รายงานสถานการณ์การส่งออกของไทย เดือนกันยายน 2564
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Friday, 10 December 2021 18:35
- Hits: 6590
รายงานสถานการณ์การส่งออกของไทย เดือนกันยายน 2564
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์การส่งออกของไทย เดือนกันยายน 2564 ตามที่กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) เสนอ ดังนี้
1. สาระสำคัญ
1. สรุปสถานการณ์การส่งออกของไทย เดือนกันยายน 2564
การส่งออกของไทยในเดือนกันยายน 2564 มีมูลค่า 23,036.0 ล้านเหรียญสหรัฐ (760,556 ล้านบาท) ขยายตัวร้อยละ 17.1 หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัวร้อยละ 14.8 การเติบโตอย่างแข็งแกร่งนี้ ได้รับแรงหนุนจากการส่งเสริม ผลักดัน และแก้ไขอุปสรรคด้านการส่งออกที่เป็นไปอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องของกระทรวงพาณิชย์ เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่เติบโตดี และการอ่อนค่าของเงินบาทช่วยเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันสินค้าไทย ทั้งนี้ การส่งออก 9 เดือนแรกของปี 2564 ขยายตัวร้อยละ 15.5 เมื่อหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัวร้อยละ 20.4
มูลค่าการค้ารวม
มูลค่าการค้าในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐ เดือนกันยายน 2564 การส่งออก มีมูลค่า 23,036.0 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 17.1 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 22,426.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 30.3 ดุลการค้าเกินดุล 609.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ภาพรวมการส่งออก 9 เดือนแรกของปี 2564 การส่งออก มีมูลค่า 199,997.7 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 15.5 การนำเข้า มีมูลค่า 197,980.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 30.9 ดุลการค้า 9 เดือนแรก เกินดุล 2,016.8 ล้านเหรียญสหรัฐ
มูลค่าการค้าในรูปเงินบาท เดือนกันยายน 2564 การส่งออก มีมูลค่า 760,556.3 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 24.4 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การนำเข้า มีมูลค่า 750,267.0 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 38.4 ดุลการค้าเกินดุล 10,289.3 ล้านบาท ภาพรวมการส่งออก 9 เดือนแรกของปี 2564 การส่งออก มีมูลค่า 6,202,170.0 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 15.0 การนำเข้า มีมูลค่า 6,226,790.7 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 30.5 ดุลการค้า 9 เดือนแรก ขาดดุล 24,620.7 ล้านบาท
การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร
มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัวร้อยละ 12.1 (YoY) ขยายตัวต่อเนื่อง 10 เดือน สินค้าที่ขยายตัวดี ได้แก่ ยางพารา ขยายตัวร้อยละ 83.6 (ขยายตัวในตลาดจีน มาเลเซีย สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้) ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ขยายตัวร้อยละ 44.4 (ขยายตัวในตลาดจีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน อินโดนีเซีย และเกาหลีใต้) ข้าว ขยายตัวร้อยละ 33.8 (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ แอฟริกาใต้ จีน อิรัก และมาเลเซีย) อาหารสัตว์เลี้ยง ขยายตัวร้อยละ 23.6 (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ มาเลเซีย ออสเตรเลีย อิตาลี และฟิลิปปินส์) ผลไม้กระป๋องและแปรรูป ขยายตัวร้อยละ 29.3 (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และรัสเซีย) สินค้าที่หดตัว ได้แก่ ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง หดตัวร้อยละ 22.0 (หดตัวในตลาดจีน สหรัฐฯ ฮ่องกง และเวียดนาม แต่ขยายตัวดีในตลาดอินโดนีเซีย มาเลเซีย เกาหลีใต้ เมียนมา ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น) ยกเว้น ลำไยสด ขยายตัวร้อยละ 73.8 มะม่วงสด ขยายตัวร้อยละ 55.9 อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป หดตัวร้อยละ 18.2 (หดตัวในตลาดสหรัฐฯ ออสเตรเลีย และแคนาดา แต่ขยายตัวดีในตลาดญี่ปุ่น อียิปต์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เยเมน กัมพูชา และแอฟริกาใต้) ไก่สด แช่เย็น แช่แข็ง และแปรรูป หดตัวร้อยละ 22.8 (หดตัวในตลาดญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร จีน เกาหลีใต้ ฮ่องกง และสิงคโปร์ แต่ขยายตัวดีในตลาดเนเธอร์แลนด์ และมาเลเซีย) สินค้าปศุสัตว์อื่นๆ หดตัวร้อยละ 66.3 (หดตัวในตลาดเวียดนาม กัมพูชา สปป.ลาว และญี่ปุ่น แต่ขยายตัวดีในตลาดเมียนมา จีน สหรัฐฯ อินโดนีเซีย และออสเตรเลีย) เครื่องดื่ม หดตัวร้อยละ 25.6 (หดตัวในตลาดกัมพูชา เวียดนาม เมียนมา จีน และสปป.ลาว แต่ขยายตัวดีในตลาดสิงคโปร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อินโดนีเซีย และกานา) 9 เดือนแรกของปี 2564 การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัวร้อยละ 14.5
การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม
มูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัวร้อยละ 15.8 (YoY) ขยายตัวต่อเนื่อง 7 เดือน สินค้าที่ขยายตัวดี ได้แก่ สินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ขยายตัวร้อยละ 61.0 (ขยายตัวในตลาดจีน อินเดีย กัมพูชา ญี่ปุ่น และมาเลเซีย) รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 4.9 (ขยายตัวในตลาดจีน ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และแอฟริกาใต้) เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 22.6 (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ฮ่องกง จีน มาเลเซีย และสิงคโปร์) เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 32.8 (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย และสิงคโปร์) แผงวงจรไฟฟ้า ขยายตัวร้อยละ 16.3 (ขยายตัวในตลาดฮ่องกง สิงคโปร์ จีน ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ) เหล็ก เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์ ขยายตัวร้อยละ 38.7 (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ จีน และอินเดีย) สินค้าที่หดตัว ได้แก่ เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ หดตัวร้อยละ 8.0 (หดตัวในตลาดญี่ปุ่น ฮ่องกง เนเธอร์แลนด์ เม็กซิโก และสิงคโปร์ แต่ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเมียนมา) เครื่องซักผ้า เครื่องซักแห้งและส่วนประกอบ หดตัวร้อยละ 24.3 (หดตัวในตลาดสหรัฐฯ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย แต่ขยายตัวได้ดีในตลาดอินโดนีเซีย) ทองคำยังไม่ได้ขึ้นรูป หดตัวร้อยละ 52.6 (หดตัวในตลาดสิงคโปร์ และสวิตเซอร์แลนด์ แต่ขยายตัวได้ดีในตลาดกัมพูชา สปป.ลาว ฮ่องกง และอินโดนีเซีย) 9 เดือนแรกของปี 2564 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัวร้อยละ 14.6
ตลาดส่งออกสำคัญ
การส่งออกไปยังตลาดสำคัญส่วนใหญ่ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน สรุป ดังนี้
1) ตลาดหลัก ขยายตัวร้อยละ 18.1 โดยขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ร้อยละ 20.2 จีน ร้อยละ 23.3 ญี่ปุ่น ร้อยละ 13.2 อาเซียน (5) ร้อยละ 25.7 CLMV ร้อยละ 8.2 และ สหภาพยุโรป (27) ร้อยละ 12.6 2) ตลาดรอง ขยายตัวร้อยละ 21.8 ขยายตัวทุกกลุ่มตลาด ได้แก่ เอเชียใต้ ร้อยละ 69.0 ทวีปออสเตรเลีย ร้อยละ 3.0 ตะวันออกกลาง ร้อยละ 17.4 ทวีปแอฟริกา ร้อยละ 30.2 ลาตินอเมริกา ร้อยละ 10.1 และรัสเซียและกลุ่มประเทศ CIS ร้อยละ 42.5 และ 3) ตลาดอื่นๆ หดตัวร้อยละ 65.5
3.2 แนวโน้ม และมาตรการส่งเสริมการส่งออกในปี 2564
การส่งออกของไทยในปี 2564 มีแนวโน้มขยายตัวดี สะท้อนจาก (1) ทิศทางการค้าโลกขยายตัวต่อเนื่องจนถึงไตรมาสที่ 4 (2) ค่าเงินบาทยังอยู่ในทิศทางอ่อนค่า ช่วยเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันด้านราคาให้กับสินค้าไทย (3) การผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ การใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ และการเตรียมเปิดประเทศในหลายประเทศ และ (4) ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่กำลังฟื้นตัวและเติบโต ช่วยสนับสนุนการส่งออกสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน อาทิ เม็ดพลาสติก และเคมีภัณฑ์ สำหรับแผนส่งเสริมการส่งออกในช่วงที่เหลือของปี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) ยังคงมอบหมายให้หน่วยงานต่างๆ ดำเนินการตามยุทธศาสตร์ “ตลาดนำการผลิต” และแผนงานของกระทรวงพาณิชย์ที่กำหนดไว้ โดยในช่วงที่เหลือของปี กระทรวงพาณิชย์ยังคงเดินหน้าจัดกิจกรรมที่ช่วยขับเคลื่อนการส่งออก อาทิ การนำสินค้าไทยไปขายบนแพลตฟอร์มของอินโดนีเซีย โดยเฉพาะสินค้าอาหารสุขภาพ ความงาม และไลฟ์สไตล์ การเร่งรัดการส่งออกข้าวไปยังตลาดแอฟริกาใต้ จีน เยเมน และอิรัก พร้อมแผนประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในตลาดอินโดนีเซีย บังกลาเทศ และจีน นอกจากนี้ ยังจะมีแผนการดำเนินการที่เป็นผลจากการลงพื้นที่ของรองนายกรัฐมนตรีฯ ได้แก่ มาตรการบริหารจัดการผลไม้เชิงรุก 17 มาตรการ พร้อมผลักดันสินค้าเกษตรมูลค่าสูง การส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการค้าอีคอมเมิร์ซของผู้ประกอบการรุ่นใหม่ และการเร่งรัดให้มีการเปิดด่านการค้าชายแดนอีก 11 ด่านหลังจากที่ได้ปิดชั่วคราวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 30 พฤศจิกายน 2564
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396
A12171