป็นเจ้าของที่ดินที่มีลักษณะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ ห้องแถว และตึกแถวร่วมกัน ไม่ว่าจะมีบุคคลอื่นเป็นเจ้าของรวมด้วยหรือไม่ก็ตาม ส่วนที่เป็นกรรมสิทธิในที่ดินของผู้ลงทะเบียนและคู่สมรส รวมกันต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 25 ตารางวา (1.1.2) กรณีผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสเป็นเจ้าของห้องชุดแยกจากกัน ไม่ว่าจะมีบุคคลอื่นเป็นเจ้าของรวมด้วยหรือไม่ก็ตาม ส่วนที่เป็นกรรมสิทธิในห้องชุดของผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสแต่ละคนต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 35 ตารางเมตร กรณีผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสเป็นเจ้าของห้องชุดร่วมกัน ไม่ว่าจะมีบุคคลอื่นเป็นเจ้าของรวมด้วยหรือไม่ก็ตาม ส่วนที่เป็นกรรมสิทธิในห้องชุดของผู้ลงทะเบียนและคู่สมรสรวมกันต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 35 ตารางเมตร (1.2) กรณีเป็นที่อยู่อาศัยและใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อการเกษตร ต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 20 ไร่ หรือในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตรจะต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 2 ไร่ (2) ที่ดินแยกจากที่อยู่อาศัย (2.1) ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตร ต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 2 ไร่ (2.2) ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการเกษตร ต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 20 ไร่ 6.2.2 ไม่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ และหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรือมีหนังสือดังกล่าว แต่เมื่อรวมกับข้อ 6.2.1 (ยกเว้นข้อ 1.1.2) จะต้องมีพื้นที่ไม่เกิน 2 ไร่ หรือ 20 ไร่ แล้วแต่กรณี ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง ทั้งนี้ หากมีผู้ลงทะเบียนหรือสมาชิกในครอบครัวของผู้ลงทะเบียนอย่างน้อย 1 คน มีรายชื่อเป็นเกษตรกร* ตามฐานข้อมูลของหน่วยงานของรัฐหรือได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมให้ถือว่าผู้ลงทะเบียนและสมาชิกในครอบครัวของผู้ลงทะเบียนใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อการเกษตร |
|
7. บัตรเครดิต |
ผู้ลงทะเบียนจะต้องไม่มีบัตรเครดิต ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง |
|
8. หนี้สิน |
ผู้ลงทะเบียนจะต้องไม่มีวงเงินกู้ หรือมีวงเงินกู้ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง แต่ไม่เกินหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ 8.1 วงเงินกู้สำหรับที่อยู่อาศัยรวมไม่เกิน 1.5 ล้านบาท 8.2 วงเงินกู้สำหรับยานพาหนะรวมไม่เกิน 1 ล้านบาท |
หมายเหตุ: 1) *เกษตรกร หมายถึง การเป็นเกษตรกรตามฐานข้อมูลของหน่วยงานของรัฐของผู้ลงทะเบียนและสมาชิกในครอบครัวของผู้ลงทะเบียน ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง และข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
2) สมาชิกในครอบครัวของผู้ลงทะเบียน หมายถึง คู่สมรสและบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย อายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ ของผู้ลงทะเบียนตามข้อมูลของกรมการปกครอง สำหรับบุตรที่มีอายุเกิน 18 ปี ขึ้นไป จะถือเป็นครอบครัวใหม่ โดยจะไม่ได้รวมอยู่ในการพิจารณาของเกณฑ์ครอบครัว
3) การลงทะเบียนตามโครงการฯ เป็นรูปแบบสมัครใจ (Voluntary Basis) ผู้ลงทะเบียนจะต้องรับรองความถูกต้องของข้อมูลและรับรองลายมือชื่อของสมาชิกในครอบครัวของผู้ลงทะเบียนในแบบฟอร์มการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ซึ่งผู้ลงทะเบียนและสมาชิกในครอบครัวของผู้ลงทะเบียนจะต้องยินยอมให้เปิดเผยและตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคลด้วย
4) หากมีการตรวจสอบในช่วงใดพบว่าผู้มีบัตรสวัสดิการฯ เป็นบุคคลที่ไม่เข้าข่ายได้รับสิทธิ ตามคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนที่กำหนดไว้ ผู้มีบัตรสวัสดิการฯ จะถูกระงับสิทธิถึงแม้จะเคยผ่านการตรวจสอบในช่วงลงทะเบียนแล้วก็ตาม ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ เงื่อนไข วิธีการ และระยะเวลาในการตรวจสอบคุณสมบัติ ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการฯ กำหนด เพื่อประโยชน์ในการปรับฐานข้อมูลผู้มีบัตรสวัสดิการฯ ให้ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน
5) ข้อมูลอื่นที่ใช้ประกอบการลงทะเบียน เช่น สถานภาพการเป็นนักเรียนหรือนักศึกษา การเดินทางออกนอกราชอาณาจักร กรรมสิทธิในรถ เป็นต้น
2.2 แนวทางการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาผู้มีรายได้น้อยที่ไม่ได้รับบัตรสวัสดิการฯ และผู้มีบัตรสวัสดิการฯ ที่ไม่ควรได้รับสิทธิในช่วงที่ผ่านมา ดังนี้
(1) การแก้ไขปัญหาผู้มีรายได้น้อยที่ไม่ได้บัตรสวัสดิการฯ (Exclusion Error) โดยจะเปิดรับลงทะเบียนตามโครงการฯ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
(2) การแก้ไขปัญหาผู้มีบัตรฯ ที่ไม่ควรได้รับสิทธิ (Inclusion Error) จะมีการดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติและตรวจสอบข้อมูลของผู้ลงทะเบียน อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยนำข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผู้มีบัตรสวัสดิการฯ ที่ได้รับจากผู้ดูแลผู้มีบัตรสวัสดิการฯ (Account Officer: AO) และเสนอคณะกรรมการฯ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบดำเนินการระงับสิทธิผู้มีบัตรสวัสดิการฯ ต่อไป
2.3 ผู้ได้รับสิทธิจากโครงการฯ ปี 2565 จะใช้บัตรประจำตัวประชาชนแทนบัตรสวัสดิการฯ (บัตรสวัสดิการฯ ที่ได้เริ่มใช้งานตั้งแต่เดือนตุลาคม 2560 มีอายุการใช้งาน 5 ปี จะหมดอายุในเดือนกันยายน 2565) ซึ่งจะส่งผล ดังนี้
(1) ประหยัดต้นทุนในการผลิตบัตรสวัสดิการฯ ประมาณ 1,258 ล้านบาท (ประมาณการจากบัตรที่คาดว่าจะผลิตจำนวน 17 ล้านใบ ต้นทุนการผลิตใบละ 74 บาท)
(2) ประหยัดเวลาในการผลิตและแจกบัตรสวัสดิการฯ รวมทั้งลดต้นทุนในการขนส่งบัตรสวัสดิการฯ
(3) ลดปัญหาเรื่องการสวมสิทธิบัตรประจำตัวประชาชนหรือการนำบัตรประจำตัวประชาชนของบุคคลอื่นไปใช้สิทธิแทน
(4) ช่วยลดการทุจริต เช่น กรณีร้านค้าเก็บบัตรสวัสดิการฯ ไว้เอง เป็นต้น
2.4 การมอบหมายคณะผู้บริหารการคลังประจำจังหวัด (คบจ.) เป็นผู้ช่วยประสานงานการดำเนินโครงการฯ ปี 2565 โดยคณะกรรมการฯ ได้มีมติเห็นชอบให้ กค. มอบหมาย คบจ. เป็นผู้ช่วยประสานงานการดำเนินโครงการฯ ปี 2565 ในการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจในโครงการฯ ปี 2565 และสามารถประสานงานสำหรับโครงการฯ ในพื้นที่จังหวัดต่างๆ
3. ร่างประกาศฯ โดยมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินผลการดำเนินงานและความคุ้มค่าในการจัดประชารัฐสวัสดิการ โดยให้คณะอนุกรรมการโยบายการจัดประชารัฐสวัสดิการ (คณะอนุกรรมการฯ) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการฯ ดำเนินการในเรื่องต่างๆ สรุปได้ ดังนี้
3.1 จัดทำรายงานการประเมินผลการดำเนินงานและความคุ้มค่าในการจัดประชารัฐสวัสดิการ (รายงานการประเมินผลฯ) อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยในการจัดทำรายงานการประเมินผลฯ ต้องแสดงรายละเอียดของการจัดประชารัฐสวัสดิการอย่างน้อยในเรื่องตังต่อไปนี้ เช่น (1) จำนวนผู้มีสิทธิและมูลค่าที่ผู้มีสิทธิจะได้รับการจัดประชารัฐสวัสดิการ (2) จำนวนผู้ได้รับประชารัฐสวัสดิการและต้นทุนหรือมูลค่าในการจัดประชารัฐสวัสดิการ (3) ผลประโยชน์ของการจัดประชารัฐสวัสดิการ เช่น มูลค่าของการบรรเทาภาระค่าครองชีพให้แก่ผู้มีรายได้น้อย การสนับสนุนค่าใช้จ่ายเพื่อการศึกษาหรือการประกอบอาชีพ เป็นต้น
3.2 จัดทำรายงานการสำรวจความพึงพอใจในการจัดประชารัฐสวัสดิการจากผู้มีบัตรสวัสดิการฯ และผู้ได้รับบริการทางสังคมตามวิธีการทางสถิติ (รายงานการสำรวจฯ) อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
3.3 เสนอรายงานการประเมินผลฯ และรายงานการสำรวจฯ ต่อคณะกรรมการฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบ เมื่อคณะกรรมการฯ เห็นชอบแล้วให้รับรองรายงานและรายงานผลการประเมินดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไป
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 1 กุมภาพันธ์ 2565
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396
A2056