การขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำตามมติคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2564 เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Tuesday, 31 August 2021 23:59
- Hits: 11312
การขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำตามมติคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2564 เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564
คณะรัฐมนตรีรับทราบมติคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ครั้งที่ 2/2564 เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564 และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการตามข้อ 1 – 4 ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ทั้งนี้ ให้ กนช. และหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายรับความเห็นของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
สาระสำคัญของเรื่อง
กนช. รายงานว่า กนช. ในการประชุมครั้งที่ 2/2564 เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564 ที่มี รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เป็นประธานได้เห็นชอบการมอบหมายหน่วยงานเพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี (พ.ศ. 2561 – 2580) และพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 จำนวน 5 เรื่อง ดังนี้
1. เรื่องมาตรการรับมือฤดูฝน 10 มาตรการ
1.1 กนช. รายงานว่า ได้มอบหมายให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2564 มีผลการดำเนินการสรุปได้ ดังนี้
ดำเนินการแล้วเสร็จ |
อยู่ระหว่างดำเนินการ |
|
มาตรการที่ 1 คาดการณ์ชี้เป้าพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมและฝนน้อยกว่าค่าปกติ |
มาตรการที่ 5 ปรับปรุง แก้ไขสิ่งกีดขวางทางน้ำ จำนวน 625 แห่ง ดำเนินการไปแล้ว 400 แห่ง |
|
มาตรการที่ 2 บริหารจัดการน้ำพื้นที่ลุ่มต่ำเพื่อรองรับน้ำหลาก |
มาตรการที่ 6 ขุดลอกคูคลองและกำจัดผักตบชวา โดยการดำเนินการร่วมกันของ 5 หน่วยงาน ได้แก่ กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมชลประทาน กรมเจ้าท่า กรมการปกครอง และกรุงเทพมหานคร |
|
มาตรการที่ 3 ทบทวน ปรับปรุงเกณฑ์บริหารจัดการน้ำในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ - ขนาดกลาง และเขื่อนระบายน้ำ |
มาตรการที่ 8 เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำและปรับปรุงการส่งน้ำ |
|
มาตรการที่ 4 ซ่อมแซม ปรับปรุงอาคารชลศาสตร์/ระบบระบายน้ำ/สถานีโทรมาตรให้พร้อมใช้งาน |
มาตรการที่ 9 สร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ |
|
มาตรการที่ 7 เตรียมพร้อม/วางแผนเครื่องจักร เครื่องมือประจำพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม และพื้นที่ฝนน้อยกว่าค่าปกติ |
มาตรการที่ 10 ติดตามประเมินผลปรับมาตรการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ภัย |
จากการคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงอุทกภัยตั้งแต่เดือนกรกฎาคม - พฤศจิกายน 2564 พบว่ามีพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดอุทกภัยและภัยแล้งในฤดูฝน ปี 25641 ดังนี้
เดือน |
พื้นที่เสี่ยงอุทกภัย |
พื้นที่เสี่ยงภัยแล้ง |
กรกฎาคม |
482 ตำบล 128 อำเภอ 31 จังหวัด |
1,384 ตำบล 213 อำเภอ 24 จังหวัด |
สิงหาคม |
753 ตำบล 139 อำเภอ 29 จังหวัด |
1,603 ตำบล 272 อำเภอ 34 จังหวัด |
กันยายน |
1,504 ตำบล 314 อำเภอ 54 จังหวัด |
- |
ตุลาคม |
1,662 ตำบล 306 อำเภอ 58 จังหวัด |
- |
พฤศจิกายน |
1,245 ตำบล 195 อำเภอ 39 จังหวัด |
- |
1.2 กนช. พิจารณาแล้วเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นจึงเสนอให้หน่วยงานดำเนินการ ดังนี้
1.2.1 ให้ทุกหน่วยงานเตรียมความพร้อมในการป้องกันปัญหาปริมาณฝนน้อยกว่าค่าเฉลี่ยที่จะเกิดขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคมและเดือนสิงหาคม 2564 โดยหาแหล่งเก็บกักน้ำเพิ่มเติม
1.2.2 ให้ทุกหน่วยงานเตรียมความพร้อมเพื่อป้องกันปัญหาอุทกภัยและน้ำหลากในช่วงเดือนกันยายนและเดือนสิงหาคม 2564 รวมทั้งเตรียมแผนงานสำหรับการขอรับการสนับสนุนงบประมาณให้สามารถรับมือได้ทันสถานการณ์
1.2.3 ให้การประปานครหลวงและกรมชลประทานจัดทำแผนการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำและปรับปรุงการส่งน้ำเพื่อลดความสูญเสียในระบบอย่างเป็นรูปธรรม
1.2.4 ให้กรมชลประทานวางแผนการจัดสรรน้ำตั้งแต่ภาคเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งจัดสรรน้ำเพื่อผลักดันน้ำเค็มตลอดช่วงฝนทิ้งช่วงในเดือนมิถุนายน - กรกฎาคม 2564
1.2.5 ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมแผนรับมือน้ำท่วม เช่น การกำจัดผักตบชวาเพื่อรองรับฤดูฝนที่จะมาในช่วงเดือนสิงหาคม - กันยายน 2564
1.2.6 ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) วางแผนการเติมน้ำใต้ดินตลอดฤดูฝนนี้ให้มากที่สุดเพื่อเป็นน้ำต้นทุนในฤดูแล้งหน้า
1.2.7 ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแผนและส่งเสริมการปลูกพืชใช้น้ำน้อย
1.2.8 ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมฝนหลวงและการบินเกษตร) ดำเนินการทำฝนหลวงเพื่อเพิ่มน้ำต้นทุนโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก
2. เรื่องการจัดทำแผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำผ่านระบบบริหารจัดการแผนงานโครงการและฐานข้อมูลสำหรับบูรณาการแผนงานเพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ หรือระบบ Thai Water Plan (TWP)
2.1 กนช. รายงานว่า TWP เป็นเครื่องมือที่นำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการจัดทำ รวบรวม และวิเคราะห์แผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำของประเทศเป็นฐานข้อมูลกลางที่มีความถูกต้อง แม่นยำ น่าเชื่อถือ สามารถลดความซ้ำซ้อน จัดลำดับความสำคัญและเร่งด่วนเพื่อใช้ในการกำหนดงบประมาณ รวมทั้งสามารถติดตามและประเมินผลโครงการด้านทรัพยากรน้ำที่เห็นผลสัมฤทธิ์ชัดเจน โดยแบ่งกระบวนการเป็น 3 ช่วง ดังนี้
2.1.1 หน่วยงานและจังหวัดจัดทำและยืนยันแผนปฏิบัติการในระบบตั้งแต่เดือนมิถุนายน - สิงหาคม 2564
2.1.2 คณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัดพิจารณาแผนปฏิบัติการในเดือนกันยายน 2564 และคณะกรรมการลุ่มน้ำพิจารณาแผนปฏิบัติการในเดือนตุลาคม 2564
2.1.3 การพิจารณาของ กนช. โดย สทนช. ในฐานะฝ่ายเลขานุการ กนช. จะวิเคราะห์และจัดทำแผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำของประเทศในช่วงเดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม 2564 และเสนอ กนช. พิจารณาในเดือนธันวาคม 2564 เพื่อให้ทันตามปฏิทินงบประมาณ ปี 2566
2.2 กนช. พิจารณาแล้วเสนอให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จัดทำแผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำประจำปี 2566 และแผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำ 5 ปี (พ.ศ. 2566 – 2570) ผ่านระบบ TWP และให้เชื่อมต่อกับระบบของสำนักงบประมาณ (สงป.) เพื่อลดขั้นตอนการดำเนินงานต่อไป
3. เรื่องการจัดทำทะเบียนแหล่งน้ำผ่านระบบ Thai Water Resources (TWR)
3.1 กนช. รายงานว่า TWR เป็นฐานข้อมูลการบูรณาการข้อมูลแหล่งน้ำทั่วประเทศสำหรับใช้เป็นข้อมูลในการวางแผนและบริหารจัดการน้ำของประเทศทั้งในภาวะปกติและภาวะวิกฤติ โดยการดำเนินงานมี 3 ช่วง ดังนี้
3.1.1 การรวบรวมข้อมูลบัญชีแหล่งน้ำ พ.ศ. 2562 โดย สทนช. ร่วมกับสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) จัดทำฐานข้อมูลบัญชีแหล่งน้ำและบูรณาการข้อมูลแหล่งน้ำทั่วประเทศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
3.1.2 การจัดทำระบบสารสนเทศสำหรับขึ้นทะเบียน TWR
3.1.3 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและ อปท. ดำเนินการลงทะเบียนแหล่งน้ำผ่านระบบ TWR เมื่อดำเนินการขึ้นทะเบียนเสร็จสมบูรณ์แล้วจะทำให้ทราบหน่วยงานรับผิดชอบหลักและสามารถระบุแหล่งที่มาของงบประมาณได้ ซึ่งจะไปเชื่อมโยงกับระบบ TWP ทำให้การจัดทำแผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำมีความพร้อมสามารถเสนอขอตั้งงบประมาณได้ตามแผนที่กำหนด
3.2 กนช. พิจารณาแล้วเสนอให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องและ อปท. ดำเนินการ ดังนี้
3.2.1 ให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องและ อปท. เร่งรัดดำเนินการลงทะเบียนแหล่งน้ำทั้งที่ดำเนินการมาแล้วและที่จะดำเนินการต่อไป ผ่าน TWR เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการเสนอขอตั้งงบประมาณ หากไม่ได้อยู่ในทะเบียนแหล่งน้ำจะไม่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นการลดความซ้ำซ้อนของโครงการโดยการเชื่อมโยงกับระบบ TWP
3.2.2 คณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัดพิจารณารับรองแหล่งน้ำในระบบ TWR
3.2.3 เชื่อมโยงข้อมูลทะเบียนแหล่งน้ำจากระบบ TWR กับระบบ TWP เพื่อใช้ในการพิจารณาแผนงานโครงการ
4. เรื่องแนวทางการจัดทำแผนปฏิบัติการโครงการขนาดเล็กด้านทรัพยากรน้ำเพื่อให้แผนปฏิบัติการโครงการขนาดเล็กด้านทรัพยากรน้ำในระดับตำบลและระดับจังหวัดเกิดความชัดเจนเป็นรูปธรรม และตรงกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ กนช. พิจารณาแล้วจึงเสนอให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องและ อปท. จัดทำแผนปฏิบัติการโครงการขนาดเล็กด้านทรัพยากรน้ำ ดังนี้
4.1 การจัดทำแผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำสามารถประยุกต์ใช้ดัชนีชี้วัดการจัดการน้ำ Water Management Index (WMI) โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ ในการกำหนดพื้นที่เป้าหมายและปรับให้สอดคล้องกับสภาพปัจจุบันของพื้นที่นั้นๆ
4.2 กระบวนการและวิธีการดำเนินการ
4.2.1 คณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัดแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อขับเคลื่อนโครงการขนาดเล็ก โดยดำเนินการสำรวจข้อมูล จัดเก็บข้อมูลสภาพปัญหาในพื้นที่และปรับดัชนีชี้วัดการจัดการน้ำ WMI ให้เป็นปัจจุบัน
4.2.2 กำหนดพื้นที่เป้าหมาย และกำหนดประเภทโครงการตามที่ กนช. มีมติเห็นชอบ เช่น เพิ่มน้ำต้นทุน ระบบส่งน้ำ ระบบประปา ระบบบำบัดน้ำเสีย เป็นต้น
4.2.3 กรอบระยะเวลาดำเนินการเริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2564 - กันยายน 2565
5. เรื่องการทบทวนบทบาทภารกิจหน่วยงานในการบริหารทรัพยากรน้ำตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 และกฎหมายที่เกี่ยวข้องในประเด็นเป้าหมายและหน่วยงานที่รับผิดชอบในพื้นที่เกษตรน้ำฝน ตามแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี (พ.ศ. 2561 – 2580) เนื่องด้วยคณะอนุกรรมการพัฒนาระบบราชการเกี่ยวกับการทบทวนบทบาทภารกิจและปรับปรุงโครงสร้างของส่วนราชการได้มีการประชุมครั้งที่ 5/2564 เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2564 เพื่อพิจารณาข้อมูลพื้นที่เป้าหมายการดำเนินการของกรมทรัพยากรน้ำตามคำชี้แจงของ ทส. แล้วมีมติให้สำนักงาน ก.พ.ร. ส่งข้อมูลเป้าหมายและหน่วยงานรับผิดชอบในพื้นที่เกษตรน้ำฝนตามแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี (พ.ศ. 2561 – 2580) ที่ ทส. เสนอมา ให้ สทนช. พิจารณาและเสนอ กนช. เพื่อกำหนดเป้าหมายพื้นที่ดำเนินงานและขอบเขตความรับผิดชอบของกรมทรัพยากรน้ำ
5.1 กนช. มีความเห็นในประเด็นดังกล่าว ดังนี้
5.1.1 การดำเนินการเพิ่มศักยภาพการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่เกษตรน้ำฝนนอกเขตชลประทานเป้าหมายจำนวน 87 ล้านไร่ ได้กำหนดหน่วยงานปฏิบัติที่รับผิดชอบภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง จำนวน 8 หน่วยงาน ประกอบด้วย กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กรมพัฒนาที่ดิน สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อปท. กองทัพบก และมูลนิธิปิดทองหลังพระสืบสานแนวพระราชดำริ โดยไม่ระบุหน่วยงานเจ้าภาพหลักเป็นรายพื้นที่ จนกว่าจะมีการทบทวน ปรับปรุง บทบาทภารกิจ หน้าที่และอำนาจของหน่วยงานให้สอดล้องกับพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
5.1.2 พื้นที่เกษตรน้ำฝนนอกเขตชลประทานเป็นพื้นที่ที่อยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยงานภายใต้กฎหมายหลายฉบับที่กำหนดหน้าที่และอำนาจของหน่วยงานนั้นๆ เกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรน้ำของประเทศ อย่างไรก็ตาม เมื่อพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม 2562 เป็นต้นมา การบริหารทรัพยากรน้ำตามกฎหมายของหน่วยงานเหล่านั้นจะต้องไม่ขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้
5.1.3 กนช. ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการจัดทำร่างข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อกำหนดขอบเขต บทบาท ภารกิจ หน้าที่และอำนาจของหน่วยงานด้านการบริหารทรัพยากรน้ำของประเทศมาพิจารณาประเด็นเรื่องการกำหนดขอบเขตพื้นที่รับผิดชอบที่ยังไม่มีความชัดเจน และ กนช. ได้มีมติมอบให้เป็นหน้าที่คณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัดและคณะกรรมการลุ่มน้ำเป็นผู้รับผิดชอบจัดทำแผนงานและแผนงบประมาณในเขตพื้นที่เกษตรน้ำฝนนอกเขตชลประทานจากทุกหน่วยงาน
5.2 กนช. พิจารณาแล้วเสนอให้สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) เป็นหลักในการพิจารณาบทบาทและภารกิจในองค์ประกอบของแต่ละหน่วยงาน และให้ ทส. (กรมทรัพยากรน้ำ) พิจารณาบทบาท หน้าที่ ภารกิจ ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
___________________________
1รายละเอียดพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดอุทกภัยและภัยแล้งตามแผนที่การคาดการณ์ปริมาณน้ำฝนทั่วประเทศตั้งแต่เดือนมิถุนายน - พฤศจิกายน 2564
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 30 สิงหาคม 2564
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396
A81047
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ