สรุปสถานการณ์สาธารณภัย และการช่วยเหลือ
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Tuesday, 13 July 2021 20:31
- Hits: 15821
สรุปสถานการณ์สาธารณภัย และการช่วยเหลือ
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปสถานการณ์สาธารณภัย และการช่วยเหลือ ระหว่างวันที่ 6 - 12 กรกฎาคม 2564 ตามที่กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) เสนอ ดังนี้
การคาดหมายลักษณะอากาศ การสั่งการเพื่อเตรียมความพร้อม และการช่วยเหลือ
1. สภาพอากาศ (ระหว่างวันที่ 12 - 18 กรกฎาคม 2564)
ในช่วงวันที่ 12 - 13 กรกฎาคม 2564 ร่องมรสุมที่พาดผ่านบริเวณภาคกลาง ภาคตะวันออก และ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างมีกำลังอ่อนลง ขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่งในวันที่ 14 - 18 กรกฎาคม 2564 ร่องมรสุมที่พาดผ่านบริเวณภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักบางแห่ง ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2564 คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2 - 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร สำหรับทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ในช่วงวันที่ 13 - 18 กรกฎาคม 2564 คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง
ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 12 - 15 กรกฎาคม 2564 ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนตกสะสม ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ สำหรับชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงด ออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 12 กรกฎาคม 2564
2. การแจ้งเตือนและสั่งการเพื่อเตรียมความพร้อม
กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) แจ้งเตือนจังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต เพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และคลื่นลมแรง โดยพิจารณาจากข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยา หน่วยวิชาการที่เกี่ยวข้อง และข้อมูลจากหน่วยงานในพื้นที่โดยเฝ้าระวังสถานการณ์ระหว่างวันที่ 9 - 13 กรกฎาคม 2564
3. ข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย / ผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ได้มีข้อสั่งการเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 สั่งการให้กองอํานวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์อุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2564 ดังนี้
1) การเตรียมความพร้อม
1.1 การเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อุทกภัย ให้จัดตั้งคณะทํางานติดตามสถานการณ์โดยมีหน่วยงานด้านการพยากรณ์หน่วยงานด้านการบริหารจัดการน้ำ ฝ่ายปกครองในพื้นที่ ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญจากภาคประชาสังคมหรือสถาบันการศึกษาที่มีศักยภาพ เพื่อร่วมทําหน้าที่ติดตามข้อมูลสภาพอากาศ สถานการณ์น้ำและเหตุการณ์ที่อาจส่งผลให้เกิดสาธารณภัยในช่วงฤดูฝน รวมทั้งวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์น้ำในพื้นที่ เพื่อใช้เป็นข้อมูลสนับสนุนการตัดสินใจของผู้อํานวยการแต่ละระดับ สำหรับใช้ในการสื่อสารแจ้งเตือนประชาชน ตลอดจนการเตรียมความพร้อมในการเผชิญเหตุได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ และสภาพพื้นที่
1.2 การจัดทําแผนเผชิญเหตุอุทกภัย ให้ทบทวนและปรับปรุงแผนเผชิญเหตุอุทกภัยของจังหวัดให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
1.3 การระบายน้ำและการเพิ่มพื้นที่รองรับน้ำ ให้มอบหมายกองอํานวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในแต่ละระดับดําเนินการอย่างเป็นระบบ มีความเชื่อมโยงกันโดยเฉพาะตามรอยต่อเขตรับผิดชอบที่เป็นเส้นทางน้ำไหลผ่าน
1.4 การตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงสถานที่ใช้กักเก็บน้ำ / กั้นน้ำ อาทิ อ่างเก็บน้ำ พนังกั้นน้ำให้มอบหมายหน่วยงานรับผิดชอบจัดทีมวิศวกรเข้าสํารวจตรวจสอบ และปรับปรุงให้เกิดความมั่นคงแข็งแรง เพื่อให้สามารถรองรับกรณีฝนตกหนัก หรือน้ำไหลเข้า / ผ่านในปริมาณมาก รวมทั้งสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในพื้นที่
1.5 การแจ้งเตือนภัย เมื่อมีแนวโน้มการเกิดสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินถล่มขึ้นในพื้นที่ให้ดําเนินการแจ้งเตือนไปยังกองอํานวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในแต่ละระดับ ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมบุคลากร วัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลสาธารณภัยให้พร้อมเผชิญเหตุ และเตรียมการในพื้นที่เสี่ยงภัยเป็นการล่วงหน้า รวมทั้งแจ้งเตือนให้ประชาชนทราบในทุกช่องทางทั้งในรูปแบบที่เป็นทางการ และไม่เป็นทางการ อาทิ สื่อสังคมออนไลน์ วิทยุชุมชน หอกระจายข่าวประจําหมู่บ้าน เพื่อให้ประชาชนรับทราบข้อมูล ข่าวสาร ตลอดจนแนวทางการปฏิบัติตนให้เกิดความปลอดภัย ช่องทางการแจ้งข้อมูล และการขอรับความช่วยเหลือจากภาครัฐ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และในกรณีจังหวัดที่มีเส้นทางน้ำเชื่อมต่อกันให้มีการประเมินสถานการณ์ร่วมกัน และแจ้งเตือนระหว่างจังหวัดต้นน้ำและจังหวัดปลายน้ำอย่างใกล้ชิด
2) การเผชิญเหตุ
เมื่อเกิดหรือคาดว่าจะเกิดสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินถล่มในพื้นที่ ให้ยึดแนวทางการจัดการสาธารณภัยในภาวะฉุกเฉิน ตามแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2558 และกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยดําเนินการตามแนวทาง ดังนี้
2.1 จัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ระดับจังหวัด อําเภอ และศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินในระดับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อเป็นศูนย์ควบคุม สั่งการ และอํานวยการหลักในการระดมสรรรพกําลัง ตลอดจน การประสานการปฏิบัติระหว่างหน่วยงานต่างๆ ทั้งฝ่ายพลเรือน หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และองค์กร สาธารณกุศล
2.2 ให้มอบหมายฝ่ายปกครอง กํานัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นําชุมชน ตลอดจนอาสาสมัคร ประชาชน จิตอาสา เตรียมความพร้อมเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงในชุมชน พื้นที่สําคัญทางเศรษฐกิจ สถานที่สําคัญต่างๆ และร่วมกันกําจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำเมื่อเกิดฝนตกหนักในพื้นที่ ทั้งนี้ หากมีกรณีน้ำท่วมขัง สร้างความเดือดร้อน ความเสียหายต่อทรัพย์สินของประชาชนให้เร่งกําหนดแนวทางการระบายน้ำ พร้อมทั้งสั่งใช้เครื่องจักรกลในพื้นที่ของหน่วยงาน ฝ่ายพลเรือน หน่วยทหาร และภาคเอกชน เพื่อเร่งระบายน้ำ และเปิดทางน้ำในพื้นที่
2.3 จัดชุดปฏิบัติการเร่งให้ความช่วยเหลือด้านการดํารงชีพแก่ประชาชนที่ประสบภัยตามวงรอบ อย่างต่อเนื่อง อาทิ การจัดตั้งโรงครัวพระราชทาน ความช่วยเหลือด้านอาหาร น้ำดื่ม การรักษาพยาบาล โดยอย่าให้เกิด ความซ้ำซ้อนในการปฏิบัติ และเชิญชวนประชาชนจิตอาสามีส่วนร่วมกับภาครัฐในการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัย
2.4 กรณีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย ให้บูรณาการหน่วยงานเป็นทีมช่างในพื้นที่ ทั้งหน่วยทหาร ตํารวจ ฝ่ายปกครอง สถาบันการศึกษา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนประชาชนจิตอาสา เพื่อเร่งซ่อมแซมบ้านเรือนประชาชนโดยเร็ว
2.5 กรณีเส้นทางคมนาคมได้รับความเสียหาย หรือถูกน้ำท่วมจนประชาชนไม่สามารถใช้ยานพาหนะสัญจรได้ให้จัดทําป้ายแจ้งเตือนพร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่อํานวยความสะดวกการจราจร แนะนําเส้นทางเลี่ยงที่ปลอดภัย รวมทั้งจัดยานพาหนะที่เหมาะสม อาทิ เรือ รถยกสูง เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชน และให้เร่งซ่อมแซมเส้นทางที่ชํารุด / ถูกตัดขาด เพื่อให้ประชาชนใช้สัญจรได้โดยเร็ว
2.6 เน้นย้ำการสื่อสารสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนในช่วงเกิดสถานการณ์อุทกภัย ผ่านสื่อมวลชน ตลอดจนสื่อแขนงต่างๆ และสื่อสังคมออนไลน์เพื่อให้เกิดความเข้าใจถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง
2.7 ให้รายงานสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่มที่เกิดขึ้นต่อ กองอํานวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลางอย่างต่อเนื่อง เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการประเมินสถานการณ์และเสนอ ความเห็นต่อผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติในการตัดสินใจสั่งการในเชิงนโยบายต่อไป
สรุปสถานการณ์น้ำไหลหลาก และดินสไลด์ ระหว่างวันที่ 6-12 กรกฎาคม 2564
1. จังหวัดตรัง วันที่ 10 กรกฎาคม 2564 เวลา 06.00 น. เกิดเหตุน้ำป่าไหลหลากและดินสไลด์ในพื้นที่อำเภอกันตัง ตำบลโคกยาง (หมู่ที่ 6) ตำบลบางหมาก อำเภอวังวิเศษ ตำบลวังมะปรางเหนือ ตำบลเขาวิเศษ (หมู่ที่ 8) อำเภอสิเกา ตำบลนาเมืองเพชร ตำบลกะลาเส อำเภอเมืองตรัง ตำบลนาโต๊ะหมิง (หมู่ที่ 2, 3, 4, 6) ประชาชนได้รับผลกระทบ 9 ครัวเรือน ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว
2. จังหวัดระนอง วันที่ 10 กรกฎาคม 2564 เวลา 09.25 น. เกิดเหตุน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่เมืองระนอง ตำบลบางนอน (หมู่ที่ 1) ตำบลบางริ้น (หมู่ที่ 2, 6) อำเภอกระบุรี ตำบลน้ำจืด (หมู่ที่ 1, 2, 3, 9) ตำบลลําเลียง (หมู่ที่ 1, 7, 10) ตำบลปากจั่น (หมู่ที่ 2, 5, 6, 7, 8, 10) ตำบลจ.ป.ร. (หมู่ที่ 5, 6, 8, 9, 11) ประชาชนได้รับผลกระทบ 276 ครัวเรือน ไม่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว
ดินสไลด์
จังหวัดระนอง วันที่ 10 กรกฎาคม 2564 เวลา 10.00 น. เกิดเหตุดินสไลด์ปิดทับเส้นทางในพื้นที่อำเภอละอุ่น ตำบลบางแก้ว (หมู่ที่ 5) อำเภอเมืองระนอง ตำบลบางนอน (หมู่ที่ 1) ประชาชนไม่สามารถสัญจรผ่านไป - มาได้ ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ปัจจุบันสามารถเปิดใช้เส้นทางสัญจรผ่านได้
3. จังหวัดลำปาง วันที่ 11 กรกฎาคม 2564 เวลา 20.00 น. เกิดเหตุน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่อำเภอแจ้ห่ม ตำบลทุ่งผึ้ง (หมู่ที่ 7) บริเวณถนนทางข้ามลำห้วยที่ใช้ท่อคอนกรีตถมดินเพื่อสัญจรไปมาถูกน้ำกัดเซาะ จำนวน 2 จุด ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว
ดินสไลด์
จังหวัดลําปาง วันที่ 9 กรกฎาคม 2564 เวลา 08.00 น. เกิดเหตุดินสไลด์ปิดทับเส้นทางหลวงหมายเลข 1252 บริเวณ กม. 35+200 แม่ตอน-ข่วงกอม ในพื้นที่อำเภอเมืองปาน ตำบลแจ้ซ้อน ประชาชนไม่สามารถสัญจรผ่าน ไป - มาได้ ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ปัจจุบันสามารถเปิดใช้เส้นทางสัญจรผ่านได้
4. จังหวัดนครสวรรค์ วันที่ 10 กรกฎาคม 2564 เวลา 08.00 น. เกิดเหตุน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่อำเภอตากฟ้า ตำบลอุดมธัญญา (หมู่ที่ 6) และอำเภอชุมตาบง ตำบลปางสวรรค์ (หมู่ที่ 8, 11) บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 3 หลัง ถนน 1 สาย ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว
5. จังหวัดกระบี่ วันที่ 9 กรกฎาคม 2564 เวลา 10.00 น. เกิดเหตุน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่อำเภอคลองท่อม ตำบลคลองท่อมใต้ (หมู่ที่ 4) ตำบลคลองท่อมเหนือ (หมู่ที่ 4) ประชาชนได้รับผลกระทบ 1 หลัง ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
6. จังหวัดนครนายก วันที่ 8 กรกฎาคม 2564 เวลา 22.00 น. ฝนตกหนักทําให้เกิดน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่อำเภอเมืองนครนายก ตำบลเขาพระ (หมู่ที่ 12) บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 50 หลัง ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว
7. จังหวัดแม่ฮ่องสอน วันที่ 7 กรกฎาคม 2564 เวลา 02.00 น. เกิดเหตุน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ตำบลปางหมู (หมู่ที่ 7) ทำให้บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 7 หลัง ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
การให้ความช่วยเหลือ : สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด อำเภอ หน่วยทหารในพื้นที่ อปท. อปพร. อาสาสมัคร มูลนิธิเข้าสํารวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว
สรุปสถานการณ์วาตภัย ระหว่างวันที่ 6 - 12 กรกฎาคม 2564
1. จังหวัดพิจิตร วันที่ 11 กรกฎาคม 2564 เวลา 18.15 น. เกิดเหตุวาตภัยในพื้นที่อำเภอเมืองพิจิตร ตำบลเมืองเก่า (หมู่ที่ 2) บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 1 หลัง ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
2. จังหวัดพังงา วันที่ 10 กรกฎาคม 2564 เวลา 10.00 น. เกิดเหตุวาตภัยในพื้นที่อำเภอตะกั่วป่า ตำบลคึกคัก (หมู่ที่ 4) อำเภอตะกั่วทุ่ง ตตำบลโคกกลอย (หมู่ที่ 4) ตำบลกะไหล (หมู่ที่ 1) บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 3 หลัง ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
3. จังหวัดอุตรดิตถ์ วันที่ 10 กรกฎาคม 2564 เวลา 14.30 น. เกิดเหตุวาตภัยในพื้นที่อำเภอพิชัย ตำบลท่าสัก (หมู่ที่ 10) บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 3 หลัง ไม่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต
4. จังหวัดระนอง วันที่ 8 กรกฎาคม 2564 เวลา 00.30 น. เกิดเหตุวาตภัยในพื้นที่อำเภอสุขสําราญ ตำบลนาคา (หมู่ที่ 3) บ้านเรือนประชาชนได้ความเสียหาย 1 หลัง ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
5. จังหวัดจันทบุรี วันที่ 8 กรกฎาคม 2564 เวลา 20.00 น. เกิดฝนตกหนักทําให้น้ำท่วมขังในพื้นที่อำเภอเมืองจันทบุรี บริเวณถนนสายพระยาตรัง หน้าสหกรณ์ครู ถนนเลียบเนินตั้งแต่หน้าโรงพยาบาลพระปกเกล้า หน้าศาลากลางจังหวัด หน้าวิทยาลัยพยาบาลถึงบริเวณหน้าโรงแรมนิวแทรเวิลลอด์จ แยกแขวงการทางถึงหน้าโรงพยาบาลกรุงเทพ จันทบุรี ถนนท่าแฉลบตั้งแต่สี่แยกไฟแดง สำนักงานที่ดินจังหวัดผ่านหอกระต่ายถึงหน้าธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ถนนหน้าบริษัท ขนส่ง จำกัด ถนนมหาราชตั้งแต่หน้าโรงเรียนเทศบาล 2 ถึงแยกร้านฝากจันทร์ ถนนสุขุมวิท บริเวณตลาดวรรณการ ระยะทางประมาณ 50 เมตร และซอยวัดพลับพลา ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว
6. จังหวัดตราด วันที่ 8 กรกฎาคม 2564 เวลา 12.00 น. เกิดเหตุวาตภัยในพื้นที่อำเภอคลองใหญ่ ตำบลไม้รูด (หมู่ที่ 3) ทําให้เสาไฟฟ้าล้ม 22 ต้น ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
7. จังหวัดนครศรีธรรมราช วันที่ 7 กรกฎาคม 2564 เวลา 10.00 น. เกิดเหตุวาตภัยในพื้นที่อำเภอพิปูน ตำบลพิปูน (หมู่ที่ 6) บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 1 หลัง ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
การให้ความช่วยเหลือ : สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด อำเภอ อปท. อปพร. อาสาสมัคร และมูลนิธิเข้าสำรวจความเสียหาย และให้การช่วยเหลือในเบื้องต้น
สรุปสถานการณ์แผ่นดินไหว ระหว่างวันที่ 6 - 12 กรกฎาคม 2564
กรมป้องกันและบรเทาสาธารณภัย ได้รับรายงานข้อมูลเหตุแผ่นดินไหว จากกรมอุตุนิยมวิทยา และศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ได้เกิดแผ่นดินไหว ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย ดังนี้
1. วันที่ 12 กรกฎาคม 2564 เวลา 10.40 น. เกิดแผ่นดินไหว ขนาด 2.3 ที่ความลึก 1 กม. บริเวณอำเภอพาน จังหวัดเชียงราย รู้สึกสั่นไหวในพื้นที่ ไม่มีรายงานความเสียหาย
2. วันที่ 9 กรกฎาคม 2564 เวลา 20.31 น. เกิดแผ่นดินไหวในทะเล ขนาด 6.0 ที่ความลึก 133 กม. บริเวณ Minahassa Peninsula,Sulawesi ห่างจากประเทศไทยประมาณ 2,400 กม. ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย
3. วันที่ 7 กรกฎาคม 2564 เวลา 13.43 น. เกิดแผ่นดินไหวบนบก ขนาด 4.8 ที่ความลึก 1 กม. บริเวณสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ห่างจากบ้านน้ำช้าง ตำบลขุนน่าน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน ประมาณ 16 กม. สามารถรับรู้แรงสั่นสะเทือนได้ในพื้นที่จังหวัดน่าน (อำเภอปัว เชียงกลาง เฉลิมพระเกียรติ ภูเพียง และอำเภอสองแคว) จังหวัดเชียงราย (อำเภอเมืองเชียงราย แม่จัน และอำเภอเชียงของ) และจังหวัดพะเยา (อำเภอปง) ไม่ได้รับรายงานความเสียหาย
สรุปสถานการณ์อุบัติภัย และเหตุการณ์สำคัญ ระหว่างวันที่ 6 - 12 กรกฎาคม 2564
1. จังหวัดกาฬสินธุ์ วันที่ 12 กรกฎาคม 2564 เวลา 14.50 น. เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน ตรงข้ามโรงเรียนอนุบาลกาฬสินธุ์ (บ้านเตาไห) ตำบลหลุบ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ ลักษณะเป็นบ้านสองชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าทำการดับเพลิงจนเพลิงสงบ เวลา 15.30 น. เพลิงลุกไหม้ได้รับความเสียหายทั้งหลัง 2 หลัง ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
2. จังหวัดชลบุรี วันที่ 11 กรกฎาคม 2564 เวลา 01.00 น. เกิดอุบัติเหตุทางถนน บนถนนมอเตอร์เวย์สาย 7 บริเวณสะพานสวนผีเสื้อ หมู่ที่ 9 ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน เจ้าหน้าที่กู้ชีพ - กู้ภัย เข้าให้การช่วยเหลือนําผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา
3. จังหวัดนนทบุรี วันที่ 9 กรกฎาคม 2564 เวลา 13.30 น. เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน ตั้งอยู่เลขที่ 14/5268 หมู่ที่ 14 ตำบลบางบัวทอง อำเภอบางบัวทอง ลักษณะเป็นอาคารพาณิชย์ 2 ชั้นครึ่ง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าทำการดับเพลิงจนเพลิงสงบ เวลา 14.30 น. เพลิงลุกไหม้ได้รับความเสียหาย 1 หลัง มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
4. จังหวัดปัตตานี วันที่ 9 กรกฎาคม 2564 เวลา 04.00 น. เกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารเรียนของโรงเรียนบ้านป่าสวย หมู่ที่ 2 ตำบลแม่ลาน อำเภอแม่ลาน ลักษณะเป็นอาคารไม้ 2 ชั้น เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าทำการดับเพลิงจนเพลิงสงบ เวลา 05.30 น. เพลิงลุกไหม้ได้รับความเสียหาย 2 ห้อง ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
5. จังหวัดบุรีรัมย์ วันที่ 7 กรกฎาคม 2564 เวลา 14.36 น. เกิดอุบัติเหตุทางถนน รถเสียหลักพลิกคว่ำ (ถนนโชคชัย-เดชอุดม) บริเวณตำบลโคกม้า อำเภอประโคนชัย ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 6 คน เจ้าหน้าที่กู้ชีพ - กู้ภัย เข้าให้การช่วยเหลือนําผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลประโคนชัย
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 13 กรกฎาคม 2564
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396
A7377
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ