การแต่งตั้งอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน อ.ก.พ. สามัญ ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Wednesday, 30 June 2021 01:18
- Hits: 892
การแต่งตั้งอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน อ.ก.พ. สามัญ ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอมติคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ในการประชุมครั้งที่ 4/2564 เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 ที่ได้พิจารณาวินิจฉัยปัญหากรณีการแต่งตั้งอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะอนุกรรมการสามัญ (อ.ก.พ. สามัญ) ตามนัยมาตรา 8 (6) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (พระราชบัญญัติฯ) เพื่อให้มีผลใช้บังคับได้ตามกฎหมายต่อไป ซึ่ง ก.พ. มีมติว่า “การที่อนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน อ.ก.พ. สามัญ เป็นพนักงานราชการในหน่วยงานนั้น เป็นกรณีไม่เหมาะสมที่จะปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากพนักงานราชการเป็นผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของหัวหน้าส่วนราชการ ดังนั้นการแต่งตั้งพนักงานราชการในหน่วยงานนั้นเป็นอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน อ.ก.พ. สามัญ จึงเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม ส่วนราชการจึงต้องดำเนินการเพื่อให้การแต่งตั้งอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน อ.ก.พ. สามัญ เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ที่ต้องการให้ผู้ทรงคุณวุฒิเป็นบุคคลภายนอกส่วนราชการ”
สาระสำคัญของเรื่อง
สำนักงาน ก.พ. รายงานว่า
1. ส่วนราชการได้มีคำสั่งแต่งตั้งข้าราชการบำนาญจำนวนสองรายเป็นอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน อ.ก.พ. กรม ต่อมาได้มีคำสั่งจ้างบุคคลทั้งสองรายดังกล่าวเป็นพนักงานราชการพิเศษ กลุ่มงานเชี่ยวชาญพิเศษ ตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ส่วนราชการจึงได้หารือสำนักงาน ก.พ. เกี่ยวกับการแต่งตั้งอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน อ.ก.พ. กรม รวม 3 ประเด็น สรุปได้ ดังนี้
1.1 มาตรา 17 (1) แห่งพระราชบัญญัติฯ บัญญัติให้คณะอนุกรรมการสามัญประจำกรม (อ.ก.พ. กรม) ประกอบด้วย อธิบดีเป็นประธาน รองอธิบดีที่อธิบดีมอบหมายหนึ่งคนเป็นรองประธาน และอนุกรรมการซึ่งประธาน อ.ก.พ. แต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล ด้านการบริหารและ การจัดการ และด้านกฎหมาย ซึ่งมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ในความสามารถมาแล้วและมิได้เป็นข้าราชการในกรมนั้น การนิยามว่า “มิได้เป็นข้าราชการในกรมนั้น” หมายความรวมถึงข้าราชการบำนาญและพนักงานราชการในสังกัดด้วยหรือไม่
1.2 หากบุคคลดังกล่าวเป็นข้าราชการบำนาญและได้รับการจ้างเป็นพนักงานราชการพิเศษในสังกัด บุคคลดังกล่าวทั้งสองรายจะพ้นจากตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิใน อ.ก.พ. กรม หรือไม่
1.3 บุคคลดังกล่าวทั้งสองรายมีสิทธิรับเบี้ยประชุมกรรมการในแต่ละครั้งที่มีการประชุมหรือไม่
2. อ.ก.พ. วิสามัญที่เกี่ยวข้อง จำนวน 2 คณะ (ได้แก่ อ.ก.พ. วิสามัญเกี่ยวกับการพัฒนาระบบบริหารทรัพยากรบุคคล ในการประชุมครั้งที่ 4/2563 เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2563 และ อ.ก.พ. วิสามัญเกี่ยวกับกฎหมายและระเบียบในการประชุมครั้งที่ 1/2564 เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2564) ได้ประชุมพิจารณาแล้วมีความเห็นและมติที่สอดคล้องกันว่า การที่พนักงานราชการของส่วนราชการเป็นอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน อ.ก.พ. กรม ไม่ขัดต่อกฎหมาย พนักงานราชการทั้งสองรายจึงเป็นผู้มีคุณสมบัติที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน อ.ก.พ. กรม และรับเบี้ยประชุมได้ แต่เมื่อพิจารณาตามเจตนารมณ์ของกฎหมายที่ต้องการให้ผู้ทรงคุณวุฒิเป็นบุคคลภายนอก เพื่อให้เกิดความเป็นกลางและถ่วงดุลอำนาจกับอนุกรรมการที่เป็นบุคคลภายในส่วนราชการ การแต่งตั้งพนักงานราชการในหน่วยงานนั้นเป็นอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน อ.ก.พ. กรม จึงเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมและไม่สอดคล้องตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติฯ ประกอบกับโดยที่เรื่องนี้มีความสำคัญและอาจเกิดขึ้นในส่วนราชการอื่น รวมทั้งกรณีการแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิใน อ.ก.พ. สามัญอื่น ได้แก่ อ.ก.พ. กระทรวง และ อ.ก.พ. จังหวัด ซึ่งอาจมีข้อโต้แย้งตามตัวอักษรของข้อกฎหมาย จึงเห็นควรให้สำนักงาน ก.พ. นำประเด็นนี้ไปพิจารณาแก้ไขพระราชบัญญัติฯ ให้ชัดเจนตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย โดยในระหว่างที่แก้ไขกฎหมายให้นำกรณีวินิจฉัยปัญหานี้เสนอ ก.พ. และคณะรัฐมนตรี เพื่อกำหนดแนวทางปฏิบัติและแจ้งให้ส่วนราชการถือปฏิบัติต่อไป
3. ก.พ. ในการประชุมครั้งที่ 4/2564 เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 ได้พิจารณาแล้วมีมติเห็นชอบตามมติ อ.ก.พ. วิสามัญดังกล่าว (ตามข้อ2)
4. สำนักงาน ก.พ. แจ้งข้อมูลเพิ่มเติมว่า โดยที่มาตรา 15 มาตรา 17 และมาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติฯ บัญญัติให้การแต่งตั้งอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน อ.ก.พ. กระทรวง อ.ก.พ. กรม และ อ.ก.พ. จังหวัด ต้องไม่เป็นข้าราชการในกระทรวง กรม และจังหวัดนั้น ดังนั้น แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการแต่งตั้งอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน อ.ก.พ. สามัญ ตามมติ ก.พ. ดังกล่าว จึงหมายความรวมถึง อ.ก.พ. กระทรวง อ.ก.พ. กรม และ อ.ก.พ. จังหวัดด้วย
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 29 มิถุนายน 2564
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396
A6951
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ