สรุปสถานการณ์สาธารณภัย และการช่วยเหลือ
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Tuesday, 22 June 2021 23:22
- Hits: 2442
สรุปสถานการณ์สาธารณภัย และการช่วยเหลือ
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปสถานการณ์สาธารณภัย และการช่วยเหลือ ระหว่างวันที่ 15 – 21 มิถุนายน 2564 ตามที่กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) เสนอ ดังนี้
สรุปสถานการณ์สาธารณภัย และการช่วยเหลือ ระหว่างวันที่ 15 - 21 มิถุนายน 2564
การคาดหมายลักษณะอากาศ การสั่งการเพื่อเตรียมความพร้อม และการช่วยเหลือ
1. สภาพอากาศ (ระหว่างวันที่ 21 - 27 มิถุนายน 2564)
ในช่วงวันที่ 21 - 25 มิถุนายน 2564 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนตกหนักบางแห่ง ทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ในช่วงวันที่ 26 - 27 มิถุนายน 2564 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง ทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 26 - 27 มิถุนายน 2564 ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามัน ควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
2. การแจ้งเตือนและสั่งการเพื่อเตรียมความพร้อม
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จัดเจ้าหน้าที่อยู่เวรเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ไว้พร้อม เพื่อสามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ทันเหตุการณ์
3. ข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย / ผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทา สาธารณภัยแห่งชาติ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ได้มีข้อสั่งการเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 สั่งการให้กองอํานวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์อุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2564 ดังนี้
1) การเตรียมความพร้อม
1.1 การเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อุทกภัย ให้จัดตั้งคณะทํางานติดตามสถานการณ์โดยมี หน่วยงานด้านการพยากรณ์หน่วยงานด้านการบริหารจัดการน้ำ ฝ่ายปกครองในพื้นที่ ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญจากภาคประชาสังคมหรือสถาบันการศึกษาที่มีศักยภาพ เพื่อร่วมทําหน้าที่ติดตามข้อมูลสภาพอากาศ สถานการณ์น้ำและเหตุการณ์ที่อาจส่งผลให้เกิดสาธารณภัยในช่วงฤดูฝน รวมทั้งวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์น้ำในพื้นที่ เพื่อใช้เป็นข้อมูลสนับสนุนการตัดสินใจของผู้อํานวยการแต่ละระดับ สำหรับใช้ในการสื่อสารแจ้งเตือนประชาชน ตลอดจนการเตรียมความพร้อมในการเผชิญเหตุได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ และสภาพพื้นที่
1.2 การจัดทําแผนเผชิญเหตุอุทกภัย ให้ทบทวนและปรับปรุงแผนเผชิญเหตุอุทกภัยของจังหวัด ให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
1.3 การระบายน้ำและการเพิ่มพื้นที่รองรับน้ำ ให้มอบหมายกองอํานวยการป้องกันและบรรเทา สาธารณภัยในแต่ละระดับดําเนินการอย่างเป็นระบบ มีความเชื่อมโยงกันโดยเฉพาะตามรอยต่อเขตรับผิดชอบที่เป็นเส้นทางน้ำไหลผ่าน
1.4 การตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงสถานที่ใช้กักเก็บน้ำ / กั้นน้ำ อาทิ อ่างเก็บน้ำ พนังกั้นน้ำ ให้มอบหมายหน่วยงานรับผิดชอบจัดทีมวิศวกรเข้าสํารวจตรวจสอบ และปรับปรุงให้เกิดความมั่นคงแข็งแรง เพื่อให้สามารถรองรับกรณีฝนตกหนัก หรือน้ำไหลเข้า / ผ่านในปริมาณมาก รวมทั้งสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในพื้นที่
1.5 การแจ้งเตือนภัย เมื่อมีแนวโน้มการเกิดสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินถล่มขึ้นในพื้นที่ ให้ดําเนินการแจ้งเตือนไปยังกองอํานวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในแต่ละระดับ ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมบุคลากร วัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลสาธารณภัยให้พร้อมเผชิญเหตุ และเตรียมการในพื้นที่เสี่ยงภัยเป็นการล่วงหน้า รวมทั้งแจ้งเตือนให้ประชาชนทราบในทุกช่องทางทั้งในรูปแบบที่เป็นทางการ และไม่เป็นทางการ อาทิ สื่อสังคมออนไลน์ วิทยุชุมชน หอกระจายข่าวประจําหมู่บ้าน เพื่อให้ประชาชนรับทราบข้อมูล ข่าวสาร ตลอดจนแนวทางการปฏิบัติตนให้เกิดความปลอดภัย ช่องทางการแจ้งข้อมูล และการขอรับความช่วยเหลือจากภาครัฐ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และในกรณีจังหวัดที่มีเส้นทางน้ำเชื่อมต่อกันให้มีการประเมินสถานการณ์ร่วมกัน และแจ้งเตือนระหว่างจังหวัดต้นน้ำและจังหวัดปลายน้ำอย่างใกล้ชิด
2) การเผชิญเหตุ
เมื่อเกิดหรือคาดว่าจะเกิดสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินถล่มในพื้นที่ ให้ยึดแนวทางการจัดการสาธารณภัยในภาวะฉุกเฉิน ตามแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2558 และกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยดําเนินการตามแนวทาง ดังนี้
2.1 จัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ระดับจังหวัด อําเภอ และศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินในระดับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อเป็นศูนย์ควบคุม สั่งการ และอํานวยการหลักในการระดมสรรรพกําลัง ตลอดจน การประสานการปฏิบัติระหว่างหน่วยงานต่างๆ ทั้งฝ่ายพลเรือน หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และองค์กร สาธารณกุศล
2.2 ให้มอบหมายฝ่ายปกครอง กํานัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นําชุมชน ตลอดจนอาสาสมัคร ประชาชนจิตอาสา เตรียมความพร้อมเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงในชุมชน พื้นที่สําคัญทางเศรษฐกิจ สถานที่สําคัญต่างๆ และร่วมกันกําจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำเมื่อเกิดฝนตกหนักในพื้นที่ ทั้งนี้ หากมีกรณีน้ำท่วมขัง สร้างความเดือดร้อน ความเสียหายต่อทรัพย์สินของประชาชนให้เร่งกําหนดแนวทางการระบายน้ำ พร้อมทั้งสั่งใช้เครื่องจักรกลในพื้นที่ของหน่วยงาน ฝ่ายพลเรือน หน่วยทหาร และภาคเอกชน เพื่อเร่งระบายน้ำ และเปิดทางน้ำในพื้นที่
2.3 จัดชุดปฏิบัติการเร่งให้ความช่วยเหลือด้านการดํารงชีพแก่ประชาชนที่ประสบภัยตามวงรอบ อย่างต่อเนื่อง อาทิ การจัดตั้งโรงครัวพระราชทาน ความช่วยเหลือด้านอาหาร น้ำดื่ม การรักษาพยาบาล โดยอย่าให้เกิด ความซ้ำซ้อนในการปฏิบัติ และเชิญชวนประชาชนจิตอาสามีส่วนร่วมกับภาครัฐในการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัย
2.4 กรณีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย ให้บูรณาการหน่วยงานเป็นทีมช่างในพื้นที่ ทั้งหน่วยทหาร ตํารวจ ฝ่ายปกครอง สถาบันการศึกษา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนประชาชนจิตอาสา เพื่อเร่งซ่อมแซมบ้านเรือนประชาชนโดยเร็ว
2.5 กรณีเส้นทางคมนาคมได้รับความเสียหาย หรือถูกน้ำท่วมจนประชาชนไม่สามารถใช้ยานพาหนะ สัญจรได้ให้จัดทําป้ายแจ้งเตือนพร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่อํานวยความสะดวกการจราจร แนะนําเส้นทางเลี่ยงที่ปลอดภัย รวมทั้งจัดยานพาหนะที่เหมาะสม อาทิ เรือ รถยกสูง เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชน และให้เร่งซ่อมแซมเส้นทางที่ชํารุด / ถูกตัดขาด เพื่อให้ประชาชนใช้สัญจรได้โดยเร็ว
2.6 เน้นย้ำการสื่อสารสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนในช่วงเกิดสถานการณ์อุทกภัย ผ่านสื่อมวลชน ตลอดจนสื่อแขนงต่างๆ และสื่อสังคมออนไลน์เพื่อให้เกิดความเข้าใจถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง
2.7 ให้รายงานสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่มที่เกิดขึ้นต่อกองอํานวยการ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลางอย่างต่อเนื่อง เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการประเมินสถานการณ์และเสนอ ความเห็นต่อผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติในการตัดสินใจสั่งการในเชิงนโยบายต่อไป
สรุปสถานการณ์วาตภัย ข้อมูล ณ วันที่ 15-21 มิถุนายน 2564
1.1 จังหวัดสมุทรปราการ วันที่ 20 มิถุนายน 2564 เวลา 20.00 น. เกิดวาตภัยในพื้นที่อำเภอ พระสมุทรเจดีย์ รวม 1 อำเภอ 1 ตำบล 5 หมู่บ้าน ได้แก่ ตำบลนาเกลือ บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 60 หลัง ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
1.2 จากสถานการณ์พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน กําลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อน ทางเหนือเล็กน้อยมีแนวโน้มจะทวีกําลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อนเคลื่อนตัวเข้าสู่อ่าวตังเกี๋ย และขึ้นฝั่งบริเวณสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามตอนบน ประกอบกับร่องมรสุมยังคงพาดผ่านบริเวณภาคเหนือตอนบน และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวตอนบน ทําให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ลมกระโชกแรง น้ำไหลหลาก และดินสไลด์ ในห้วงวันที่ 12 - 16 มิถุนายน 2564 มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน พิษณุโลก อุทัยธานี และจังหวัดระนอง รวม 18 อำเภอ 31 ตำบล 83 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 1,612 หลัง โรงเรียน 2 แห่ง ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้วทุกจังหวัด อยู่ระหว่างการฟื้นฟู
สรุปสถานการณ์แผ่นดินไหวระหว่างวันที่ 15 - 21 มิถุนายน 2564
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้รับรายงานข้อมูลเหตุแผ่นดินไหว จากกรมอุตุนิยมวิทยา และศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ได้เกิดแผ่นดินไหว ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย ดังนี้
1. วันที่ 20 มิถุนายน 2564 เวลา 10.30 น. เกิดแผ่นดินไหวบนบก ขนาด 4.6 ที่ความลึก 10 กิโลเมตร บริเวณมณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ประมาณ 295 กิโลเมตร ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย
2. วันที่ 18 มิถุนายน 2564 เวลา 06.30 น. เกิดแผ่นดินไหวบนบก ขนาด 3.5 ที่ความลึก 1 กิโลเมตร บริเวณอำเภอวังเหนือ จังหวัดลําปาง มีรายงานความรู้สึกสั่นไหวในพื้นที่ตำบลทุ่งฮั้ว และพื้นที่ใกล้เคียง ไม่มีรายงานความเสียหาย
สรุปสถานการณ์อุบัติภัย และเหตุการณ์สำคัญระหว่างวันที่ 15 - 21 มิถุนายน 2564
1. จังหวัดอุทัยธานี วันที่ 20 มิถุนายน 2564 เวลา 03.00 น. เกิดอุบัติเหตุทางถนน ในพื้นที่หมู่ที่ 3 ตำบลหนองขาหย่าง อำเภอหนองขาหย่าง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน เจ้าหน้าที่กู้ชีพ - กู้ภัย เข้าให้การช่วยเหลือนําผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลหนองขาหย่าง
2. จังหวัดสมุทรปราการ วันที่ 19 มิถุนายน 2564 เวลา 15.00 น. เกิดอุบัติเหตุทางถนน บริเวณสะพานข้ามคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต ในพื้นที่ตำบลเปร็ง อำเภอบางบ่อ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 คน เจ้าหน้าที่กู้ชีพ - กู้ภัย เข้าให้การช่วยเหลือนําผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 8
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 22 มิถุนายน 2564
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396
A6724
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ