ผลการประชุมคณะกรรมการบูรณาการการเชื่อมโยงทางรถไฟระหว่างไทย ลาว และจีน ครั้งที่ 1/2565
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Tuesday, 18 January 2022 20:41
- Hits: 7195
ผลการประชุมคณะกรรมการบูรณาการการเชื่อมโยงทางรถไฟระหว่างไทย ลาว และจีน ครั้งที่ 1/2565
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคม (คค.) เสนอผลการประชุมคณะกรรมการบูรณาการเชื่อมโยงทางรถไฟระหว่างไทย ลาว และจีน ครั้งที่ 1/2565 สรุปได้ ดังนี้
สาระสำคัญ
คณะกรรมการบูรณาการการเชื่อมโยงทางรถไฟระหว่างไทย ลาว และจีน ได้มีการประชุม ครั้งที่ 1/2565 เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2565 โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) เป็นประธานกรรมการ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นรองประธานกรรมการ พร้อมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม สรุปผลการประชุม ดังนี้
1. รับทราบคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 1/2565 สั่ง ณ วันที่ 4 มกราคม 2565 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการบูรณาการการเชื่อมโยงทางรถไฟระหว่างไทย ลาว และจีน
2. รับทราบความก้าวหน้าโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาคช่วงกรุงเทพมหานคร - หนองคาย
3. รับทราบผลการประชุมไตรภาคีเพื่อหารือแนวทางการเชื่อมโยงรถไฟระหว่างไทย ลาว และจีน เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2564 ซึ่งมีสาระสำคัญในการเห็นชอบร่วมกันในการลงทุนร่วมกันในสะพานแห่งใหม่ระหว่างไทยและลาว รวมถึงเห็นชอบให้จัดตั้งคณะทำงานด้านเทคนิคและด้านธุรกิจเพื่อร่วมหารือกันต่อไป
4. รับทราบสถานะการค้าและการขนส่ง ภายหลังรถไฟลาว-จีน เปิดให้บริการ เปรียบเทียบสถิติการส่งออกสินค้าผ่านชายแดนหนองคายในช่วงเดือนธันวาคมปี 2563 กับช่วงเดือนธันวาคม 2564 (ช่วงที่มีการเปิดการให้บริการรถไฟลาว - จีน) พบว่ามีปริมาณการขนส่งเพิ่มขึ้นจาก 116,552 ตัน เป็น 304,119 ตัน ซึ่งมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 4.64 พันล้านบาท เป็น 6.91 พันล้านบาท มูลค่านำเข้าส่งออกที่ด่านหนองคายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหลังจากมีรถไฟลาว - จีนเกิดขึ้น ปัจจุบันมีการเพิ่มรถไฟเป็นจาก 4 ขบวนต่อวันเป็น 14 ขบวนต่อวัน และจากการขนส่งขบวนละ 12 แคร่ เป็น 25 แคร่ ซึ่งจะมีศักยภาพเพิ่มขึ้นประมาณ 8 เท่า แต่ยังมีปริมาณการขนส่งทางรถไฟไม่มากนักเนื่องจากสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19
5. เห็นชอบแผนการดำเนินการเชื่อมโยงทางรถไฟระหว่างไทย ลาว และจีน อาทิ
1) แผนการก่อสร้างของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้แก่ โครงการรถไฟความเร็วสูงระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ - นครราชสีมา โครงการรถไฟความเร็วสูง ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา - หนองคาย และโครงการรถไฟทางคู่ช่วงขอนแก่น - หนองคาย
2) การบริหารจัดการใช้ทางรถไฟและการใช้สะพาน ได้แก่ การบริหารจัดการสะพานเดิม ระหว่างรอการก่อสร้างสะพานแห่งใหม่ และการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่
3) การพัฒนาย่านขนถ่ายสินค้า
พื้นที่ด่านศุลกากรหนองคายคาดว่ามีความสามารถในการรองรับรถบรรทุกสูงสุด 650 คันต่อวัน ทั้งนี้ แนวทางพัฒนาย่านขนถ่ายสินค้าของฝั่งไทย - ลาว เพื่อเชื่อมต่ออย่างไร้รองต่อในการขนส่งสินค้าข้ามแดนผ่านทางรถไฟช่วงหนองคาย - เวียงจันทน์ แบ่งเป็น 2 ระยะ ได้แก่
(1) ระยะเร่งด่วน : การพัฒนาย่านสถานีหนองคายเป็นพื้นที่เปลี่ยนถ่ายสินค้า
(2) ระยะยาว : การพัฒนาพื้นที่นาทาเพื่อเป็นศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าและย่านกองเก็บตู้สินค้า (เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าในอนาคต)
6. ที่ประชุมเห็นชอบในหลักการการกำกับติดตามเพื่อขับเคลื่อนดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ดังนี้
1) กรมทางหลวง
กรมทางหลวงอยู่ระหว่างดำเนินการพื้นที่สำหรับการตรวจปล่อยสินค้าขาออกบริเวณหนองสองห้อง โดยระยะเร่งด่วนจะดำเนินการปี 2565 วงเงินงบประมาณ 10 ล้านบาท และขอรับงบประมาณในปี 2566 จากพื้นที่ที่ดินสงวนฯ เดิม 87 ไร่ เหลือพื้นที่ที่สามารถดำเนินการได้ประมาณ 80 ไร่ วงเงินงบประมาณ 280 ล้านบาท รองรับรถบรรทุกได้ประมาณ 201 คัน พร้อมห้องน้ำ และจุดพักคอย รถยนต์ส่วนบุคคลทั่วไปได้ 82 คัน ที่จอดรถสำหรับคนพิการ 6 คัน
2) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมวิชาการเกษตร กรมประมง กรมปศุสัตว์ สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ การยางแห่งประเทศไทย ซึ่งได้มีแนวทางการจัดทำแผนปฏิบัติการระยะสั้น โดยการครอบคลุมเรื่องการลงนามพิธีสารฯ ระหว่างไทย - จีน และการอบรมพัฒนาบุคลากร เตรียมความพร้อมในพื้นที่ด่าน ระยะกลางโดยการครอบคลุมการเตรียมความพร้อมที่ด่านและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกในการกักกันและตรวจปล่อยสินค้าเกษตรขาเข้า - ออก รวมถึงแผนการเพิ่มบุคลากรประจำด่าน และการพัฒนาระบบเชื่อมโยงด้าน IT และการออกใบรับรองสุขอนามัยอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น และในระยะยาวอยู่ระหว่างพิจารณาดำเนินการ
3) กรมศุลกากร
โครงการระบบตรวจสอบ Mobile X-Ray ภายในวงเงินไม่เกิน 130 ล้านบาท ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ ครั้งที่ 1/2564 มีมติให้ กรมศุลกากรจัดเตรียมความพร้อมในด้านกระบวนการและพิธีศุลกากร ซึ่งด่านศุลกากรหนองคายขอรับการสนับสนุนระบบตรวจสอบตู้สินค้าด้วยเอกซเรย์แบบเคลื่อนที่ได้จำนวน 1 คัน รุ่น MT1213DE โดยสามารถใช้ได้ทั้ง Standard Mode ที่มีขีดความสามารถ 20-25 คัน/ตู้ ต่อชั่วโมง และ Drive-through Mode มีขีดความสามารถที่ 150 คัน/ตู้ ต่อชั่วโมง
4) กระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงการต่างประเทศรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการในฝั่งลาวเพื่อแลกเปลี่ยนและบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย ใช้ประกอบการวางยุทธศาสตร์เพื่อส่งเสริมการส่งออกของไทย และอำนวยความสะดวกให้ฝ่ายไทย สามารถใช้ประโยชน์จากความเชื่อมโยงในภูมิภาคได้เต็มประสิทธิภาพ และหยิบยกในการหารือระดับสูงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของลาวและจีน เพื่อติดตามความคืบหน้าและผลักดันการเชื่อมต่อรถไฟลาว - จีน กับระบบรางของไทย เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้ประกอบการ และส่งเสริมการส่งออกของไทยผ่านทางรถไฟต่อไป
5) กระทรวงอุตสาหกรรม
กระทรวงอุตสาหกรรมอยู่ระหว่างดำเนินการนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี โดยมีระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีมาตรฐาน และศูนย์กระจายสินค้าทางรางเพื่อรองรับรถไฟจากลาวและจีน ซึ่งประเภทอุตสาหกรรมเป้าหมายประกอบด้วย อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์ยาง อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ อุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง และศูนย์กระจายสินค้า เป็นต้น
7. เห็นชอบในหลักการการจัดทำกรอบความตกลง (Framework Agreement) การขนส่งทางรถไฟระหว่างไทย ลาว และจีน โดยมีสาระสำคัญการกำหนดสิทธิการเดินรถไฟระหว่างสามประเทศเพื่อให้เกิดการเดินรถไฟอย่างมีประสิทธิภาพ
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 18 มกราคม 2565
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396
A1427