WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. (มาตรการภาษีสำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา)

GOV 5

ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) .. …. (มาตรการภาษีสำหรับการบริจาคให้แก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา)

          คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) .. …. ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ และให้ กค. รับความเห็นของสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย

          สาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกา 

          1. กำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ดังนี้

                  1.1 บุคคลธรรมดา ให้หักลดหย่อนได้เป็นจำนวน 2 เท่าของจำนวนเงินที่บริจาค แต่เมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการศึกษาสำหรับโครงการที่กระทรวงศึกษาธิการให้ความเห็นชอบแล้ว ต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อนอื่นๆ

                  1.2 บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ให้หักเป็นรายจ่ายได้เป็นจำนวน 2 เท่าของรายจ่ายที่บริจาค ไม่ว่าจะได้จ่ายเป็นเงินหรือทรัพย์สิน แต่เมื่อรวมกับรายจ่ายที่จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการศึกษาสำหรับโครงการที่กระทรวงศึกษาธิการให้ความเห็นชอบ ต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของกำไรสุทธิก่อน หักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ และรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬา ตามมาตรา 65 ตรี (3) () แห่งประมวลรัษฎากร

           ทั้งนี้ สำหรับการบริจาคที่กระทำผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e – Donation) ให้แก่ กสศ. ตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม 2564 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 

          2. กำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดาหรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับ เงินได้ที่ได้รับจากการโอนทรัพย์สิน หรือการขายสินค้า หรือสำหรับการกระทำตราสารอันเนื่องมาจากการบริจาคให้แก่ กสศ. ทั้งนี้ สำหรับการบริจาคที่กระทำตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 

          ทั้งนี้ กค. เสนอว่า

          1. กค. ได้ประมวลผลข้อมูลการรับบริจาคให้แก่ กสศ. ตามพระราชกฤษฎีกาออกตาม ความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 682) .. 2562 พบว่ามีการบริจาคดังนี้

 

สถิติการบริจาคให้แก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา

ปี ..

ผู้บริจาค

บุคคลธรรมดา

นิติบุคคล

รวม

จำนวนราย

จำนวนเงิน (ล้านบาท)

จำนวนราย

จำนวนเงิน (ล้านบาท)

จำนวนราย

จำนวนเงิน (ล้านบาท)

2562

763

3.80

152

1.12

915

4.92

2563

2,872

11.89

202

13.94

3,074

25.83

 

          2. กสศ. ได้จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2561 เป็นหน่วยงานของรัฐและมีฐานะเป็นนิติบุคคลที่ไม่เป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดินหรือรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณและกฎหมายอื่น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา เพื่อให้ประชาชนมีสิทธิที่จะรับและเข้าถึงการศึกษาและพัฒนาอย่างทั่วถึง รวมทั้งให้ความช่วยเหลือแก่เด็กและเยาวชนซึ่งขาดแคลนทุนทรัพย์ จนสำเร็จการศึกษาขั้นพื้นฐาน และศึกษาวิจัย และพัฒนาองค์ความรู้เพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยได้เริ่มระดมทุนในปี .. 2562 และจากข้อมูลสถิติข้างต้น พบว่า จำนวนผู้บริจาคและจำนวนเงินการรับบริจาคในส่วนของผู้บริจาคที่เป็นบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นมาก โดยจำนวนผู้บริจาคและจำนวนเงินบริจาคปี 2563 ปรับเพิ่มขึ้นจากปี 2562 เท่ากับ 2,159 ราย (ผู้บริจาคที่เป็นบุคคลธรรมดา 2,109 ราย และนิติบุคคล 50 ราย) ทั้งนี้ ผู้บริจาคส่วนใหญ่เป็นบุคคลธรรมดา และเมื่อพิจารณาจำนวนเงินที่บริจาคแล้ว ผู้บริจาคที่เป็นนิติบุคคล มีจำนวนเงินบริจาคที่สูงกว่าผู้บริจาคที่เป็นบุคคลธรรมดา

          3. ในปี .. 2562 – 2563 กสศ. ได้นำเงินบริจาคที่ได้รับไปใช้ในการช่วยเหลือนักเรียนยากจนพิเศษระดับชั้นอนุบาล และนักเรียนยากจนพิเศษระดับชั้น .1 - .3 ที่มีภาวะทุพโภชนาการ เด็กและเยาวชน นอกระบบการศึกษาให้มีการพัฒนาทักษะอาชีพและสมทบทุนการศึกษาให้แก่นักเรียนยากจนพิเศษที่เรียนดีและ มีความพิการทางร่างกาย โดยมีจำนวนนักเรียนยากจนพิเศษที่ได้รับการช่วยเหลือรวมทั้งหมด 44,743 คน

          4. กค. พิจารณาแล้วเห็นว่า เนื่องจากการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือ ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่ กสศ. ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 682) .. 2562 ได้สิ้นสุดไปแล้ว เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2563 แต่โดยที่ยังมีความจำเป็นต้องมีมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคให้แก่ กสศ. ต่อไป ดังนั้น เพื่อเป็นการจูงใจให้มี การบริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่ กสศ. อย่างต่อเนื่อง และ กสศ. จะได้นำไปใช้ในการช่วยเหลือผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ให้ได้รับการสนับสนุนทางการศึกษาอันจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาของประชาชน จึงสมควรขยายระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีดังกล่าวออกไปอีก 3 ปี จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2563 เป็นสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2566 ทั้งนี้ สำหรับการบริจาคผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e – Donation) ที่กระทำตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 รวมทั้งกำหนดเพิ่มเติมให้มีการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการโอนทรัพย์สินหรือการขายสินค้า หรือสำหรับการกระทำตราสารอันเนื่องมาจากการบริจาคให้แก่กองทุนดังกล่าว

          5. กสศ. ได้ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ครั้งที่ 1/2563 เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2563 และที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่ กสศ. ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 682) .. 2562 ต่อไปอีก

          6. กค. ได้ดำเนินการตามมาตรา 27 และมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ .. 2561 แล้ว ดังนี้

                  6.1 ประมาณการการสูญเสียรายได้ การกำหนดสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการบริจาคให้แก่ กสศ. มีผลทำให้จัดเก็บภาษีลดลงตลอดระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีประมาณ 24 ล้านบาท อย่างไรก็ดี มาตรการนี้จะมีส่วนช่วยลดภาระการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลในด้านการศึกษาได้อีกทางหนึ่ง

                  6.2 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ ดังนี้ 1) ในด้านการศึกษา การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีข้างต้นจะส่งเสริมให้เกิดการบริจาคเพื่อการศึกษา โดย กสศ. จะสามารถนำเงินบริจาคไปสนับสนุนโรงเรียนที่ยังไม่มีหน่วยงานภาครัฐหรือเอกชนใดจัดสรรงบประมาณหรือเงินทุนให้ ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้เด็กและเยาวชนผู้ขาดแคลนได้รับการสนับสนุนทางการศึกษาจนสำเร็จการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2) ในด้านเศรษฐกิจ การได้รับเงินบริจาคจาก กสศ. จะช่วยส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนผู้ขาดแคลนได้รับการสนับสนุนทางการศึกษาจนสำเร็จการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ซึ่งเป็นรากฐานในการพัฒนาประเทศให้มีคุณภาพ ส่งผลในการสร้างรายได้ให้ประเทศและการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาว และ 3) ในด้านสังคม จะสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือทางสังคมในการส่งเสริมความเท่าเทียมทางการศึกษา และขจัดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา นำไปสู่การพัฒนาบุคลากรเพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน

 

(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 29 มิถุนายน 2564

สำนักโฆษก   สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396

 

A6962

COREHOON

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

FBS728

BITKUB Ad

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!