รายงานสถานการณ์การส่งออกของไทย เดือนเมษายน 2564
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Tuesday, 06 July 2021 20:33
- Hits: 13518
รายงานสถานการณ์การส่งออกของไทย เดือนเมษายน 2564
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์การส่งออกของไทย เดือนเมษายน 2564 ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
1. สรุปสถานการณ์การส่งออกของไทย เดือนเมษายน 2564
การส่งออกไทยฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง มีมูลค่าเหนือระดับ 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 โดยในเดือนเมษายน 2564 มีมูลค่า 21,429.27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 13.09 เป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดรอบ 36 เดือน หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย การส่งออกไทยขยายตัวสูงถึงร้อยละ 25.70 ซึ่งการขยายตัวของการส่งออกไทยเป็นไปตามการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของภาคการผลิตและการส่งออกโลก นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจโลกปรับตัวดีขึ้น จากการกระจายวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 อย่างทั่วถึงในหลายภูมิภาคของโลก สำหรับการส่งออก 4 เดือนแรกของปี 2564 ขยายตัวร้อยละ 4.78 เมื่อหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัวร้อยละ 11.58 สะท้อนการเติบโตของภาคเศรษฐกิจ (Real Sector)
สินค้าที่ขยายตัวดี ได้แก่ 1) สินค้าเกษตรและอาหาร โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ยางพารา ผักและผลไม้ ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง น้ำมันปาล์ม เครื่องดื่ม อาหารสัตว์เลี้ยง และสิ่งปรุงรสอาหาร 2) สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำงานที่บ้าน (Work from Home) และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ยังได้รับความนิยมต่อเนื่องและขยายตัวเกือบทุกรายการ เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน เครื่องปรับอากาศ เตาอบไมโครเวฟ ตู้เย็นและตู้แช่แข็ง เครื่องซักผ้า เครื่องรับวิทยุ โทรทัศน์และส่วนประกอบ และโทรศัพท์และอุปกรณ์ 3) สินค้าเกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อและลดการแพร่ระบาด เช่น เครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ และถุงมือยาง 4) กลุ่มสินค้าเกี่ยวเนื่องกับภาคการผลิตเริ่มกลับมาฟื้นตัว เช่น เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก แผงวงจรไฟฟ้า ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีต่อภาคการผลิตและการส่งออกไทย และ 5) สินค้าคงทนหรือสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีราคาสูง เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ รวมถึงอัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) ขยายตัวในระดับสูง สะท้อนถึงการขยายตัวของกำลังซื้อในประเทศคู่ค้าได้เป็นอย่างดี
ด้านตลาดส่งออกสำคัญ อาทิ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป จีน เกาหลีใต้ และไต้หวัน ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับตลาดเอเชียใต้ โดยเฉพาะอินเดีย มีการขยายตัวในระดับสูง เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ภายในประเทศ ทำให้ต้องพึ่งพาการนำเข้าสินค้าจำนวนมาก ด้านตลาดอาเซียน (5) ยังหดตัวต่อเนื่อง ตามการหดตัวของตลาดสิงคโปร์ และอินโดนีเซีย ขณะที่ตลาดอื่นๆ เช่น CLMV ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง ลาตินอเมริกา และรัสเซียและ CIS ต่างมีอัตราการขยายตัวในระดับสูงแทบทั้งสิ้น
มูลค่าการค้ารวม
มูลค่าการค้าในรูปของเงินดอลลาร์สหรัฐ เดือนเมษายน 2564 การส่งออก มีมูลค่า 21,429.27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 13.09 การนำเข้า มีมูลค่า 21,246.79 ล้านดอลลาร์สหรัฐขยายตัวร้อยละ 29.79 ดุลการค้าเกินดุล 182.48 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภาพรวมการส่งออก 4 เดือนแรกของปี 2564 การส่งออกมีมูลค่า 85,577.30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 4.78 การนำเข้ามีมูลค่า 84,879.16 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 13.85 ดุลการค้า 4 เดือนแรก เกินดุล 698.14 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
มูลค่าการค้าในรูปของเงินบาท เดือนเมษายน 2564 การส่งออก มีมูลค่า 656,592.93 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 6.93 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การนำเข้า มีมูลค่า 660,063.44 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 22.87 ดุลการค้าขาดดุล 3,470.51 ล้านบาท ภาพรวมการส่งออก 4 เดือนแรกของปี 2564 การส่งออกมีมูลค่า 2,564,525.07 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 1.82 การนำเข้า มีมูลค่า 2,580,092.27 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 10.80 ดุลการค้า 4 เดือนแรก ขาดดุล 15,567.20 ล้านบาท
การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร
มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัวร้อยละ 7.3 ขยายตัว 5 เดือนต่อเนื่อง สินค้าที่ขยายตัวดี ได้แก่ ยางพารา ขยายตัวร้อยละ 85.2 (ขยายตัวทุกตลาด อาทิ จีน มาเลเซีย ญี่ปุ่น สหรัฐฯ เกาหลีใต้) ผัก ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง ขยายตัวร้อยละ 22.3 (ขยายตัวในตลาดจีน มาเลเซีย สหรัฐฯ เกาหลีใต้ และอินโดนีเซีย) ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ขยายตัวร้อยละ 40.0 (ขยายตัวในตลาดจีน ไต้หวัน มาเลเซีย เกาหลีใต้ และฟิลิปปินส์) เครื่องดื่ม ขยายตัวร้อยละ 30.6 (ขยายตัวในตลาดเมียนมา เวียดนาม จีน ลาว และสิงคโปร์) อาหารสัตว์เลี้ยง ขยายตัวร้อยละ 11.3 (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ มาเลเซีย ออสเตรเลีย เวียดนาม และอินเดีย) สินค้าที่หดตัว ได้แก่ ข้าว หดตัวร้อยละ 53.6 (หดตัวในหลายตลาด อาทิ สหรัฐฯ แอฟริกาใต้ ฮ่องกง อินโดนีเซีย และจีน แต่ขยายตัวดีในญี่ปุ่น และเซเนกัล) น้ำตาลทราย หดตัวร้อยละ 33.7 (หดตัวในตลาดอินโดนีเซีย เวียดนาม ไต้หวัน สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ แต่ขยายตัวดีในเกาหลีใต้ กัมพูชา ญี่ปุ่น มาเลเซีย และศรีลังกา) อาหารทะเล แช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป หดตัวร้อยละ 12.7 (หดตัวในตลาดสหรัฐฯ ญี่ปุ่น จีน ออสเตรเลีย แคนาดา และ อียิปต์ แต่ขยายตัวดีใน เกาหลีใต้ มาเลเซีย เยเมน และอิตาลี ผัก ผลไม้ กระป๋องและแปรรูป หดตัวร้อยละ 6.8 (หดตัวตลาดสหรัฐฯ ญี่ปุ่น จีน และเกาหลีใต้ แต่ขยายตัวดีในไต้หวัน เยอรมนี และกัมพูชา) ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2564 การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัวร้อยละ 6.2
การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม
มูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัวร้อยละ 12.4 ขยายตัว 2 เดือนต่อเนื่อง สินค้าที่ขยายตัวดี ได้แก่ สินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ขยายตัวร้อยละ 61.9 (ขยายตัวทุกตลาด อาทิ จีน เวียดนาม มาเลเซีย กัมพูชา อินเดีย) รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 135.9 (ขยายตัวหลายตลาด อาทิ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เวียดนาม ฟิลิปปินส์ สหรัฐฯ) ผลิตภัณฑ์ยาง ขยายตัวร้อยละ 55.5 (ขยายตัวหลายตลาด อาทิ สหรัฐฯ มาเลเซีย ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย เวียดนาม) เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 28.7 (ขยายตัวหลายตลาด อาทิ สหรัฐฯ ฮ่องกง จีน สิงคโปร์ และมาเลเซีย) เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 72.0 (ขยายตัวเกือบทุกตลาด อาทิ สหรัฐฯ เวียดนาม ออสเตรเลีย อินเดีย ไต้หวัน) เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 29.9 (ขยายตัวทุกตลาด อาทิ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น จีน อินโดนีเซีย เวียดนาม) อัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) ขยายตัวร้อยละ 106.5 (ขยายตัวเกือบทุกตลาด อาทิ สหรัฐฯ ฮ่องกง อินเดีย ออสเตรเลีย จีน) รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 165.3 (ขยายตัวทุกตลาด อาทิ เบลเยียม จีน สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น สหรัฐฯ) สินค้าที่หดตัว ได้แก่ เครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว หดตัวร้อยละ 3.9 (หดตัวในตลาดญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ออสเตรเลีย และฮ่องกง แต่ขยายตัวได้ดีในจีน มาเลเซีย ลาว และเมียนมา) แผงสวิทซ์และแผงควบคุมกระแสไฟฟ้า หดตัวร้อยละ 4.2 (หดตัวในตลาดจีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง และสิงคโปร์ แต่ขยายตัวได้ดีในสหรัฐฯ เวียดนาม มาเลเซีย เม็กซิโก เกาหลีใต้ และอินเดีย) เครื่องส่งวิทยุ โทรเลข โทรศัพท์ โทรทัศน์ หดตัวร้อยละ 9.3 (หดตัวในตลาดสหรัฐฯ ฮ่องกง ออสเตรเลีย และเยอรมนี แต่ขยายตัวดีในเนเธอร์แลนด์ จีน สิงคโปร์ เดนมาร์ก และญี่ปุ่น) ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2564 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัวร้อยละ 4.3
ตลาดส่งออกสำคัญ
การส่งออกไปตลาดสำคัญขยายตัวเกือบทุกตลาด และหลายตลาดขยายตัวในระดับสูง สอดคล้องกับการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของภาคการผลิตและการค้าโลก รวมทั้งแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่มีทิศทางปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องตามความคืบหน้าในการใช้วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของประเทศคู่ค้า ประกอบกับแรงสนับสนุนจากการใช้นโยบายการเงินและการคลังที่ต่อเนื่องของประเทศเศรษฐกิจหลัก การส่งออกไปยังกลุ่มตลาดต่างๆ สรุปได้ดังนี้ 1) ตลาดหลัก ขยายตัวร้อยละ 15.8 ตลาดสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป (15) ขยายตัวร้อยละ 9.0 ร้อยละ 2.7 และร้อยละ 52.5 ตามลำดับ 2) ตลาดศักยภาพสูง ขยายตัวร้อยละ 18.8 การส่งออกไปจีน เอเชียใต้ และ CLMV ขยายตัวสูงร้อยละ 21.9 ร้อยละ 149.9 และร้อยละ 44.3 ตามลำดับ ขณะที่การส่งออกไปอาเซียน (5) หดตัวร้อยละ 4.4 และ 3) ตลาดศักยภาพระดับรอง ขยายตัวร้อยละ 47.8 โดยการส่งออกไปทวีปออสเตรเลีย (25) ลาตินอเมริกา ทวีปแอฟริกา และรัสเซียและกลุ่มประเทศ CIS ขยายตัวดีต่อเนื่องที่ร้อยละ 39.1 ร้อยละ 82.3 ร้อยละ 25.3 และร้อยละ 50.1 ตามลำดับ และตลาดตะวันออกกลาง (15) กลับมาขยายตัวร้อยละ 65.7
2. แนวโน้ม และมาตรการส่งเสริมการส่งออกในปี 2564
การส่งออกของไทยในระยะต่อไป คาดว่าจะเห็นภาพการฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้น สะท้อนจาก (1) การขยายตัวของการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 (2) การส่งออกสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมันที่เริ่มฟื้นตัวตามราคาส่งออก และความต้องการที่สูงขึ้น (3) แผนการกระจายวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ช่วยฟื้นความเชื่อมั่นด้านการผลิตและการบริโภค สำหรับการส่งเสริมการส่งออกในปี 2564 กระทรวงพาณิชย์มีแผนงานที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก อาทิ นโยบายเกษตรผลิต-พาณิชย์ตลาด อาหารไทยอาหารโลก กระตุ้นการค้าออนไลน์ การเร่งรัดการส่งออกในยุคนิวนอร์มอล โดยใช้นวัตกรรมใหม่ทางการตลาด เพื่อส่งเสริมตลาดเชิงรุกทั้งผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ นอกจากนี้ ได้เร่งรัดแก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้าต่างๆ อาทิ การแก้ปัญหาการค้าชายแดนผ่านแดน โดยเฉพาะการส่งออกผลไม้ไปจีน การแก้ไขปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งการดำเนินการต่างๆ ช่วยผลักดันการส่งออกของไทยให้เติบโตท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 6 กรกฎาคม 2564
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396
A7145
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ