สรุปสถานการณ์สาธารณภัย และการช่วยเหลือ
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Tuesday, 20 July 2021 22:11
- Hits: 14688
สรุปสถานการณ์สาธารณภัย และการช่วยเหลือ
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปสถานการณ์สาธารณภัย และการช่วยเหลือ ระหว่างวันที่ 13 – 19 กรกฎาคม 2564 ตามที่กระทรวงมหาดไทย เสนอดังนี้
1. การคาดหมายลักษณะอากาศ การสั่งการเพื่อเตรียมความพร้อม และการช่วยเหลือ
สภาพอากาศ (ระหว่างวันที่ 19 - 25 กรกฎาคม 2564)
ในช่วงวันที่ 19 - 23 กรกฎาคม 2564 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรง ประกอบกับร่องมรสุมที่พาดผ่านประเทศเมียนมาและลาว ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง คลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ในช่วงวันที่ 24 - 25 กรกฎาคม 2564 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง ทำให้ประเทศไทยมีฝนลดลง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังอ่อน โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร
อนึ่ง หย่อมความกดอากาศต่ำมีกำลังแรง บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุดีเปรสชันคาดว่าจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อนในระยะต่อไป
ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 19 - 23 กรกฎาคม 2564 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักและฝนตกสะสม ส่วนชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
2. การแจ้งเตือนและสั่งการเพื่อเตรียมความพร้อม
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จัดเจ้าหน้าที่อยู่เวรเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ไว้พร้อม เพื่อสามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ทันเหตุการณ์
3. ข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย / ผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติได้มีข้อสั่งการเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 สั่งการให้กองอํานวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์อุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2564 ดังนี้
1) การเตรียมความพร้อม
1.1 การเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อุทกภัย ให้จัดตั้งคณะทํางานติดตามสถานการณ์โดยมี หน่วยงานด้านการพยากรณ์หน่วยงานด้านการบริหารจัดการน้ำ ฝ่ายปกครองในพื้นที่ ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญจากภาคประชาสังคมหรือสถาบันการศึกษาที่มีศักยภาพ เพื่อร่วมทําหน้าที่ติดตามข้อมูลสภาพอากาศ สถานการณ์น้ำและเหตุการณ์ที่อาจส่งผลให้เกิดสาธารณภัยในช่วงฤดูฝน รวมทั้งวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์น้ำ ในพื้นที่ เพื่อใช้เป็นข้อมูลสนับสนุนการตัดสินใจของผู้อํานวยการแต่ละระดับ สำหรับใช้ในการสื่อสารแจ้งเตือนประชาชน ตลอดจนการเตรียมความพร้อมในการเผชิญเหตุได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ และสภาพพื้นที่
1.2 การจัดทําแผนเผชิญเหตุอุทกภัย ให้ทบทวนและปรับปรุงแผนเผชิญเหตุอุทกภัยของจังหวัด ให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
1.3 การระบายน้ำและการเพิ่มพื้นที่รองรับน้ำ ให้มอบหมายกองอํานวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในแต่ละระดับดําเนินการอย่างเป็นระบบ มีความเชื่อมโยงกันโดยเฉพาะตามรอยต่อเขตรับผิดชอบที่เป็นเส้นทางน้ำไหลผ่าน
1.4 การตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงสถานที่ใช้กักเก็บน้ำ / กั้นน้ำ อาทิ อ่างเก็บน้ำ พนังกั้นน้ำ ให้มอบหมายหน่วยงานรับผิดชอบจัดทีมวิศวกรเข้าสํารวจตรวจสอบ และปรับปรุงให้เกิดความมั่นคงแข็งแรง เพื่อให้สามารถรองรับกรณีฝนตกหนัก หรือน้ำไหลเข้า / ผ่านในปริมาณมาก รวมทั้งสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในพื้นที่
1.5 การแจ้งเตือนภัย เมื่อมีแนวโน้มการเกิดสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินถล่มขึ้นในพื้นที่ให้ดําเนินการแจ้งเตือนไปยังกองอํานวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในแต่ละระดับ ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมบุคลากร วัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลสาธารณภัยให้พร้อมเผชิญเหตุ และเตรียมการในพื้นที่เสี่ยงภัยเสี่ยงภัยเป็นการล่วงหน้า รวมทั้งแจ้งเตือนให้ประชาชนทราบในทุกช่องทางทั้งในรูปแบบที่เป็นทางการ และไม่เป็นทางการ อาทิ สื่อสังคมออนไลน์ วิทยุชุมชน หอกระจายข่าวประจําหมู่บ้าน เพื่อให้ประชาชนรับทราบข้อมูล ข่าวสาร ตลอดจนแนวทางการปฏิบัติตนให้เกิดความปลอดภัย ช่องทางการแจ้งข้อมูล และการขอรับความช่วยเหลือจากภาครัฐ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และในกรณีจังหวัดที่มีเส้นทางน้ำเชื่อมต่อกันให้มีการประเมินสถานการณ์ร่วมกัน และแจ้งเตือนระหว่างจังหวัดต้นน้ำและจังหวัดปลายน้ำอย่างใกล้ชิด
2) การเผชิญเหตุ
เมื่อเกิดหรือคาดว่าจะเกิดสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินถล่มในพื้นที่ ให้ยึดแนวทางการจัดการสาธารณภัยในภาวะฉุกเฉิน ตามแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2558 และกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยดําเนินการตามแนวทาง ดังนี้
2.1 จัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ระดับจังหวัด อําเภอ และศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินในระดับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อเป็นศูนย์ควบคุม สั่งการ และอํานวยการหลักในการระดมสรรรพกําลัง ตลอดจนการประสานการปฏิบัติระหว่างหน่วยงานต่างๆ ทั้งฝ่ายพลเรือน หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และองค์กรสาธารณกุศล
2.2 ให้มอบหมายฝ่ายปกครอง กํานัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นําชุมชน ตลอดจนอาสาสมัคร ประชาชนจิตอาสา เตรียมความพร้อมเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงในชุมชน พื้นที่สําคัญทางเศรษฐกิจ สถานที่สําคัญต่างๆ และร่วมกันกําจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำเมื่อเกิดฝนตกหนักในพื้นที่ ทั้งนี้ หากมีกรณีน้ำท่วมขัง สร้างความเดือดร้อน ความเสียหายต่อทรัพย์สินของประชาชนให้เร่งกําหนดแนวทางการระบายน้ำ พร้อมทั้งสั่งใช้เครื่องจักรกลในพื้นที่ของหน่วยงาน ฝ่ายพลเรือน หน่วยทหาร และภาคเอกชน เพื่อเร่งระบายน้ำ และเปิดทางน้ำในพื้นที่
2.3 จัดชุดปฏิบัติการเร่งให้ความช่วยเหลือด้านการดํารงชีพแก่ประชาชนที่ประสบภัยตามวงรอบอย่างต่อเนื่อง อาทิ การจัดตั้งโรงครัวพระราชทาน ความช่วยเหลือด้านอาหาร น้ำดื่ม การรักษาพยาบาล โดยอย่าให้เกิด ความซ้ำซ้อนในการปฏิบัติ และเชิญชวนประชาชนจิตอาสามีส่วนร่วมกับภาครัฐในการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัย
2.4 กรณีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย ให้บูรณาการหน่วยงานเป็นทีมช่างในพื้นที่ทั้งหน่วยทหาร ตํารวจ ฝ่ายปกครอง สถาบันการศึกษา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนประชาชนจิตอาสา เพื่อเร่งซ่อมแซมบ้านเรือนประชาชนโดยเร็ว
2.5 กรณีเส้นทางคมนาคมได้รับความเสียหาย หรือถูกน้ำท่วมจนประชาชนไม่สามารถใช้ยานพาหนะสัญจรได้ให้จัดทําป้ายแจ้งเตือนพร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่อํานวยความสะดวกการจราจร แนะนําเส้นทางเลี่ยงที่ปลอดภัย รวมทั้งจัดยานพาหนะที่เหมาะสม อาทิ เรือ รถยกสูง เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชน และให้เร่งซ่อมแซมเส้นทางที่ชํารุด / ถูกตัดขาด เพื่อให้ประชาชนใช้สัญจรได้โดยเร็ว
2.6 เน้นย้ำการสื่อสารสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนในช่วงเกิดสถานการณ์อุทกภัย ผ่านสื่อมวลชน ตลอดจนสื่อแขนงต่างๆ และสื่อสังคมออนไลน์เพื่อให้เกิดความเข้าใจถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง
2.7 ให้รายงานสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่มที่เกิดขึ้นต่อกองอํานวยการ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลางอย่างต่อเนื่อง เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการประเมินสถานการณ์และเสนอ ความเห็นต่อผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติในการตัดสินใจสั่งการในเชิงนโยบายต่อไป
สรุปสถานการณ์น้ำไหลหลาก และดินสไลด์
ระหว่างวันที่ 13 - 19 กรกฎาคม 2564
น้ำล้นสปิลเวย์
จังหวัดลําปาง วันที่ 16 กรกฎาคม 2564 เวลา 02.30 น. เกิดฝนตกหนักทําให้อ่างเก็บน้ำแม่แก่งมีน้ำล้นสปิลเวย์ในพื้นที่อำเภอเถิน ตำบลแม่ถอด (หมู่ที่ 7) ประชาชนได้รับผลกระทบ 3 ครัวเรือน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
น้ำป่าไหลหลาก
1. จังหวัดน่าน วันที่ 19 กรกฎาคม 2564 เวลา 06.00 น. เกิดเหตุน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมและดินสไลด์ในพื้นที่อำเภอสองแคว ตำบลยอด (หมู่ที่ 5) ประชาชนได้รับผลกระทบ 3 ครัวเรือน เสาไฟฟ้าล้ม 1 ต้น พื้นที่ทางการเกษตร 20 ไร่ ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
2. จังหวัดแม่ฮ่องสอน วันที่ 15 กรกฎาคม 2564 เวลา 18.10 น. เกิดเหตุน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วม ในพื้นที่อำเภอแม่ลาน้อย ตำบลแม่ลาน้อย (หมู่ที่ 10) ประชาชนได้รับผลกระทบ 2 ครัวเรือน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
วันที่ 14 กรกฎาคม 2564 เวลา 21.30 น. เกิดเหตุน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่อำเภอ เมืองแม่ฮ่องสอน ตำบลปางหมู (หมู่ที่ 11) ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
3. จังหวัดตาก วันที่ 15 กรกฎาคม 2564 เวลา 18.00 น. เกิดเหตุน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่อำเภอแม่ระมาด ตำบลสามหมื่น (หมู่ที่ 1, 2, 4) ประชาชนได้รับผลกระทบ 4 ครัวเรือน สะพาน 4 แห่ง รถยนต์ 3 คัน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
4. จังหวัดนครราชสีมา วันที่ 14 กรกฎาคม 2564 เวลา 15.45 น. เกิดเหตุน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมถนน ในพื้นที่อำเภอด่านขุนทด และอำเภอสีคิ้ว บริเวณถนนทางหลวงหมายเลข 2148 (ด่านขุนทด - หนองสรวง) และหมายเลข 201 (สีคิ้ว - ชัยภูมิ) ช่วงหลักกม. ที่ 29-30 หลัก กม. ที่ 33-34 และหลัก กม. ที่ 41-42
5. จังหวัดสระบุรี วันที่ 14 กรกฎาคม 2564 เวลา 17.00 น. เกิดเหตุน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่อำเภอวังม่วง ตำบลแสลงพัน (หมู่ที่ 5) ประชาชนได้รับผลกระทบ 2 ครัวเรือน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
สรุปสถานการณ์วาตภัย
ระหว่างวันที่ 13 - 19 กรกฎาคม 2564
1. จังหวัดพะเยา วันที่ 15 กรกฎาคม 2564 เวลา 13.30 น. เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอภูซาง ตำบลป่าสัก (หมู่ที่ 7, 9) ตำบลภูซาง (หมู่ที่ 1, 5, 9, 13) ตำบลทุ่งกล้วย (หมู่ที่ 1, 2, 10) ทำให้บ้านเรือนได้รับความเสียหาย 33 หลัง ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
2. จังหวัดปัตตานี วันที่ 15 กรกฎาคม 2564 เวลา 17.30 น. เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอทุ่งยางแดง ตำบลปากู (หมู่ที่ 2) ทำให้บ้านเรือนได้รับความเสียหาย 1 หลัง ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
3. จังหวัดนครราชสีมา วันที่ 14 กรกฎาคม 2564 เวลา 15.45 น. เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอด่านขุนทด ตำบลด่านขุนทด (หมู่ที่ 11) ทำให้บ้านเรือนได้รับความเสียหาย 4 หลัง ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
4. จังหวัดชัยภูมิ วันที่ 14 กรกฎาคม 2564 เวลา 16.00 น. เกิดเหตุวาตภัยในพื้นที่อำเภอบ้านเขว้า ตำบลลุ่มน้ำชี (หมู่ที่ 6, 18) ทำให้ยุ้งข้าวได้รับความเสียหาย 2 หลัง โรงรถ 1 หลัง ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
5. จังหวัดหนองบัวลําภู วันที่ 14 กรกฎาคม 2564 เวลา 19.30 น. เกิดเหตุวาตภัยในพื้นที่อำเภอเมืองหนองบัวลำภู ตำบลโพธิ์ชัย (หมู่ที่ 3) บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 2 หลัง ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
6. จังหวัดปัตตานี วันที่ 12 กรกฎาคม 2564 เวลา 06.30 น. เกิดเหตุวาตภัยในพื้นที่อำเภอ ยะหริ่ง ตำบลตันหยงดาลอ (หมู่ที่ 1) ต้นไม้ล้มทับบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 1 หลัง รถจักรยานยนต์ 1 คัน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
สรุปสถานการณ์ไฟป่า
ข้อมูล ณ วันที่ 19 กรกฎาคม 2564
จังหวัดสงขลา วันที่ 19 กรกฎาคม 2564 เวลา 11.45 น. เกิดเหตุไฟไหม้ป่าพรุกระจูด ในพื้นที่อำเภอเทพา ตำบลเกาะสบ้า (หมู่ที่ 3, 7) พื้นที่ป่าประมาณ 200 ไร่ อยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหาย
การให้ความช่วยเหลือ : สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด หน่วยทหารในพื้นที่ อำเภอ อปท. เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาปะช้าง อปพร. อาสาสมัคร มูลนิธิเข้าทำการดับไฟ ปัจจุบันสามารถควบคุมไฟได้ และจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง
สรุปสถานการณ์อุบัติภัย และเหตุการณ์สำคัญ
ระหว่างวันที่ 13 - 19 กรกฎาคม 2564
1. จังหวัดสงขลา วันที่ 18 กรกฎาคม 2564 เวลา 15.15 น. เกิดอุบัติเหตุทางถนนรถเสียหลักตกคลองในพื้นที่ หมู่ที่ 2 ตำบลปากบาง อำเภอเทพา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าให้การช่วยเหลือ
2. จังหวัดปทุมธานี วันที่ 17 กรกฎาคม 2564 เวลา 10.50 น. เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่พักคนงาน บริเวณตรงข้ามสถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ ในพื้นที่หมู่ที่ 2 ตำบลสามโคก อำเภอสามโคก เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าทำการดับเพลิงจนเพลิงสงบ เวลา 11.05 น. เพลิงลุกไหม้ได้รับความเสียหาย 6 ห้อง และไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
3. จังหวัดนครราชสีมา วันที่ 16 กรกฎาคม 2564 เวลา 22.00 น. เกิดเหตุเพลิงไหม้ภายในโรงงานผลิตปูนขาว และกําจัดของเสียของบริษัท เอกอุทัย จํากัด (มหาชน) สาขากลางดง ตั้งอยู่เลขที่ 499 หมู่ที่ 1 ตำบลกลางดง อำเภอปากช่อง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าทำการดับเพลิงจนเพลิงสงบ เวลา 00.20 น. เพลิงลุกไหม้ถังเก็บเชื้อเพลิงผสม (ประเภท 9) ได้รับความเสียหาย ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
4. จังหวัดสงขลา วันที่ 14 กรกฎาคม 2564 เวลา 06.20 น. เกิดเหตุเพลิงไหม้บริษัท เซาท์เทิร์น กรีนเนอร์จี จํากัด ประกอบกิจการคัดแยกขยะ ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 7 ตำบลคลองหอยโข่ง อำเภอคลองหอยโข่ง ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 20 กรกฎาคม 2564
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396
A7624
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ