WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

รายงานประจำปี 2563 ของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ

GOV 7

รายงานประจำปี 2563 ของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ

          คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานประจำปี 2563 ของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและรับรองแล้ว ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เสนอ และให้เสนอรัฐสภาเพื่อทราบต่อไป

          ข้อเท็จจริง

          อว. รายงานว่า

          1. สวทช. เป็นหน่วยงานในสังกัด อว. ที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี .. 2534 มีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินกิจการที่เป็นการเพิ่มพูนความรู้และความสามารถทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อยกระดับความสามารถทางการผลิตและการบริการ ตลอดจนระดับฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ โดยรวมถึงการพัฒนาขีดความสามารถในการรองรับและถ่ายทอดเทคโนโลยีทั้งภายในประเทศและ จากต่างประเทศเพื่อการพัฒนาประเทศในทุกด้าน

          2. พระราชบัญญัติพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี .. 2534 มาตรา 21 บัญญัติให้ทุกๆ ปี ให้ สวทช. จัดทำรายงานประจำปีเสนอต่อคณะกรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี โดยแสดงงบดุล บัญชีทำการ และบัญชีกำไรขาดทุนที่ผู้สอบบัญชีรับรองว่าถูกต้อง พร้อมทั้งรายงานของผู้สอบบัญชี รวมทั้งแสดงผลงานของสำนักงานในปีที่ล่วงมาด้วย และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอรายงานประจำปีต่อคณะรัฐมนตรี และให้คณะรัฐมนตรีเสนอรายงานนั้นต่อรัฐสภาเพื่อทราบ สวทช. จึงได้จัดทำรายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2563 เสนอคณะกรรมการฯ เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีและรัฐสภาเพื่อทราบต่อไป ซึ่งรายงานเรื่องนี้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างรายได้และ การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

          3. ในคราวประชุมคณะกรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2564 เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2564 ที่ประชุมได้มีมติรับทราบรายงานดังกล่าวแล้ว

          สาระสำคัญของเรื่อง

          สวทช. ได้มุ่งเน้นการวิจัยและสร้างนวัตกรรมในสาขาเทคโนโลยีที่ สวทช. มีความเชี่ยวชาญและพัฒนาขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีที่ตอบสนองต่อโจทย์ประเทศ และรองรับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในอนาคต รวมถึงการผลักดันให้ภาครัฐและเอกชนมีการลงทุนในการวิจัย พัฒนา และสร้างนวัตกรรมเพิ่มขึ้น ด้วยการปรับปรุงกลไกสนับสนุนการลงทุนในด้านนวัตกรรม สร้างการเชื่อมโยงกับพันธมิตรภาคี สถาบันการศึกษา นำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมไปขยายผล โดยเฉพาะการตอบสนองนโยบายประเทศในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่ EECi การขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ - เศรษฐกิจหมุนเวียน - เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy: BCG Model) โดยในปีงบประมาณ .. 2563 มีผล การดำเนินงานที่สำคัญโดยสรุป ดังนี้

          1. ผลการดำเนินงานของ สวทช. ประจำปี 2563 สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

 

แผนการดำเนินงาน

 

สาระสำคัญ

1.1 ผลงานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรม

 

- มีบทความตีพิมพ์ในวารสารวิชาการนานาชาติ 691 เรื่อง มีการยื่นขอจดทรัพย์สินทางปัญญา 451 รายการ และมีผลงานสำคัญเชิงประจักษ์ ดังนี้

        1. นวัตกรรมเพื่อรับมือต่อการระบาดของโรคโควิด 19 ได้แก่ (1) พัฒนาแอปพลิเคชันการเฝ้าระวังและการควบคุมโรคโควิด 19 เช่น DDC-Care แอปพลิเคชันติดตามและประเมินสุขภาพผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคโควิด 19 (2) การตรวจคัดกรองเบื้องต้น เช่น MuTherm-FaceSence เครื่องตรวจวัดอุณหภูมิใบหน้าอัตโนมัติที่ตรวจได้หลายคนพร้อมกัน (3) การตรวจเชื้อไวรัสโควิด 19 เช่น พัฒนาวิธีสกัด RNA เชื้อไวรัส SARS-CoV-2 แบบง่าย (4) การป้องกันและลดการแพร่กระจายเชื้อโควิด 19 เช่น MagikTuch ระบบสั่งการลิฟต์แบบไร้สัมผัส และ (5) การวิจัยและพัฒนาต้นแบบวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 โดยนำเทคโนโลยีการตัดต่อพันธุกรรมมาใช้ในการพัฒนาวัคซีน 5 ประเภท เพื่อเตรียมความพร้อมให้ประเทศไทยสามารถพึ่งพาตนเองได้ต่อไปในอนาคต

        2. ผลงานวิจัยและนวัตกรรมสู่การใช้ประโยชน์ในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น พัฒนาชุดตรวจ ELISA โรคใบด่างมันสำปะหลัง เพื่อคัดกรองท่อนพันธุ์ปลอดโรคใบด่างมันสำปะหลัง ซึ่งได้ถ่ายทอดวิธีการตรวจวินิจฉัยให้แก่ภาคเอกชน 14 บริษัท และ Green Rock นวัตกรรมวัสดุเม็ดมวลเบาสังเคราะห์ ช่วยลดน้ำหนักโครงสร้างอาคารได้มากกว่าร้อยละ 20 เป็นต้น

        3. ผลงานวิจัยและนวัตกรรมของ สวทช. และพันธมิตรสู่การสร้างความสามารถให้แก่ภาคเกษตรและยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่ เช่น พัฒนาชุมชนด้วยเทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะ อาทิ เทคโนโลยีโรงเรือนอัจฉริยะระบบควบคุมการใช้น้ำในแปลงเปิด และเทคโนโลยีการผลิตข้าวปลอดภัยถ่ายทอดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีรวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีปรับปรุงหน้าดินให้แก่กลุ่มเกษตรกรนำร่องในพื้นที่จังหวัดสงขลาร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ เป็นต้น

1.2 การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการวิจัยของประเทศ

 

- โครงสร้างพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (National S&T Infrastructure) เป็นโครงสร้างพื้นฐานสร้างขีดความสามารถด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี บริการด้านเทคนิค วิชาการที่มีมาตรฐานด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย สร้างเครือข่ายการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่ (1) ธนาคารทรัพยากรชีวภาพแห่งชาติ (National Biobank of Thailand) (2) ศูนย์โอมิกส์แห่งชาติ (National Omics Center) (3) ศูนย์ทรัพยากรคอมพิวเตอร์เพื่อการคำนวณขั้นสูง (NSTDA Supercomputer Center) (4) ศูนย์ระบบไซเบอร์-กายภาพ (Center for Cyber-Physical Systems) และ (5) สถาบันเทคโนโลยีและสารสนเทศเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Technology and Informatics Institute for Sustainability)

- โครงสร้างพื้นฐานด้านคุณภาพของประเทศ (National Quality Infrastructure) เป็นศูนย์กลางการออกแบบผลิตภัณฑ์ วิเคราะห์ ทดสอบ ตรวจสอบ และรับรองผลิตภัณฑ์ เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมไทยให้ได้มาตรฐานระดับสากล รวมทั้งให้บริการเครื่องมือวิทยาศาสตร์ตามมาตรฐานสากล ให้บริการเชิงเทคนิคและให้คำปรึกษา ได้แก่ (1) ศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (Electrical and Electronic Product Testing Center) (2) ศูนย์บริการวิเคราะห์ทดสอบ สวทช. (NSTDA Characterization and Testing Service Center) (3) ศูนย์บริการปรึกษาการออกแบบและวิศวกรรม (Design and Engineering Consulting Service Center) (4) ศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในบ้านและเซรามิกอุตสาหกรรม (Industrial Ceramic and Houseware Product Testing Center) และ (5) ศูนย์ทดสอบทางพิษวิทยาและชีววิทยา (Toxicology and Bio Evaluation Service Center)

1.3 การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม

 

- การพัฒนากลไกสนับสนุนเพื่อสร้างแรงจูงใจให้ภาคเอกชนลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพิ่มขึ้น ซึ่งมีการจดทะเบียนจัดตั้งแล้ว 2 บริษัท ได้แก่ บริษัทไบโอ เจเนเทค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และบริษัทเอไอไนน์ จำกัด

- กลไกการส่งเสริมเขตนวัตกรรม เพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนางานวิจัยของประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ได้อย่างเป็นรูปธรรม ประกอบด้วย อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศ เขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย และเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก EECi ซึ่งมีอุตสาหกรรมเป้าหมาย 6 ด้าน ได้แก่ เกษตรสมัยใหม่และเทคโนโลยีชีวภาพ เชื้อเพลิงชีวภาพ และเคมีชีวภาพ แบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูงและขนส่งสมัยใหม่ ระบบอัตโนมัติหุ่นยนต์และอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ เทคโนโลยีการบินและอวกาศ และเครื่องมือทางการแพทย์

- สวทช. ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานหลักในการจัดทำข้อเสนอแนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจด้วยการใช้โมเดลเศรษฐกิจ BCG ร่วมกับหน่วยงานภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยจัดระดมความเห็นจากทุกภาคส่วนมากกว่า 500 คน และนำเสนอแนวทางและโอกาสของประเทศไทยในเวทีโลก โดยนายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบในหลักการและมีข้อสั่งการให้จัดทำรายละเอียดแผนงานเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG ต่อไป

1.4 การพัฒนาและสร้างเสริมบุคลากรวิจัย

 

- สวทช. มุ่งเน้นการสร้างบุคลากรวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) ให้กับประเทศผ่านกลไกการทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัย เพื่อพัฒนาประเทศสู่ประเทศไทย 4.0 โดยอาศัยความพร้อมของนักวิจัย และโครงสร้างพื้นฐานที่ สวทช. มีอยู่ด้วย รวมถึงพัฒนาส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กและเยาวชน สนใจเรียนรู้ด้าน วทน. เพิ่มมากขึ้น โดยการสนับสนุนทุนการศึกษาในระดับมัธยม ปริญญาตรี/โท/เอก/หลังปริญญาเอก รวม 708 คน และสนับสนุนนักศึกษาและบุคลากรวิจัยทั้งในและต่างประเทศเข้าร่วมงานในห้องปฏิบัติการของศูนย์แห่งชาติ จำนวน 569 คน

1.5 ผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม

 

- สวทช. สามารถสร้างผลลัพธ์ ผลกระทบทางเศรษฐกิจ มูลค่ารวม 65,255 ล้านบาท รวมทั้งผลักดันให้เกิดการลงทุนด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมของภาคการผลิตและบริการ มูลค่ารวม 13,796 ล้านบาท

1.6 ผลการใช้จ่ายและบุคลากร

 

- สวทช. มีผลการใช้จ่ายตามงบการเงินประจำปีงบประมาณ .. 2563 ทั้งสิ้น 6,980.89 ล้านบาท มีรายได้รวมเท่ากับ 6,742.45 ล้านบาท มีบุคลากรทั้งสิ้น 3,096 คน เป็นบุคลากรสายวิจัยและวิชาการร้อยละ 70 (จำนวน 2,167 คน) และบุคลากรที่ไม่ใช่สายวิจัยและวิชาการร้อยละ 30 (จำนวน 929 คน)

 

          2. รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของ สวทช. สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 โดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่า งบการเงินของ สวทช. ดังกล่าวมีความถูกต้องตามที่ควร ในสาระสำคัญตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน

 

(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 27 กรกฎาคม 2564

สำนักโฆษก   สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396

 

A7810

COREHOON

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

 

EXIM One 720x90 C J

BITKUB Ad

SAM720x100px bgGC 790x90

smed banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!