ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 24/2564
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Tuesday, 20 July 2021 23:42
- Hits: 16974
ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 24/2564
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและเห็นชอบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ (คกง.) ในคราวประชุม ครั้งที่ 24/2564 เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2564 ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ ดังนี้
1. อนุมัติร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 (ฉบับที่ ... ) พ.ศ. .... เพื่อให้ คกง. ใช้ในการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการตามพระราชกำหนดฯ ต่อไป [เพิ่มข้อความที่เกี่ยวข้องกับกรณีโครงการที่ต้องใช้เงินกู้เป็นสกุลเงินตราต่างประเทศ โดยให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) มีหน้าที่และอำนาจจัดทำระบบเบิกจ่ายเงินกู้ในข้อ 7 และ ข้อ 20 ของร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ ฉบับเดิม]
โดยมอบหมายให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เพิ่มเติมวันใช้บังคับของร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ให้สมบูรณ์ และให้ดำเนินการต่อไปได้
2. อนุมัติให้กรมการพัฒนาชุมชน เปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการที่อยู่ในความรับผิดชอบที่ได้รับอนุมัติให้ดำเนินโครงการโดยใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 (พระราชกำหนดฯ) จำนวน 3 โครงการ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้พิจารณาให้ความเห็นชอบตามขั้นตอนแล้ว ทั้งนี้ เมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามผลการพิจารณาของ คกง. แล้ว เห็นควรให้กรมการพัฒนาชุมชนเร่งดำเนินการแก้ไขข้อมูลโครงการในระบบ eMENSCR โดยเร็ว
3. อนุมัติให้จังหวัดพังงา จังหวัดลำพูน จังหวัดหนองคาย และจังหวัดปัตตานีปรับแผนการดำเนินโครงการ/ยกเลิกการดำเนินกิจกรรมภายใต้แผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชนของจังหวัดตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้พิจารณาให้ความเห็นชอบตามขั้นตอนแล้ว
4. มอบหมายให้หัวหน้าหน่วยงานรับผิดชอบโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เป็นผู้มีอำนาจในการพิจารณาความเหมาะสมของการปรับรูปแบบหรือวิธีการจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการฝึกอบรม การศึกษาดูงาน และการถ่ายทอดความรู้ในรูปแบบต่างๆ ภายใต้โครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เพื่อลดข้อจำกัดในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) ทั้งนี้ หัวหน้าหน่วยงานรับผิดชอบโครงการต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ที่ คกง. กำหนด
ทั้งนี้ เมื่อหัวหน้าหน่วยงานรับผิดชอบโครงการได้พิจารณาตามขั้นตอนดังกล่าวแล้ว ให้รายงาน คกง. ทราบตามขั้นตอนต่อไป โดยการปรับรูปแบบหรือวิธีการจัดกิจกรรมตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวไม่ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการที่กระทบต่อสาระสำคัญ
สาระสำคัญของเรื่อง
คกง. รายงานว่า ที่ประชุม คกง. ในคราวประชุมครั้งที่ 24/2564 เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2564 มีมติ ดังนี้
1. ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดฯ (ฉบับที่ ...) พ.ศ. ....
1.1 ความเป็นมาและสาระสำคัญ
เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2563 กระทรวงการคลัง (กค.) ได้ลงนามในสัญญาเงินกู้ COVID-19 กับธนาคารพัฒนาเอเชีย วงเงินรวม 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเป็นเงินกู้สำหรับแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดฯ โดยปัจจุบันมีวงเงินกู้คงเหลือ 750 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สามารถเบิกได้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ต่อมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (สบน. กรมบัญชีกลาง กรมสรรพากร สำนักงบประมาณ และกรมควบคุมโรค) ได้ประชุมหารือเกี่ยวกับแนวทางการจัดซื้อวัคซีนโควิด 19 ด้วยเงินกู้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ แต่โดยที่ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดฯ (ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ) ยังไม่มีเนื้อหาครอบคลุมวิธีปฏิบัติสำหรับโครงการที่ต้องใช้เงินกู้เป็นสกุลเงินตราต่างประเทศ (เช่น โครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 สำหรับบริการประชาชนในประเทศไทย เพิ่มเติม จำนวน 35 ล้านโดส ของกรมควบคุมโรค กรอบวงเงิน 6,378.225 ล้านบาท ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2564) หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (สบน. กรมบัญชีกลาง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และ สศช.) จึงได้หารือร่วมกันเพื่อเสนอปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าวต่อ คกง. เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี โดยร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินการตามแผนงาน หรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดฯ ที่เสนอปรับปรุง มีสาระสำคัญเพิ่มเติมจากระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ ฉบับปัจจุบัน ดังนี้
ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ |
ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ ที่เสนอปรับปรุง |
|
ข้อ 7 ให้กรมบัญชีกลางรับฝากเงินกู้ไว้ในบัญชีเงินฝาก กค. และจัดทำระบบบัญชีระบบการเบิกจ่ายเงินกู้สำหรับโครงการ รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์ หรือวิธีปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง |
ข้อ 7 ให้กรมบัญชีกลางรับฝากเงินกู้ไว้ในบัญชีเงินฝาก กค. และจัดทำระบบบัญชี ระบบการเบิกจ่ายเงินกู้สำหรับโครงการ รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์ หรือวิธีปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง ในกรณีที่เป็นโครงการที่ต้องใช้เงินกู้เป็นสกุลเงินตราต่างประเทศให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะมีหน้าที่และอำนาจจัดทำระบบการเบิกจ่ายเงินกู้ รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์หรือวิธีการปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง |
|
ข้อ 20 ให้ สบน. นำเงินกู้ฝากบัญชีเงินฝาก กค. ชื่อบัญชี “เงินกู้ตามพระราชกำหนดกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา COVID-19” เมื่อหน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินโครงการเสร็จสิ้นครบทุกโครงการแล้ว หรือไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้จ่ายเงินกู้ตามโครงการอีก ให้ สบน. นำเงินกู้ที่เหลือในบัญชีตามวรรคหนึ่ง ส่งคืนคลังและปิดบัญชีดังกล่าว |
ข้อ 20 ให้ สบน. นำเงินกู้ฝากบัญชีเงินฝาก กค. ชื่อบัญชี “เงินกู้ตามพระราชกำหนดกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา COVID-19” ในกรณีที่กระทรวงการคลังกู้เงินเป็นสกุลเงินตราต่างประเทศและหน่วยงานเจ้าของโครงการมีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินกู้เพื่อดำเนินโครงการเป็นสกุลเงินตราต่างประเทศ ให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะนำเงินกู้ฝากบัญชีสำหรับใช้ในโครงการดังกล่าวกับสถาบันการเงินตามที่กระทรวงการคลังกำหนดโดยใช้ชื่อบัญชี “เงินกู้สกุลเงินตราต่างประเทศตาม พ.ร.ก. COVID-19 2563” เมื่อหน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินโครงการเสร็จสิ้นครบทุกโครงการแล้ว หรือไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้จ่ายเงินกู้ตามโครงการอีก ให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะนำเงินกู้ที่เหลือในบัญชีตามวรรคหนึ่งและวรรคสองส่งคืนคลังและปิดบัญชีดังกล่าว |
ทั้งนี้ สบน. ได้หารือกับกรมบัญชีกลาง เกี่ยวกับการดำเนินการจัดทำระบบบัญชี การกำหนดคู่บัญชีและแนวทางการบันทึกบัญชีเงินกู้ ตามข้อ 7 เรียบร้อยแล้ว
1.2 มติ คกง.
เห็นควรให้ความเห็นชอบการปรับปรุงร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดฯ (ฉบับที่ ...) พ.ศ. ....
2. การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการภายใต้กรมการพัฒนาชุมชน จำนวน 3 โครงการ ได้แก่
โครงการ |
มติ คกง. (ที่เสนอในครั้งนี้) |
|
2.1 โครงการยกระดับเศรษฐกิจน่านสู่นวัตกรรมเชิงสร้างสรรค์ : พัฒนาชุมชนท่องเที่ยวเชิงคุณภาพเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น (วงเงิน 620,000 บาท) ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2563 |
- เห็นควรให้ความเห็นชอบการขยายระยะเวลาดำเนินการ จาก ธันวาคม 2563 - เมษายน 2564 (5 เดือน) เป็น ธันวาคม 2563 - กันยายน 2564 (10 เดือน) - เห็นควรให้ความเห็นชอบการยกเลิกกิจกรรมที่ 3.1 จ้างจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดการท่องเที่ยวของชุมชนท่องเที่ยว วงเงิน 200,000 บาท เนื่องจากเป็นกิจกรรมที่ก่อให้เกิดการรวมกลุ่มจึงไม่สอดคล้องกับมาตรการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ของรัฐบาล (ส่งผลให้กรอบวงเงินของโครงการฯ ลดลง จาก 620,000 บาท เป็น 420,000 บาท) |
|
2.2 โครงการส่งเสริมการเลี้ยงผึ้งชัณโรงและแปรรูปผลิตภัณฑ์ชัณโรงเพื่อสุขภาพ (วงเงิน 640,000 บาท) ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2563 |
เห็นควรให้ความเห็นชอบการขยายระยะเวลาดำเนินการ จาก มกราคม 2564 - เมษายน 2564 (4 เดือน) เป็น มกราคม 2564 - กันยายน 2564 (9 เดือน) (ไม่เปลี่ยนแปลงวงเงิน) |
|
2.3 โครงการโอทอปไทย สู้ภัยโควิด-19 (วงเงิน 95,000,000 บาท) ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2563 |
เห็นควรให้ความเห็นชอบการขยายระยะเวลาดำเนินการ จาก มกราคม 2564 - มิถุนายน 2564 (6 เดือน) เป็น มกราคม 2564 - ธันวาคม 2564 (12 เดือน) (ไม่เปลี่ยนแปลงวงเงิน) |
3. การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการภายใต้แผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชนของจังหวัดพังงา (จำนวน 2 โครงการ) จังหวัดลำพูน (จำนวน 1 โครงการ) จังหวัดหนองคาย (จำนวน 2 โครงการ) และจังหวัดปัตตานี (จำนวน 3 โครงการ)
โครงการ |
มติ คกง. (ที่เสนอในครั้งนี้) |
|
จังหวัดพังงา จำนวน 2 โครงการ ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2563 |
||
3.1 โครงการส่งเสริมการเลี้ยงไก่ไข่เพื่อใช้บริโภคภายในครัวเรือน (วงเงิน 2,745,000 บาท) |
เห็นควรให้ความเห็นชอบการขยายระยะเวลาดำเนินการ จาก ตุลาคม 2563 - มีนาคม 2564 (6 เดือน) เป็น ตุลาคม 2563 - กันยายน 2564 (12 เดือน) (ไม่เปลี่ยนแปลงวงเงิน) |
|
3.2 โครงการแปรรูปกล้วยอบแห้งจากพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อสร้างรายได้สู่ชุมชน (วงเงิน 1,000,000 บาท) |
เห็นควรให้ความเห็นชอบการขยายระยะเวลาดำเนินการ จาก เมษายน 2564 - มิถุนายน 2564 (3 เดือน) เป็น เมษายน 2564 - กันยายน 2564 (6 เดือน) (ไม่เปลี่ยนแปลงวงเงิน) |
|
จังหวัดลำพูน จำนวน 1 โครงการ ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2563 |
||
3.3 โครงการพัฒนาและยกระดับเกษตรกรยุคใหม่ และฟาร์มเกษตรยุคใหม่เพื่อการท่องเที่ยว (วงเงิน 4,388,000 บาท) |
เห็นควรให้ความเห็นชอบการยกเลิกกิจกรรมย่อยจำนวน 1 กิจกรรม ในส่วนของการสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ Smart Farm ในฟาร์มเกษตรยุคใหม่ต้นแบบ 20 จุด ภายใต้โครงการฯ วงเงิน 2,068,000 บาท (ส่งผลให้กรอบวงเงินของโครงการฯ ลดลงเหลือ 2,320,000 บาท) |
|
จังหวัดหนองคาย จำนวน 2 โครงการ ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2563 |
||
3.4 โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมที่สำคัญ (วงเงิน 24,562,675 บาท) |
เห็นควรให้ความเห็นชอบการยกเลิกกิจกรรมย่อยจำนวน 1 กิจกรรม ในส่วนของการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและสร้างมูลค่าเพิ่มธุรกิจการเพาะเลี้ยงปลานิลในกระชังในแม่น้ำโขง จังหวัดหนองคาย วงเงิน 1,978,175 บาท ส่งผลให้กรอบวงเงินของโครงการฯ ลดลงเหลือ 22,584,500 บาท |
|
3.5 โครงการพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตด้านการศึกษา สาธารณสุขและสังคม (วงเงิน 1,070,000 บาท) |
เห็นควรให้ความเห็นชอบการปรับแผนการดำเนินการ และแผนการเบิกจ่าย จาก สิงหาคม 2563 - กันยายน 2563 (2 เดือน) เป็น กรกฎาคม 2564 - สิงหาคม 2564 (2 เดือน) (ไม่เปลี่ยนแปลงวงเงิน) |
|
จังหวัดปัตตานี จำนวน 3 โครงการ ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2563 |
||
3.6 โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจพัฒนาคุณภาพชีวิตด้วยการผลิตด้านการเกษตรจังหวัดปัตตานี (วงเงิน 56,264,000 บาท) 3.7 โครงการฝึกอาชีพหลักสูตรระยะสั้นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด 19 (วงเงิน 5,163,850 บาท) |
เห็นควรให้ความเห็นชอบการปรับแผนการดำเนินโครงการ จาก กรกฎาคม 2563 - สิงหาคม 2564 (14 เดือน) เป็น กรกฎาคม 2563 - กันยายน 2564 (15 เดือน) (ไม่เปลี่ยนแปลงวงเงิน) |
|
3.8 โครงการส่งเสริมอาชีพสร้างรายได้ตามแนวพระราชดำริเพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 (วงเงิน 2,080,000 บาท) |
เห็นควรให้ความเห็นชอบการปรับแผนการดำเนินโครงการ จาก ธันวาคม 2563 - พฤษภาคม 2564 (6 เดือน) เป็น มีนาคม 2564 - กันยายน 2564 (7 เดือน) (ไม่เปลี่ยนแปลงวงเงิน) |
4. การกำหนดแนวทางการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามอำนาจและหน้าที่ของ คกง.
4.1 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) ได้มีหนังสือเพื่อขอหารือในประเด็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ภายใต้โครงการที่มีหลักสูตรการฝึกอบรมซึ่งต้องมีการรวมตัวกันของเกษตรกรภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 โดย กษ. สอบถามถึงความเป็นไปได้ในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการอบรม (ออฟไลน์หรือ/และออนไลน์) โดยให้เป็นไปตามการพิจารณาของแต่ละจังหวัด รวมทั้งสอบถามว่าการปรับเปลี่ยนรูปแบบการอบรมดังกล่าว ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของโครงการหรือไม่
4.2 มติ คกง.
เห็นควรมอบหมายให้หัวหน้าหน่วยงานรับผิดชอบโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เป็นผู้มีอำนาจในการพิจารณาความเหมาะสมของการปรับรูปแบบหรือวิธีการจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการฝึกอบรมให้สอดคล้องกับมาตรการการลดการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 โดยการปรับรูปแบบต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ดังนี้
4.2.1 การปรับรูปแบบหรือวิธีการจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องที่เกี่ยวข้องกับการฝึกอบรม กาศึกษาดูงานและการถ่ายทอดความรู้ในรูปแบบต่างๆ จะต้องยังคงทำให้โครงการบรรลุเป้าหมาย วัตถุประสงค์ ผลลัพธ์ และผลสัมฤทธิ์ ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติไว้
4.2.2 ต้องกำหนดให้มีการประเมินผลการปรับรูปแบบหรือวิธีการจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการฝึกอบรมและการถ่ายทอดความรู้ดังกล่าวทั้งในด้านประสิทธิภาพและประสิทธิผลเพื่อประกอบการติดตามและกำกับดูแลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
4.2.3 ต้องพิจารณาความเหมาะสมของอัตราค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปอย่างเหมาะสมและรัดกุม สอดคล้องกับหลักเกณฑ์และอัตราที่ระเบียบของทางราชการฯ โดยในกรณีที่การปรับเปลี่ยนรูปแบบหรือวิธีการจัดกิจกรรมดังกล่าว ส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจกรรมลดลง หน่วยงานจะไม่สามารถนำกรอบวงเงินกู้เหลือจ่ายของโครงการไปดำเนินการเกลี่ยวงเงินเพื่อดำเนินการในรายการอื่นๆ และให้หน่วยงานส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายในวาระแรกหรือโอกาสแรกที่สามารถดำเนินการได้
ทั้งนี้ เมื่อหัวหน้าหน่วยงานรับผิดชอบโครงการได้พิจารณาตามขั้นตอนดังกล่าวแล้วให้รายงาน คกง. ทราบตามขั้นตอนต่อไป โดยให้ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการที่ไม่กระทบต่อสาระสำคัญของโครงการตามนัยมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2563
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 20 กรกฎาคม 2564
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396
A7629
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ