ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดอัตราการจ่ายเงินสมทบของบุคคลซึ่งสมัครเป็นผู้ประกันตนในกรณีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสมทบที่รัฐบาลจ่ายเข้ากองทุนประกันสังคมสำหรับบุคคลซึ่งสมัครเข้าเป็นผู้ประกันตน ในกรณีการระบาดของโ
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Wednesday, 16 June 2021 03:06
- Hits: 4789
ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดอัตราการจ่ายเงินสมทบของบุคคลซึ่งสมัครเป็นผู้ประกันตนในกรณีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสมทบที่รัฐบาลจ่ายเข้ากองทุนประกันสังคมสำหรับบุคคลซึ่งสมัครเข้าเป็นผู้ประกันตน ในกรณีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการ
1. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดอัตราการจ่ายเงินสมทบของบุคคลซึ่งสมัครเป็นผู้ประกันตน ในกรณีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. ....
2. ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสมทบที่รัฐบาลจ่ายเข้ากองทุนประกันสังคมสำหรับบุคคลซึ่งสมัครเข้าเป็นผู้ประกันตน ในกรณีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. ....
รวม 2 ฉบับ ตามที่กระทรวงแรงงาน (รง.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้นำร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาพร้อมกับร่างพระราชกฤษฎีกาในคราวเดียวกัน
รง. เสนอว่า
1. เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งมีการระบาดในประเทศไทยอย่างรวดเร็วและส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ รัฐบาลจึงสมควรเร่งให้ความช่วยเหลือแก่แรงงานนอกระบบ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบเศรษฐกิจ โดยการลดอัตราเงินสมทบในส่วนของผู้ประกันตนตามมาตรา 40 แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2558 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกันตนที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
2. ในคราวประชุมคณะกรรมการประกันสังคมและที่ปรึกษา (ชุดที่ 13) ครั้งที่ 3/2564 เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบแนวทางการเยียวยาและการฟื้นฟูแรงงานนอกระบบจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ให้กับผู้ประกันตนตามมาตรา 40 แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคมฯ ดังนี้
2.1 เห็นชอบการลดเงินสมทบของผู้ประกันตนตามมาตรา 40 แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคมฯ เหลือร้อยละ 60 ของเงินสมทบเดิม เป็นระยะเวลา 6 เดือน ดังนี้
ประเภทการส่งเงินสมทบ |
อัตราเงินสมทบเดิม |
อัตราเงินสมทบใหม่ |
• ทางเลือกที่ 1 ได้ประโยชน์ทดแทน 3 กรณี |
70 บาทต่อเดือน |
42 บาทต่อเดือน |
• ทางเลือกที่ 2 ได้ประโยชน์ทดแทน 4 กรณี |
100 บาทต่อเดือน |
60 บาทต่อเดือน |
• ทางเลือกที่ 3 ได้ประโยชน์ทดแทน 5 กรณี |
300 บาทต่อเดือน |
180 บาทต่อเดือน |
2.2 สำหรับเงินสมทบที่รัฐบาลชำระเข้ากองทุนประกันสังคมให้ดำเนินการปรับลดให้สอดคล้องกับมาตรา 40 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2558 ที่บัญญัติให้รัฐบาลจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมตามอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวงแต่ไม่เกินกึ่งหนึ่งของเงินสมทบที่ได้รับจากผู้ประกันตน
3. โดยที่มาตรา 40 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคมฯ บัญญัติให้หลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินสมทบของผู้ประกันตน ประเภทของประโยชน์ทดแทน ที่จะได้รับ ตลอดจนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแห่งสิทธิในการรับประโยชน์ทดแทน ให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา และมาตรา 40 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวบัญญัติให้รัฐบาลจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมตามอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวง แต่ไม่เกินกึ่งหนึ่งของเงินสมทบที่ได้รับจากผู้ประกันตน
รง. จึงได้ยกร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดอัตราการจ่ายเงินสมทบของบุคคลซึ่งสมัครเป็นผู้ประกันตน ในกรณีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. .... เพื่อลดอัตราการจ่ายเงินสมทบที่ผู้ประกันตน ซึ่งเป็นแรงงานนอกระบบต้องจ่ายเข้ากองทุนประกันสังคม โดยลดอัตราเงินสมทบลงเหลือร้อยละ 60 ของเงินสมทบเดิมเป็นระยะเวลา 6 เดือน และยกร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสมทบที่รัฐบาลจ่ายเข้ากองทุนประกันสังคมสำหรับบุคคลซึ่งสมัครเข้าเป็นผู้ประกันตน ในกรณีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. .... เพื่อลดอัตราการจ่ายเงินสมทบที่รัฐบาลต้องจ่ายเข้ากองทุนประกันสังคมและสอดคล้องกับการลดอัตราเงินสมทบฯ ตามร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวเป็นระยะเวลา 6 เดือน ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับมติของคณะกรรมการประกันสังคมและที่ปรึกษา (ชุดที่ 13) ตามข้อ 2 และมาตรา 40 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว
4. รง. ได้เสนอรายละเอียดข้อมูลที่หน่วยงานของรัฐต้องเสนอพร้อมกับการขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรีตามมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 มาด้วยแล้ว ดังนี้
4.1 ภายหลังปรับลดอัตราการจ่ายเงินสมทบเป็นระยะเวลา 6 เดือน คาดว่าจะมีเงินสมทบลดลง 567 ล้านบาท โดยลดจากจำนวนเดิม 1,417.5 ล้านบาท เหลือจำนวน 850.5 ล้านบาท โดยการลดลงของเงินสมทบจะไม่ส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการเงินสมทบเพื่อการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพ เนื่องจากสำนักงานประกันสังคมจัดสรรเงินสมทบเข้ากองทุนเพื่อการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพตามอัตราปกติสำหรับการบริหารจัดการเงินสมทบเพื่อการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีอื่นจะได้รับผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งสำนักงานประกันสังคมสามารถบริหารจัดการด้วยการนำเงินลงทุนที่มีสภาพคล่องมาจ่ายได้ โดยไม่ส่งผลกระทบในระยะยาว
4.2 การปรับลดอัตราการจ่ายเงินสมทบเป็นระยะเวลา 6 เดือน จะส่งผลให้ผู้ประกันตนนำส่งเงินสมทบลดลง 378 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกันตนจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในระหว่างการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และช่วยให้ผู้ประกันตนมีกำลังซื้อมากขึ้น และส่งผลให้รัฐบาลนำส่งเงินสมทบลดลง 189 ล้านบาท รวมทั้งจะช่วยให้แรงงานนอกระบบมีแนวโน้มที่จะเลือกส่งเงินสมทบตามมาตรา 40 แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคมฯ ซึ่งเป็นแบบสมัครใจเป็นจำนวนเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาที่มีการลดอัตราการจ่ายเงินสมทบดังกล่าว
สาระสำคัญของร่างกฎหมาย
1. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดอัตราการจ่ายเงินสมทบของบุคคลซึ่งสมัครเป็นผู้ประกันตน ในกรณีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. .... มีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้
1.1 กำหนดให้ลดอัตราการจ่ายเงินสมทบที่ผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ที่ต้องจ่ายเข้ากองทุนประกันสังคมตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2558 ดังนี้
ประเภทการส่งเงินสมทบ |
อัตราเงินสมทบเดิม |
อัตราเงินสมทบใหม่ |
• ทางเลือกที่ 1 ได้ประโยชน์ทดแทน 3 กรณี ได้แก่ 1. กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย 2. กรณีทุพพลภาพ 3. กรณีตาย |
70 บาทต่อเดือน |
42 บาทต่อเดือน |
• ทางเลือกที่ 2 ได้ประโยชน์ทดแทน 4 กรณี ได้แก่ 1. กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย 2. กรณีทุพพลภาพ 3. กรณีตาย 4. กรณีชราภาพ |
100 บาทต่อเดือน |
60 บาทต่อเดือน |
• ทางเลือกที่ 3 ได้ประโยชน์ทดแทน 5 กรณี wfhcdj 1. กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย 2. กรณีทุพพลภาพ 3. กรณีตาย 4. กรณีชราภาพ 5. กรณีสงเคราะห์บุตร |
300 บาทต่อเดือน |
180 บาทต่อเดือน |
1.2 กำหนดให้ใช้อัตราเงินสมทบตามข้อ 1.1 ตั้งแต่วันที่ 1 ของเดือนถัดไปจากเดือนที่ พระราชกฤษฎีกานี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา และให้มีผลใช้บังคับเป็นระยะเวลา 6 เดือน
2. ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสมทบที่รัฐบาลจ่ายเข้ากองทุนประกันสังคมสำหรับบุคคลซึ่งสมัครเข้าเป็นผู้ประกันตน ในกรณีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. .... มีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้
2.1 กำหนดให้ลดอัตราการจ่ายเงินสมทบที่รัฐบาลต้องจ่ายเข้ากองทุนประกันสังคม สำหรับผู้ประกันตนตามมาตรา 40 แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคมฯ ดังนี้
ประเภทการส่งเงินสมทบ |
อัตราเงินสมทบเดิม |
อัตราเงินสมทบใหม่ |
• กรณีเงินสมทบสำหรับผู้ประกันตนตามทางเลือกที่ 1 |
30 บาทต่อเดือน |
21 บาทต่อเดือน |
• กรณีเงินสมทบสำหรับผู้ประกันตนตามทางเลือกที่ 2 |
50 บาทต่อเดือน |
30 บาทต่อเดือน |
• กรณีเงินสมทบสำหรับผู้ประกันตนตามทางเลือกที่ 3 |
150 บาทต่อเดือน |
90 บาทต่อเดือน |
2.2 กำหนดให้ใช้อัตราเงินสมทบตามข้อ 2.1 ตั้งแต่วันที่ 1 ของเดือนถัดไปจากเดือนที่กฎกระทรวงนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา และให้มีผลใช้บังคับเป็นระยะเวลา 6 เดือน
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 15 มิถุนายน 2564
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396
A6545
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ