การขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำตามมติคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2564 เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2564
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Saturday, 13 November 2021 17:56
- Hits: 6190
การขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำตามมติคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2564 เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2564
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำตามมติคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ครั้งที่ 3 / 2564 เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2564 และมอบหมายให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ดำเนินการตามที่ กนช. เสนอ โดยให้ กนช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ และสำนักงาน สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
สาระสำคัญของเรื่อง
กนช. รายงานว่า ในการประชุม กนช. ครั้งที่ 3/2564 เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2564 โดยมี รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เป็นประธานที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบให้นำเรื่องสำคัญเชิงนโยบายเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อมอบหมายหน่วยงานดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2580) และพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 จำนวน 4 เรื่อง ดังนี้
1. เรื่องมาตรการรับมือฤดูฝน 10 มาตรการ
1.1 กนช. รายงานว่า จากสถานการณ์ฝนตกหนักเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2564 ทำให้พื้นที่จังหวัดสมุทรปราการเกิดน้ำท่วมขังบริเวณเขตนิคมอุตสาหกรรมบางปู และมีการคาดการณ์เส้นทางเดินพายุหมุนเขตร้อน 2 ลูก ได้แก่ พายุไต้ฝุ่น “จันทู” บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก ที่จะเคลื่อนเข้าใกล้เกาะไต้หวัน ในวันที่ 11 - 13 กันยายน 2564 และพายุโซนร้อน “โกนเซิน” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ที่จะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำลงสู่อ่าวตังเกี๋ยในช่วงวันที่ 12 - 13 กันยายน 2564 ซึ่งส่งผลทำให้มีปริมาณฝนเพิ่มขึ้นในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จึงได้มีการคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงอุทกภัยเดือนกันยายน - ธันวาคม 25641 รายละเอียด ดังนี้
เดือน |
พื้นที่เสี่ยงอุทกภัย |
กันยายน |
55 จังหวัด 347 อำเภอ 1,375 ตำบล |
ตุลาคม |
58 จังหวัด 347 อำเภอ 1,492 ตำบล |
พฤศจิกายน |
40 จังหวัด 202 อำเภอ 956 ตำบล |
ธันวาคม |
12 จังหวัด 105 อำเภอ 540 ตำบล |
1.2 กนช. พิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นจึงเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตาม 10 มาตรการรับมือฤดูฝน โดยมีนโยบายที่ต้องเร่งดำเนินการ ดังนี้
การดำเนินการ |
การมอบหมาย |
|
มาตรการที่ 2 การบริหารจัดการพื้นที่ลุ่มต่ำเพื่อรองรับน้ำหลาก |
ให้กรมชลประทานประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนให้ประชาชนรับทราบถึงการใช้พื้นที่ลุ่มต่ำเพื่อรองรับน้ำหลาก และปรับพื้นที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพระยาบรรลือและโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษารังสิตใต้ออกจากพื้นที่รับน้ำหลาก เนื่องจากเป็นการรับน้ำผ่านคลองชลประทานเท่านั้น |
|
มาตรการที่ 5 ปรับปรุง แก้ไข สิ่งกีดขวางทางน้ำ |
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบสิ่งกีดขวางทางน้ำ และเร่งให้ปรับปรุง เพื่อให้การระบายน้ำมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น |
|
มาตรการที่ 6 ขุดลอกคูคลองและกำจัดผักตบชวา |
ให้กรมโยธาธิการและผังเมืองประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งกำจัดผักตบชวาที่เริ่มมีมากขึ้นในแม่น้ำท่าจีน และอ่างเก็บน้ำห้วยกระบอก อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา เพื่อเตรียมการระบายน้ำ |
|
มาตรการที่ 7 เตรียมความพร้อม/วางแผน เครื่องจักร เครื่องมือประจำพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมและฝนน้อยกว่าค่าปกติ |
ให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเป็นเจ้าภาพหลักในการเตรียมพร้อม วางแผนเครื่องจักรเครื่องมือ ประจำพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม โดยการบูรณาการจัดทำแผนปฏิบัติการการใช้เครื่องจักรเครื่องมือที่มีกระจายอยู่ในพื้นที่ต่างๆ อยู่ทั่วประเทศ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมความพร้อมนำเครื่องมือลงในพื้นที่เสี่ยง และพื้นที่คาดว่าจะได้รับน้ำท่วมในเขตเศรษฐกิจ พร้อมทั้งรายงานให้คณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัดทราบต่อไปด้วย |
|
มาตรการที่ 9 สร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ |
ให้ทุกหน่วยงานสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์โดยสื่อสารให้ประชาชนได้รับรู้ รับทราบ เพื่อจะได้เตรียมตัวได้ทันต่อสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น |
|
อื่นๆ |
1) ให้กรมชลประทานเร่งระบายน้ำในพื้นที่น้ำท่วม ไม่ให้เกิดการท่วมขังเป็นระยะเวลานาน เพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบ 2) ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการเตรียมการรองรับกรณีฉุกเฉินที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ช่วงเดือนกันยายน - ตุลาคม ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลาง และเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม ในพื้นที่ภาคใต้ เพื่อรองรับน้ำหลากที่จะเกิดขึ้น พร้อมแจ้งให้คณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัดรับทราบ และต้องมีการซักซ้อมการเผชิญเหตุต่อไปด้วย 3) ให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) วางแผนการระบายน้ำในเขตนิคมอุตสาหกรรม เช่น การขุดคลองระบายน้ำ เป็นต้น |
2. เรื่องความก้าวหน้าแผนงบประมาณด้านทรัพยากรน้ำ
2.1 การใช้จ่ายงบประมาณงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
2.1.1 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินโครงการบรรเทาผลกระทบ ภัยแล้งและป้องกันน้ำท่วม จำนวน 6 ครั้ง2 วงเงินงบประมาณรวม 23,264.30 ล้านบาท จำนวน 23,286 รายการ มีหน่วยดำเนินการ 15 หน่วยงาน ดังนี้
หน่วย : รายการ
โครงการ |
ดำเนินการ แล้วเสร็จ |
ดำเนินการ ยังไม่แล้วเสร็จ* |
ยกเลิก |
รวม |
1) โครงการด้านแหล่งน้ำ |
19,924 |
1,170 |
2,163 |
23,257 |
2) โครงการจัดหาครุภัณฑ์ |
22 |
6 |
1 |
29 |
รวม |
23,286 | |||
* เช่น กระทรวงมหาดไทย จำนวน 1,016 รายการ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จำนวน 102 รายการ กรมทรัพยากรน้ำ จำนวน 43 รายการ กรมชลประทาน จำนวน 11 รายการ กรมเจ้าท่า จำนวน 2 รายการ (เรือกำจัดผักตบชวา รถขุดตักบนโป๊ะ) กรมโยธาธิการและผังเมือง จำนวน 1 รายการ (เรือกำจัดผักตบชวา) และกรุงเทพมหานคร จำนวน 1 รายการ (เครื่องดูดตะกอน) |
ทั้งนี้ หากดำเนินการแล้วเสร็จ จะได้ปริมาณน้ำเก็บกักเพิ่มขึ้น 702.71 ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำบาดาลเพิ่มขึ้น 47.32 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ครัวเรือนรับประโยชน์ 3.29 ล้านครัวเรือน มีพื้นที่ได้รับประโยชน์ 7.19 ล้านไร่ และสามารถกำจัดวัชพืชได้ 7.83 ล้านตัน
2.1.2 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำใน ฤดูฝนเพื่อสำรองน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้ง ปี 2564/2565 และการระบายน้ำในช่วงเดือนสิงหาคม - พฤศจิกายน 2564 จำนวน 2 ครั้ง ดังนี้
(1) โครงการจัดซื้อครุภัณฑ์เครื่องจักรกลสำหรับรองรับการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2564 จำนวน 24 รายการ วงเงินงบประมาณ 426.47 ล้านบาท ดำเนินการโดยกรมชลประทาน ปัจจุบันได้รับจัดสรรงบประมาณแล้วทั้ง 24 รายการ
(2) โครงการสนับสนุนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อแก้ไขปัญหา ภัยแล้ง ปี 2563/64 คณะรัฐมนตรีอนุมัติเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2564 จำนวน 2,854 รายการ วงเงินงบประมาณ 3,248.52 ล้านบาท ดำเนินการโดย 7 หน่วยงาน [กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กรมชลประทาน สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กระทรวงมหาดไทย (มท.) กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กรมทรัพยากรน้ำ] รายละเอียดสรุปได้ ดังนี้
การจัดสรร งบประมาณ |
หน่วยงาน |
รายการ |
วงเงินงบประมาณ (ล้านบาท) |
ได้รับจัดสรร งบประมาณแล้ว |
1) กรมทรัพยากรน้ำบาดาล |
2,194 |
1,437.95 |
2) กรมชลประทาน |
44 |
1,183.31 |
|
3) สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) |
2 |
115.01 |
|
4) มท. (9 จังหวัด) |
291 |
176.17 |
|
5) กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น |
114 |
129.04 |
|
รวม |
5 หน่วยงาน |
2,645 |
3,041.48 |
ไม่ได้รับการจัดสรร งบประมาณ* |
1) กรมทรัพยากรน้ำบาดาล |
1 |
0.09 |
2) มท. |
62 |
26.50 |
|
3) กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น |
12 |
5.78 |
|
รวม |
3 หน่วยงาน |
75 |
32.37 |
อยู่ระหว่าง การพิจารณา จัดสรรงบประมาณ** |
1) หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา |
2 |
30.57 |
2) กรมทรัพยากรน้ำ |
4 |
48.36 |
|
3) กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น |
86 |
39.36 |
|
4) มท. |
42 |
23.65 |
|
รวม |
4 หน่วยงาน |
134 |
141.94 |
* หน่วยรับงบประมาณยังไม่ได้ส่งรายละเอียดรายการเพื่อขอรับจัดสรรงบประมาณจากสำนักงบประมาณ (สงป.) ** หน่วยรับงบประมาณได้ส่งรายละเอียดรายการเพื่อขอรับจัดสรรงบประมาณจาก สงป. แล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของ สงป. |
ทั้งนี้ เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ3 จะมีพื้นที่ได้รับประโยชน์ 117,597 ไร่ ปริมาณน้ำเก็บกักเพิ่มขึ้น 29.18 ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำบาดาลเพิ่มขึ้น 16.79 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี และครัวเรือนได้รับประโยชน์ 145,511 ครัวเรือน
2.2 งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 รายละเอียด ดังนี้
โครงการ |
รายการ |
วงเงิน งบประมาณ (ล้านบาท) |
การเบิกจ่าย (ล้านบาท) |
คงเหลือ ยังไม่เบิกจ่าย (ล้านบาท) |
||
เบิกจ่ายแล้ว |
ก่อหนี้ผูกพัน |
รวม |
||||
แผนงานบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (17 หน่วยรับงบประมาณ) |
3,826 |
65,548.68 |
41,229.91 (ร้อยละ 62.90) |
15,068.19 (ร้อยละ 22.99) |
56,298.11 (ร้อยละ 85.89) |
9,250.57 (ร้อยละ 14.11) |
2.2.1 ความก้าวหน้าเบิกจ่ายและก่อหนี้ผูกพันของแต่ละหน่วยงานสรุปได้ ดังนี้
ผลการเบิกจ่าย |
||
ลำดับ |
ร้อยละ | |
สูงสุด |
1) สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) |
100 |
2) กรมทรัพยากรน้ำบาดาล |
88 |
|
3) กรมป่าไม้ |
97.58 |
|
ต่ำสุด |
1) กรมอุตุนิยมวิทยา |
7.48 |
2) องค์การจัดการน้ำเสีย |
23.40 |
|
3) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย |
31.98 |
2.3 กนช. พิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้แผนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำสามารถบรรเทาปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วมให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน จึงให้หน่วยงานดำเนินการดังนี้
2.3.1 ให้เร่งดำเนินโครงการที่ได้รับงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นให้แล้วเสร็จ เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันสถานการณ์และเป็นไปตามเป้าหมาย
2.3.2 ให้เร่งรัดการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นก่อนสิ้นปีงบประมาณ และรายงานให้ สทนช. ทราบ
2.3.3 ให้เร่งรัดการเบิกจ่ายและก่อหนี้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 แผนงานบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำให้ครบทุกรายการ และรายงานให้ สทนช. เพื่อสรุปรายงานให้ กนช. และคณะรัฐมนตรีทราบตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 มาตรา 17 (4)
2.3.4 ให้ตรวจสอบ ปรับปรุงตัวชี้วัด ผลสัมฤทธิ์ของแผนงานบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ปี 2565 ให้ตรงกับข้อมูลที่รายงานต่อ สงป. และส่งข้อมูลให้ สทนช. เพื่อใช้กำกับ ติดตามต่อไป
2.3.5 ให้รายงานแผนงานโครงการที่ได้รับงบประมาณจากแหล่งอื่น เช่น กองทุนต่างๆ และที่ได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชน เพื่อให้ตัวชี้วัดผลสัมฤทธิ์ครอบคลุมตามเป้าหมายของแผนแม่บท การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2580)
2.3.6 เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีคณะกรรมการลุ่มน้ำชุดใหม่จึงเห็นควรให้ สทนช. ภาค 1 - 4 ในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการลุ่มน้ำเป็นผู้พิจารณาการจัดทำแผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำผ่านระบบ Thai Water Plan ในปี 2566 เพื่อให้สามารถเสนอ กนช. พิจารณาในเดือนธันวาคม 2564 ตามปฏิทินขั้นตอนการจัดทำแผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำ
3. เรื่องกรอบแนวทาง ปฏิทินการดำเนินงานจัดทำข้อมูลการถ่ายโอนภารกิจให้แก่ อปท. ด้านแหล่งน้ำ
3.1 สืบเนื่องจากมติ กนช. ครั้งที่ 3/2563 เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2563 เห็นชอบข้อเสนอเชิงนโยบายการแก้ไขภารกิจที่ยังถ่ายโอนไม่แล้วเสร็จ ให้หน่วยงานที่ต้องถ่ายโอนภารกิจเร่งสำรวจจัดทำบัญชีสินทรัพย์ และจัดส่งให้สำนักงานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่ อปท. จำแนกเป็น (1) โครงการที่ยังถ่ายโอนไม่แล้วเสร็จ (ก่อนปี พ.ศ. 2551) และ (2) โครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จแต่ไม่สามารถถ่ายโอนภารกิจและสินทรัพย์ตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ได้หลังปี พ.ศ. 2551 โดยให้จัดทำบัญชีสินทรัพย์เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสนอต่อ กนช. พิจารณาก่อนเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเห็นชอบต่อไป
3.2 กนช. พิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้การดำเนินงานจัดทำข้อมูลการถ่ายโอนภารกิจให้แก่ อปท. ด้านแหล่งน้ำ สามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ จึงให้หน่วยงานดำเนินการตามกรอบแนวทางและปฏิทินการดำเนินงาน ดังนี้
3.2.1 ให้เร่งสำรวจตรวจสอบทรัพย์สินที่ยังไม่ได้ถ่ายโอนภารกิจ และให้ อปท. สำรวจตรวจสอบทรัพย์สินที่รับโอนก่อนและหลังปี 2551 สถานภาพของข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบัน สถานภาพการใช้ประโยชน์ สถานะครุภัณฑ์ ที่ดินและสิ่งก่อสร้าง (ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและ การบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560)
3.2.2 ให้จัดทำหลักเกณฑ์การจำหน่ายทรัพย์สินตามประเภทแหล่งน้ำ (ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560)
3.2.3 ให้ปรับปรุงบัญชีข้อมูลแหล่งน้ำถ่ายโอนภารกิจให้เป็นปัจจุบัน โดยแยกประเภทและสภาพการใช้งานให้เป็นปัจจุบัน แยกบัญชีถ่ายโอนภารกิจ รับโอนภารกิจ ก่อนและหลัง ปี 2551
3.2.4 ให้ดำเนินการตามแผนการดำเนินการ (Road Map) การจัดทำข้อมูลถ่ายโอนภารกิจ ด้านแหล่งน้ำ ของหน่วยงานและ อปท. ดังนี้
เดือน |
รายการ |
กันยายน - พฤศจิกายน 2564 |
หน่วยงานจัดทำหลักเกณฑ์การจำหน่ายทรัพย์สินถ่ายโอนภารกิจตามประเภทแหล่งน้ำ |
ธันวาคม 2564 - พฤษภาคม 2565 |
หน่วยงานและ อปท. สำรวจตรวจสอบทรัพย์สินที่รับโอนภารกิจแล้วและยังไม่ถ่ายโอนภารกิจ ก่อนและหลังปี 2551 สถานภาพของข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยแยกบัญชีทรัพย์สินถ่ายโอนภารกิจ |
มิถุนายน - กรกฎาคม 2565 |
หน่วยงานและ อปท. ดำเนินการปรับปรุงบัญชีข้อมูลแหล่งน้ำถ่ายโอนภารกิจให้เป็นปัจจุบัน เพื่อรายงาน กนช. และคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) |
สิงหาคม - กันยายน 2565 |
หน่วยงานและ อปท. จัดทำแผนปฏิบัติการแหล่งน้ำถ่ายโอนภารกิจ แผนปฏิบัติการปรับปรุงแหล่งน้ำ ก่อนและหลังปี 2551 เสนอคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัดและคณะกรรมการลุ่มน้ำ ก่อนเสนอ กนช. เพื่อเห็นชอบแผนปฏิบัติการ และจัดทำแผนปฏิบัติการ 5 ปี (ด้านแหล่งน้ำ) ของ อปท. เสนอคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัด คณะกรรมการลุ่มน้ำ กนช. และ กกถ. เพื่อขอรับจัดสรรงบประมาณ |
4. เรื่องแนวทางและมาตรการแก้ไขปัญหาการรุกตัวของน้ำเค็ม น้ำท่วมและน้ำแล้งในลุ่มน้ำติดอ่าวไทย ระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว
4.1 กนช. แจ้งว่า ได้กำหนดหลักการแก้ไขปัญหา โดยการลดความต้องการใช้น้ำ (Demand) ในปัจจุบันให้สอดคล้องกับน้ำต้นทุนที่มีอยู่ ควบคู่กับการพัฒนาน้ำต้นทุน (Supply) เพิ่มให้เต็มศักยภาพ รวมถึงสร้างกลไกในการบริหารจัดการน้ำ (Management) ซึ่งมีแผนการดำเนินการในระยะเร่งด่วน ปี 2565 - 2566 ดังนี้
แผนดำเนินการ |
หน่วยงานดำเนินการ |
|
ด้านอุปสงค์ (Demand) |
||
1) การปรับเปลี่ยนระบบการปลูกพืชเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำภาคเกษตร |
ดำเนินการโดย มท. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) (กรมชลประทาน กรมส่งเสริมการเกษตร) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) (กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล) และ สทนช. |
|
2) ขยายผลส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมตามหลัก 3R [Reduce (การลดปริมาณการใช้) Reuse (การใช้ซ้ำ) และ Recycle (การแปรรูปเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่)] |
ดำเนินการโดย กนอ. กรมโรงงานอุตสาหกรรมและองค์การจัดการน้ำเสีย |
|
3) ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้สถานการณ์น้ำและแผนจัดสรรน้ำ |
ดำเนินการโดย สทนช. มท. กษ. และ ทส. |
|
4) เฝ้าระวังคุณภาพน้ำ และควบคุมค่าความเค็ม การปนเปื้อนในแม่น้ำสายหลัก |
ดำเนินการโดยกรมชลประทาน กรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) มท. (การประปาส่วนภูมิภาคและการประปานครหลวง) และ สทนช. |
|
ด้านอุปทาน (Supply) |
||
1) จัดหาแหล่งน้ำสำรองและขยายกำลังการผลิตน้ำประปา 1.8 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ปรับปรุงคลองประปาฝั่งตะวันตกและตะวันออก |
ดำเนินการโดยการประปานครหลวง และการประปาส่วนภูมิภาค |
|
2) ลดอัตราน้ำสูญเสียในระบบภาคอุปโภคบริโภค 89.43 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี (ร้อยละ 2.9) และระบบอุตสาหกรรม 1.11 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี (ร้อยละ 0.45) |
ดำเนินการโดยการประปานครหลวง การประปาส่วนภูมิภาค กรมโรงงานอุตสาหกรรม และ กนอ. |
|
3) เพิ่มประสิทธิภาพระบบบำบัดน้ำเสีย 92,400 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน |
ดำเนินการโดยกรุงเทพมหานคร องค์การจัดการน้ำเสีย และ อปท. |
|
4) การพัฒนาแหล่งน้ำต้นทุนทั้งผิวดินและน้ำบาดาลในลุ่มน้ำสายหลัก 39 ล้านลูกบาศก์เมตร |
ดำเนินการโดยกรมชลประทาน กรมพัฒนาที่ดิน กรมทรัพยากรน้ำบาดาล และ มท. (กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นและ อปท.) |
|
5) การขุดลอกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำเชื่อมโยงแหล่งน้ำในการไล่น้ำเค็ม |
ดำเนินการโดยกรมชลประทาน กรมเจ้าท่า และ อปท. |
|
ด้านบริหารจัดการ (Management) |
||
1) ศึกษาการบริหารจัดการอาคารบังคับน้ำหรือประตูระบายน้ำในลำน้ำสายหลักให้สอดคล้องกับระดับน้ำขึ้น - น้ำลงของน้ำทะเล |
- |
|
2) การขึ้นทะเบียนองค์กรผู้ใช้น้ำและกำหนดโควตาการใช้น้ำ |
ดำเนินการโดย สทนช. มท. กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ และกรมทรัพยากรน้ำบาดาล |
|
3) ติดตั้งสถานีตรวจวัดในทะเลและในแม่น้ำ เพิ่มเติม |
ดำเนินการโดยสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ |
|
4) การศึกษา วิจัยประเด็นช่องว่าง เทคโนโลยี นวัตกรรม และแนวทางการบริหารจัดการน้ำ |
- |
|
5) บูรณาการฐานข้อมูลระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและพัฒนาระบบคาดการณ์ล่วงหน้าระยะยาว |
ดำเนินการโดย สทนช. กรมอุตุนิยมวิทยา กรมอุทกศาสตร์กองทัพเรือ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) และสถาบันการศึกษา |
|
6) พัฒนาความร่วมมือกับต่างประเทศในการวางแผนการแก้ไขปัญหา |
- |
4.2 กนช. พิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด จึงให้หน่วยงานดำเนินการ ดังนี้
4.2.1 ให้ดำเนินการตามผลการศึกษา โดยเฉพาะการขับเคลื่อนแผนงานเร่งด่วน พร้อมกับเสนอแผนขอรับการสนับสนุนงบประมาณ และให้ สทนช. ติดตามผลการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผน
4.2.2 ให้คณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัดและคณะกรรมการลุ่มน้ำใช้แนวทางมาตรการดังกล่าวเป็นกรอบในการจัดทำแผนแม่บทและแผนปฏิบัติการลุ่มน้ำ และให้ สทนช. นำไปเป็นองค์ประกอบในการกำหนดแนวทางการบริหารจัดการน้ำ การใช้ประโยชน์ที่ดิน และเส้นทางน้ำที่เหมาะสมในผังน้ำต่อไป
4.2.3 ประเด็นช่องว่างแนวทางการดำเนินงานที่ต้องมีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติม มอบหมายหน่วยงานรับผิดชอบ ดังนี้
(1) กลุ่มงานวิจัย เช่น การไหลเวียนของน้ำทะเลในอ่าวไทย น้ำขึ้นน้ำลง การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ปรับปรุงพันธุ์พืชให้ทนต่อน้ำเค็ม เห็นควรเสนอให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และสถาบันการศึกษาเป็นหน่วยงานหลักดำเนินการ
(2) กลุ่มงานศึกษานโยบายภาพรวม เช่น ข้อมูลการใช้น้ำ แผนยุทธศาสตร์ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง การวางแผนควบคุมน้ำเค็ม ให้ สทนช. เป็นหน่วยงานหลักดำเนินการ เพื่อเป็นกรอบนโยบายการพัฒนา และแก้ไขปัญหาในภาพรวมแล้วจึงให้หน่วยงานปฏิบัติรับไปดำเนินการตามภารกิจต่อไป
(3) กลุ่มงานศึกษาปฏิบัติ เช่น การศึกษาความเหมาะสมของประตูปิดปากแม่น้ำ (เจ้าพระยา ท่าจีน แม่กลอง) ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมชลประทาน กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมส่งเสริมการเกษตร การประปานครหลวง การประปาส่วนภูมิภาค กรมโรงงานอุตสาหกรรม กนอ. กรมควบคุมมลพิษ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รับไปดำเนินการตามภารกิจให้สอดคล้องกับกรอบนโยบายการพัฒนา และแก้ไขปัญหาในภาพรวม
4.2.4 เพื่อให้การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเกิดความสมดุล ให้ทุกหน่วยงานกำหนดเป้าหมายเชิงปริมาณ ความต้องการ มาตรการด้านอุปสงค์ (Demand) ความต้องการใช้น้ำระยะเร่งด่วนถึงระยะยาว ให้สอดคล้องกับเป้าหมายมาตรการด้านอุปทาน (Supply) ด้านการใช้น้ำ
4.2.5 การดำเนินงานศึกษาและการเสนอแผนในพื้นที่ต้องเน้นกระบวนการรับฟังความคิดเห็นทุกภาคส่วนตามประกาศคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการรับฟังความคิดเห็นในการจัดทำนโยบายและแผนแม่บทเกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2564
_____________________
1รายละเอียดพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดอุทกภัยตามแผนที่การคาดการณ์ปริมาณน้ำฝนทั่วประเทศตั้งแต่เดือนกันยายน - ธันวาคม 2564
2สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพบว่า ข้อมูลของ กนช. ดังกล่าวน่าจะมีความคลาดเคลื่อนเนื่องจากที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินโครงการบรรเทาผลกระทบภัยแล้งและป้องกันน้ำท่วมเพียง 5 ครั้ง ส่วนที่เหลือ กนช. ได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่า เป็นการอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 24.53 ล้านบาท โดยนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2563 เพื่อสร้างธนาคารน้ำใต้ดิน ดังนั้น คณะรัฐมนตรีจึงมีมติ
อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อดำเนินโครงการบรรเทาผลกระทบภัยแล้งและป้องกันน้ำท่วม จำนวน 5 ครั้ง
3 รวมทั้งรายการที่ได้รับจัดสรรงบประมาณแล้ว ไม่ได้รับจัดสรรงบประมาณ และอยู่ระหว่างการพิจารณาจัดสรรงบประมาณ
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 4 พฤศจิกายน 2564
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396
A11327
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ