การขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Tuesday, 20 July 2021 22:05
- Hits: 14481
การขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ออกไปอีก 2 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2564 และสิ้นสุดในวันที่ 30 กันยายน 2564 ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
เรื่องเดิม เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ 12) ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2564 และสิ้นสุดในวันที่ 31 กรกฎาคม 2564 เพื่อขยายระยะเวลาการบังคับใช้อำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด - 19 ในประเทศ
การดำเนินการที่ผ่านมา เนื่องจากปัจจุบันการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินใกล้จะสิ้นสุดลง สมช. ในฐานะศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด - 19 (ศปก.ศบค.) ได้เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โควิด - 19) (ศบค.) ครั้งที่ 9/2564 เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2564 รายละเอียด ดังนี้
1. ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสาธารณสุข ได้รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาด ดังนี้
1.1 สถานการณ์ในระดับโลก ยังพบผู้ติดเชื้อจำนวนมากในหลายภูมิภาค ข้อมูล ณ วันที่ 9 กรกฎาคม 2564 มีจำนวนผู้ติดเชื้อรวมทั้งสิ้น 186,293,113 ราย โดยประเทศที่พบผู้ติดเชื้อมากที่สุด 3 ลำดับแรกของโลก ได้แก่ 1) สหรัฐอเมริกา 2) อินเดีย และ 3) บราซิล ในส่วนของประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 62 จาก 218 ประเทศทั่วโลก ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดในเอเชียและประเทศรอบบ้านของประเทศไทยว่ายังคงมีอัตราการติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
1.2 สำหรับสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อโควิด - 19 ในระลอกเดือนเมษายน 2564 ของไทย ในห้วงระหว่างวันที่ 1 เมษายน - 9 กรกฎาคม 2564 มีผู้ป่วยติดเชื้อสะสม จำนวน 288,643 ราย (ผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศ จำนวน 1,786 คน ติดเชื้อในประเทศ จำนวน 249,110 คน และติดเชื้อในเรือนจำและที่ต้องขัง จำนวน 37,747 คน) ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ปรากฏจำนวนผู้ติดเชื้อที่มีจำนวนมากกว่าหลายพันรายต่อวันและมีอัตราการเสียชีวิตเพิ่มสูงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเชื้อไวรัสโควิด - 19 ชนิดสายพันธุ์ใหม่ (เดลต้า) สามารถแพร่ระบาดและติดต่อกันได้ง่ายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ในบางพื้นที่ของประเทศไทยได้พบการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด - 19 ชนิดสายพันธุ์ใหม่ (เบต้า) ที่มีความรุนแรงมาก อาจส่งผลให้อัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยสูงขึ้น ขณะเดียวกันยังพบการระบาดเป็นกลุ่มก้อนในจังหวัดที่มีสถานประกอบการ โรงงาน ตลาดค้าส่ง อีกทั้งยังพบการระบาดต่อเนื่อง จากผู้ติดเชื้อที่เดินทางกลับภูมิลำเนา ที่พักแรงงานก่อสร้างชั่วคราว ครอบครัว ตลาด สถานที่ทำงาน และสถานที่ชุมชนต่างๆ
2. สำหรับแนวโน้มสถานการณ์การแพร่ระบาดในระยะต่อไป กระทรวงสาธารณสุขประเมินว่าจะมีผู้ติดเชื้อจำนวน 10,000 รายต่อวัน หรือมีผู้ป่วยสะสมมากกว่า 100,000 ราย ภายในระยะเวลา 14 วัน อันจะส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตในอัตราเกิน 100 รายต่อวัน จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดในการกำหนดมาตรการควบคุมแบบบูรณาการเพื่อควบคุมและแก้ไขสถานการณ์โดยเร็วเพื่อให้เกิดความมั่นคงทางด้านสาธารณสุข อันจะนำมาซึ่งการลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาระที่เกิดขึ้นต่อบุคลากรทางการแพทย์ เตียงรักษา หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์
3. ศปก.ศบค. พิจารณาแล้วเห็นว่าสถานการณ์ทั้งในปัจจุบันและในระยะต่อไปยังคงเป็นภัยคุกคามความปลอดภัยในชีวิตของประชาชน ความมั่นคงปลอดภัยทางด้านสาธารณสุข และระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ จึงมีความจำเป็นต้องขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ออกไปอีกคราวหนึ่ง เพื่อให้การบังคับใช้มาตรการควบคุมและระงับยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาไว้ซึ่งความปลอดภัยในสุขภาพและชีวิตของประชาชน
4. มติของที่ประชุม ที่ประชุมมีความเห็นว่ามีความจำเป็นจะต้องใช้อำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ต่อไป เพื่อประโยชน์ในการบูรณาการปฏิบัติงานและการดำเนินมาตรการที่จำเป็นในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดอัตราการเสียชีวิตและการบริหารจัดการทรัพยากรด้านสาธารณสุข และการดำเนินการอื่นๆ เพื่อบรรเทาผลกระทบให้กับประชาชน โดยให้เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร คราวที่ 13 ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2564 จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2564
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 20 กรกฎาคม 2564
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396
A7623
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ