ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 32/2564
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Tuesday, 07 September 2021 21:43
- Hits: 873
ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 32/2564
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ (คณะกรรมการฯ) เสนอผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรอง การใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 32/2564 เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2564 ที่ได้มีมติที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำข้อเสนอแนวทางการดำเนินการตามมาตรา 6 วรรคสาม (ครั้งที่ 8) การพิจารณากลั่นกรองความเหมาะสมของการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน พื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 (พระราชกำหนดฯ) และการพิจารณากลั่นกรองข้อเสนอโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ดังนี้
1. อนุมัติให้นำวงเงินกู้เพื่อการตามมาตรา 5 (3) มาใช้เพื่อการตามมาตรา 5 (2) เพิ่มเติม (ครั้งที่ 8) จำนวน 862.2055 ล้านบาท เพื่อรองรับการดำเนินการตามมาตรการช่วยเหลือ เยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา 33 ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ ในพื้นที่ ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดตามข้อเสนอของกระทรวงแรงงาน ทั้งนี้ ภายหลังการดำเนินการดังกล่าวจะทำให้กรอบวงเงินกู้คงเหลือเพื่อการตามมาตรา 5 (2) เพิ่มขึ้นเป็น 862.2055 ล้านบาท และกรอบวงเงินกู้คงเหลือเพื่อการตามมาตรา 5 (3) ลดลงเป็น 3,129.8927 ล้านบาท
2. อนุมัติให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการย่อยภายใต้แผนเร่งรัดการเข้าถึงวัคซีน COVID-19 ส าหรับประชาชนไทย กรอบวงเงินรวม 1,810.6800 ล้านบาท โดยให้ขยายระยะเวลาการดำเนินการจากเดิมสิ้นสุดเดือนกันยายน 2564 เป็นสิ้นสุดเดือนธันวาคม 2564 และให้เปลี่ยนแปลงรายการ ใช้เงินเหลือจ่าย และยกเลิกรายการ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้เห็นชอบแล้ว ทั้งนี้ เห็นควรให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติดำเนินการตามความเห็นของคณะกรรมการฯ โดยเคร่งครัด
3. มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข กำกับติดตามหน่วยงานรับผิดชอบโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ ภายใต้แผนงาน/โครงการที่มีวัตถุประสงค์ทางการแพทย์และสาธารณสุข เร่งดำเนินการแผนงาน/โครงการให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยในกรณีที่พิจารณาแล้วเห็นว่ามีความจำเป็นต้องดำเนินการต่อเนื่องและไม่สามารถดำเนินการแล้วเสร็จได้ภายในระยะเวลาที่กำหนดให้เร่งจัดทำรายงานผลการดำเนินงาน ปัญหาและอุปสรรคเสนอคณะกรรมการฯ พิจารณาตามขั้นตอนข้อ 18 ของระเบียบสำนักนายกรัฐมตรีว่าด้วยการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 พ.ศ. 2563 (ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ) ตามขั้นตอนต่อไป
4. อนุมัติให้กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็น สาระสำคัญของโครงการภายใต้แผนงาน/โครงการที่มีวัตถุประสงค์ทางการแพทย์และสาธารณสุขฯ จำนวน 3 โครงการ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้เห็นชอบแล้ว ทั้งนี้ เห็นควรให้กรม ควบคุมโรค ดำเนินการตามความเห็นของคณะกรรมการฯ โดยเคร่งครัด
5. อนุมัติให้สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็น สาระสำคัญของโครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา 33 ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจาก มาตรการของรัฐ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ซึ่งเป็นการปรับปรุงจำนวนนายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา 33 ในพื้นที่ 29 จังหวัดให้เป็นปัจจุบันและเพิ่มจำนวนกลุ่มเป้าหมายที่ได้ลงทะเบียนเพิ่มเติม เพื่อให้ครอบคลุมผู้ประกอบการและแรงงานในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐทำให้กรอบวงเงินของโครงการฯ เพิ่มขึ้นจาก 17,050.4145 ล้านบาท เป็น 17,912.6200 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้นจำนวน 862.2055 ล้านบาท โดยใช้จ่ายภายใต้แผนงานหรือโครงการกลุ่มที่ 2 ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดฯ และขยายระยะเวลาในการเบิกจ่ายและดำเนินโครงการฯ จากเดิม ไม่เกินวันที่ 29 ตุลาคม 2564 เป็น ไม่เกินวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้เห็นชอบตามขั้นตอนแล้ว ทั้งนี้ เห็นควรให้สำนักงานประกันสังคม และกระทรวงแรงงาน ดำเนินการตามความเห็นของคณะกรรมการฯ โดยเคร่งครัด
6. อนุมัติให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย เปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของโครงการฯ โดยเป็นการขยายระยะเวลาดำเนินโครงการฯ จากเดิมตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2564 เป็นตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 และรับทราบการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมของโครงการฯ ให้สามารถเบิกค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมให้แก่อาสาสมัครบริบาลท้องถิ่นได้เท่าที่จ่ายจริงและสามารถถัวจ่ายได้ทุกรายการในอัตราคนละไม่เกิน 9,500 บาท โดยให้ถือปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม การจัดงาน และการประชุมระหว่างประเทศ พ.ศ. 2549 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้เห็นชอบตามขั้นตอนแล้ว ทั้งนี้ เห็นควรให้กระทรวงมหาดไทย และกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ดำเนินการตามความเห็นของคณะกรรมการฯ โดยเคร่งครัด
7. อนุมัติให้สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกาญจนบุรี กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการฯ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้เห็นชอบตามขั้นตอนแล้ว และอนุมัติให้จังหวัดตาก จังหวัดสงขลา และจังหวัดสกลนคร เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการฯ และอนุมัติให้จังหวัดระนอง ยุติการดำเนินกิจกรรมย่อย จำนวน 2 กิจกรรม วงเงิน 0.4215 ล้านบาท ภายใต้โครงการพัฒนาและยกระดับสถาบันเกษตรกร องค์กรเกษตรกร และวิสาหกิจชุมชน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้เห็นชอบตามขั้นตอนแล้ว ทั้งนี้ เห็นควรให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานรับผิดชอบโครงการ ดำเนินการตามความเห็นของคณะกรรมการฯ โดยเคร่งครัด
8. รับทราบโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ครั้งที่ 4 รวม 14 จังหวัด จำนวน 1,434 โครงการ กรอบวงเงินรวม 3,753,782,278 บาท โดยให้ใช้จ่ายเงินจากงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ทั้งนี้ เห็นควรให้หน่วยงานรับผิดชอบ ดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมการฯ ในคราวประชุมครั้งที่ 29/2564 และกรณีที่เป็นโครงการก่อสร้าง ปรับปรุง และซ่อมแซมถนนหรือเสริมผิวทางด้วยยางพารา เห็นควรให้สำนักงบประมาณ พิจารณาความเหมาะสม เหตุผล และความจำเป็นในการดำเนินการเป็นรายเส้นทางอีกครั้ง เนื่องจากโครงการลักษณะดังกล่าวมีงบประมาณในการดำเนินการค่อนข้างสูง เพื่อให้การใช้จ่ายเกิดความคุ้มค่าและประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้ เห็นควรมอบหมายให้จังหวัดลพบุรีและอ่างทองเร่งดำเนินการเกี่ยวกับการขอใบอนุญาต เจาะน้ำบาดาลก่อนเริ่มดำเนินโครงการเพื่อให้เป็นไปตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
9. มอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบ เร่งปฏิบัติตามขั้นตอนการขอรับการจัดสรร งบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 และแนวทางการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายงบกลาง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยา ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2564 โดยเคร่งครัด
10. มอบหมายให้ สศช. ประสานกับกระทรวงมหาดไทยให้เร่งจัดส่งข้อเสนอโครงการของ จังหวัดที่เหลือเสนอคณะกรรมการฯ พิจารณาตามขั้นตอนต่อไป เพื่อให้ทันกับกรอบระยะเวลาในการ ด าเนินโครงการฯ ที่มีอยู่ค่อนข้างจำกัด
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 7 กันยายน 2564
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396
A9213
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ