สรุปสถานการณ์สาธารณภัย และการช่วยเหลือ
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Wednesday, 30 June 2021 00:08
- Hits: 8685
สรุปสถานการณ์สาธารณภัย และการช่วยเหลือ
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปสถานการณ์สาธารณภัย และการช่วยเหลือ ระหว่างวันที่ 22-28 มิถุนายน 2564 ตามที่กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) เสนอ ดังนี้
สรุปสถานการณ์สาธารณภัย และการช่วยเหลือ ระหว่างวันที่ 22 - 28 มิถุนายน 2564
การคาดหมายลักษณะอากาศ การสั่งการเพื่อเตรียมความพร้อม และการช่วยเหลือ
1. สภาพอากาศ (ระหว่างวันที่ 28 มิถุนายน - 4 กรกฎาคม 2564)
ในช่วงวันที่ 29 มิถุนายน - 4 กรกฎาคม 2564 หย่อมความกดอากาศต่ำยังคงปกคลุมบริเวณประเทศลาวและเวียดนามตอนบน ทำให้ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังอ่อน ทำให้ทำให้บริเวณภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนลดลง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1 - 2 เมตร ตลอดช่วง
2. การแจ้งเตือนและสั่งการเพื่อเตรียมความพร้อม
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จัดเจ้าหน้าที่อยู่เวรเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ไว้พร้อม เพื่อสามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ทันเหตุการณ์
3. ข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย / ผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ได้มีข้อสั่งการเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 สั่งการให้กองอํานวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์อุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2564 ดังนี้
1) การเตรียมความพร้อม
1.1 การเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อุทกภัย ให้จัดตั้งคณะทํางานติดตามสถานการณ์โดยมี หน่วยงานด้านการพยากรณ์หน่วยงานด้านการบริหารจัดการน้ำ ฝ่ายปกครองในพื้นที่ ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญจากภาคประชาสังคมหรือสถาบันการศึกษาที่มีศักยภาพ เพื่อร่วมทําหน้าที่ติดตามข้อมูลสภาพอากาศ สถานการณ์น้ำและเหตุการณ์ที่อาจส่งผลให้เกิดสาธารณภัยในช่วงฤดูฝน รวมทั้งวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์น้ำในพื้นที่ เพื่อใช้เป็นข้อมูลสนับสนุนการตัดสินใจของผู้อํานวยการแต่ละระดับ สำหรับใช้ในการสื่อสารแจ้งเตือนประชาชน ตลอดจนการเตรียมความพร้อมในการเผชิญเหตุได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ และสภาพพื้นที่
1.2 การจัดทําแผนเผชิญเหตุอุทกภัย ให้ทบทวนและปรับปรุงแผนเผชิญเหตุอุทกภัยของจังหวัดให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
1.3 การระบายน้ำและการเพิ่มพื้นที่รองรับน้ำ ให้มอบหมายกองอํานวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในแต่ละระดับดําเนินการอย่างเป็นระบบ มีความเชื่อมโยงกันโดยเฉพาะตามรอยต่อเขตรับผิดชอบ ที่เป็นเส้นทางน้ำไหลผ่าน
1.4 การตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงสถานที่ใช้กักเก็บน้ำ / กั้นน้ำ อาทิ อ่างเก็บน้ำ พนังกั้นน้ำให้มอบหมายหน่วยงานรับผิดชอบจัดทีมวิศวกรเข้าสํารวจตรวจสอบ และปรับปรุงให้เกิดความมั่นคงแข็งแรง เพื่อให้สามารถรองรับกรณีฝนตกหนัก หรือน้ำไหลเข้า / ผ่านในปริมาณมาก รวมทั้งสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในพื้นที่
1.5 การแจ้งเตือนภัย เมื่อมีแนวโน้มการเกิดสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินถล่มขึ้นในพื้นที่ให้ดําเนินการแจ้งเตือนไปยังกองอํานวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในแต่ละระดับ ตลอดจนหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมบุคลากร วัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลสาธารณภัยให้พร้อมเผชิญเหตุ และเตรียมการในพื้นที่เสี่ยงภัยเสี่ยงภัยเป็นการล่วงหน้า รวมทั้งแจ้งเตือนให้ประชาชนทราบในทุกช่องทางทั้งในรูปแบบที่เป็นทางการ และไม่เป็นทางการ อาทิ สื่อสังคมออนไลน์ วิทยุชุมชน หอกระจายข่าวประจําหมู่บ้าน เพื่อให้ประชาชนรับทราบข้อมูล ข่าวสาร ตลอดจนแนวทางการปฏิบัติตนให้เกิดความปลอดภัย ช่องทางการแจ้งข้อมูล และการขอรับความช่วยเหลือจากภาครัฐ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และในกรณีจังหวัดที่มีเส้นทางน้ำเชื่อมต่อกันให้มีการประเมินสถานการณ์ร่วมกัน และแจ้งเตือนระหว่างจังหวัดต้นน้ำและจังหวัดปลายน้ำอย่างใกล้ชิด
2) การเผชิญเหตุ
เมื่อเกิดหรือคาดว่าจะเกิดสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินถล่มในพื้นที่ ให้ยึดแนวทางการจัดการสาธารณภัยในภาวะฉุกเฉิน ตามแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2558 และกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยดําเนินการตามแนวทาง ดังนี้
2.1 จัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ระดับจังหวัด อําเภอ และศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินในระดับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อเป็นศูนย์ควบคุม สั่งการ และอํานวยการหลักในการระดมสรรรพกําลัง ตลอดจนการประสานการปฏิบัติระหว่างหน่วยงานต่างๆ ทั้งฝ่ายพลเรือน หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และองค์กรสาธารณกุศล
2.2 ให้มอบหมายฝ่ายปกครอง กํานัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นําชุมชน ตลอดจนอาสาสมัคร ประชาชนจิตอาสา เตรียมความพร้อมเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงในชุมชน พื้นที่สําคัญทางเศรษฐกิจ สถานที่สําคัญต่างๆ และร่วมกันกําจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำเมื่อเกิดฝนตกหนักในพื้นที่ ทั้งนี้ หากมีกรณีน้ำท่วมขัง สร้างความเดือดร้อน ความเสียหายต่อทรัพย์สินของประชาชนให้เร่งกําหนดแนวทางการระบายน้ำ พร้อมทั้งสั่งใช้เครื่องจักรกลในพื้นที่ของหน่วยงาน ฝ่ายพลเรือน หน่วยทหาร และภาคเอกชน เพื่อเร่งระบายน้ำ และเปิดทางน้ำในพื้นที่
2.3 จัดชุดปฏิบัติการเร่งให้ความช่วยเหลือด้านการดํารงชีพแก่ประชาชนที่ประสบภัยตามวงรอบอย่างต่อเนื่อง อาทิ การจัดตั้งโรงครัวพระราชทาน ความช่วยเหลือด้านอาหาร น้ำดื่ม การรักษาพยาบาล โดยอย่าให้เกิดความซ้ำซ้อนในการปฏิบัติ และเชิญชวนประชาชนจิตอาสามีส่วนร่วมกับภาครัฐในการให้ความช่วยเหลือประชาชน ที่ประสบภัย
2.4 กรณีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย ให้บูรณาการหน่วยงานเป็นทีมช่างในพื้นที่ทั้งหน่วยทหาร ตํารวจ ฝ่ายปกครอง สถาบันการศึกษา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนประชาชนจิตอาสา เพื่อเร่งซ่อมแซมบ้านเรือนประชาชนโดยเร็ว
2.5 กรณีเส้นทางคมนาคมได้รับความเสียหาย หรือถูกน้ำท่วมจนประชาชนไม่สามารถใช้ยานพาหนะสัญจรได้ให้จัดทําป้ายแจ้งเตือนพร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่อํานวยความสะดวกการจราจร แนะนําเส้นทางเลี่ยงที่ปลอดภัย
รวมทั้งจัดยานพาหนะที่เหมาะสม อาทิ เรือ รถยกสูง เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชน และให้เร่งซ่อมแซมเส้นทางที่ชํารุด / ถูกตัดขาด เพื่อให้ประชาชนใช้สัญจรได้โดยเร็ว
2.6 เน้นย้ำการสื่อสารสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนในช่วงเกิดสถานการณ์อุทกภัย ผ่านสื่อมวลชน ตลอดจนสื่อแขนงต่างๆ และสื่อสังคมออนไลน์เพื่อให้เกิดความเข้าใจถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง
2.7 ให้รายงานสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่มที่เกิดขึ้นต่อกองอํานวยการ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลางอย่างต่อเนื่อง เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการประเมินสถานการณ์และเสนอ ความเห็นต่อผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติในการตัดสินใจสั่งการในเชิงนโยบายต่อไป
สรุปสถานการณ์วาตภัย ข้อมูล ณ วันที่ 22 - 28 มิถุนายน 2564
1. จังหวัดนครราชสีมา วันที่ 27 มิถุนายน 2564 เวลา 18.00 น. เกิดเหตุวาตภัยในพื้นที่อำเภอพระทองคำ ตำบลพังเทียม (หมู่ที่ 1) ทำให้บ้านเรือนได้รับความเสียหาย 1 หลัง คอกสัตว์ 1 หลัง ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
2. จังหวัดหนองบัวลําภู วันที่ 23 มิถุนายน 2564 เวลา 16.30 น. เกิดเหตุวาตภัยในพื้นที่อำเภอ เมืองหนองบัวลำภู ตำบลโพธิ์ชัย (หมู่ที่ 3) ตำบลนาคําไฮ (หมู่ที่ 3) ทำให้บ้านเรือนได้รับความเสียหาย 11 หลัง ไม่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต
และวันที่ 27 มิถุนายน 2564 เวลา 13.30 น. เกิดเหตุวาตภัยในพื้นที่อำเภอศรีบุญเรือง ตำบลหนองแก (หมู่ที่ 3,4,9) ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
3. จังหวัดนครราชสีมา วันที่ 26 มิถุนายน 2564 เวลา 18.00 น. เกิดเหตุวาตภัยในพื้นที่อำเภอคง ตำบลคง (หมู่ที่ 7) ทำให้บ้านเรือนได้รับความเสียหาย 3 หลัง ไม่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต
4. จังหวัดนครศรีธรรมราช วันที่ 23 มิถุนายน 2564 เวลา 14.30 น. เกิดเหตุวาตภัยในพื้นที่ อำเภอนบพิตํา ตำบลนาเหรง (หมู่ที่ 7,9) ทำให้บ้านเรือนได้รับความเสียหาย 2 หลัง ไม่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต
5. จังหวัดสุรินทร์ วันที่ 23 มิถุนายน 2564 เวลา 18.30 น. เกิดเหตุวาตภัยในพื้นที่อำเภอลําดวน ตำบลอู่โลก (หมู่ที่ 7) ทำให้บ้านเรือนได้รับความเสียหาย 1 หลัง ไม่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต
6. จังหวัดร้อยเอ็ด วันที่ 23 มิถุนายน 2564 เวลา 21.00 น. เกิดเหตุวาตภัยในพื้นที่อำเภอธวัชบุรี ตำบลเมืองน้อย (หมู่ที่ 6) ตำบลเขวาทุ่ง (หมู่ที่ 5,6,9) ตำบลไพศาล (หมู่ที่ 1) ทำให้บ้านเรือนได้รับความเสียหาย 9 หลัง ไม่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต
การให้ความช่วยเหลือ : สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด อําเภอ หน่วยทหาร ในพื้นที่ อปท. อปพร. อาสาสมัคร และมูลนิธิ เข้าสํารวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว
สรุปสถานการณ์แผ่นดินไหว ระหว่างวันที่ 22 - 28 มิถุนายน 2564
กรมป้องกันและบรเทาสาธารณภัย ได้รับรายงานข้อมูลเหตุแผ่นดินไหว จากกรมอุตุนิยมวิทยา และศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ได้เกิดแผ่นดินไหว ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย ดังนี้
1. วันที่ 28 มิถุนายน 2564 เวลา 04.03 น. เกิดแผ่นดินไหวบนบกขนาด 3.5 ที่ความลึก 55 กม. บริเวณประเทศเมียนมา ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประมาณ 378 กม. ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย
2. วันที่ 27 มิถุนายน 2564 เวลา 08.41 น. เกิดแผ่นดินไหวบนบกขนาด 3.4 ที่ความลึก 10 กม. บริเวณมณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ประมาณ 279 กม. ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย
3. วันที่ 26 มิถุนายน 2564 เวลา 04.44 น. เกิดแผ่นดินไหวขนาด 2.2 ที่ความลึก 2 กม. บริเวณประเทศเมียนมา ห่างจากอำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประมาณ 36 กม. ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย
สรุปสถานการณ์อุบัติภัย และเหตุการณ์สำคัญ ระหว่างวันที่ 22 - 28 มิถุนายน 2564
1. จังหวัดนครราชสีมา วันที่ 27 มิถุนายน 2564 เวลา 13.00 น. เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชนภายในซอยไชยณรงค์ 3 ถนนเบญจรงค์ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา ลักษณะเป็นบ้านเก่าครึ่งปูนครึ่งไม้ 2 ชั้น ปลูกติดกันหลายหลัง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าทำการดับเพลิงจนเพลิงสงบ เวลา 15.00 น. เพลิงลุกไหม้ได้รับความเสียหาย 8 หลัง ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
2. จังหวัดอุตรดิตถ์ วันที่ 25 มิถุนายน 2564 เวลา 00.11 น. เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชนในพื้นที่หมู่ที่ 1 ตำบลฝ่ายหลวง อำเภอลับแล เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าทำการดับเพลิงจนเพลิงสงบ เวลา 02.00 น. เพลิงลุกไหม้ได้รับความเสียหายทั้งหลัง 2 หลัง และเสียหายบางส่วน 2 หลัง) ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
3. จังหวัดอุดรธานี วันที่ 22 มิถุนายน 2564 เวลา 15.00 น. เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชนในพื้นที่บ้านเชียงพิณ หมู่ที่ 1 ตำบลเชียงพิณ อำเภอเมืองอุดรธานี เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าทำการดับเพลิงจนเพลิงสงบ เวลา 16.10 น. เพลิงลุกไหม้ได้รับความเสียหายทั้งหลัง 1 หลัง และเสียหายบางส่วน 3 หลัง ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
4. จังหวัดชลบุรี วันที่ 22 มิถุนายน 2564 เวลา 16.55 น. เกิดเหตุเพลิงไหม้บริษัท ซีเท็กซ์อินดัสตรีคอร์ปอเรชั่น จํากัด ตั้งอยู่เลขที่ 69 หมู่ที่ 2 ตำบลพานทอง อำเภอพานทอง ประกอบกิจการผลิตแผ่นโฟมและภาชนะพลาสติก เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้าทำการดับเพลิงจนเพลิงสงบ เวลา 17.20 น. เพลิงลุกไหม้วัสดุและอุปกรณ์เสียหาย ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 29 มิถุนายน 2564
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396
A6864
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ