การยกเลิกคำสั่งการเลื่อนและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้นของข้าราชการที่เสียชีวิต
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Wednesday, 09 June 2021 18:09
- Hits: 2997
การยกเลิกคำสั่งการเลื่อนและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้นของข้าราชการที่เสียชีวิต
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาข้อหารือ เรื่อง การยกเลิกคำสั่งการเลื่อนและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้นของข้าราชการที่เสียชีวิต ของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง (เรื่องเสร็จที่ 497/2564) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) เสนอ และให้สำนักงาน ก.พ. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาให้มีการกำหนดระยะเวลาในการดำเนินการขององค์กรกลางบริหารงานบุคคลข้าราชการประเภทต่างๆ ให้เป็นไปด้วยความรวดเร็วทำนองเดียวกับที่มีการกำหนดระยะเวลาการสอบสวนทางวินัย การพิจารณาอุทธรณ์ หรือการร้องทุกข์ ตามที่คณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองเสนอ
ข้อเท็จจริง
สคก. เสนอว่า
1. สืบเนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ขอให้ สคก. ให้ความเห็นในปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับการยกเลิกคำสั่งการเลื่อนและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้นของข้าราชการที่เสียชีวิต โดยสรุปข้อเท็จจริงได้ดังนี้
1.1 นางวรรณารัตน์ สุคนธนิตย์ ตำแหน่งนิติกร 7 ว ได้รับการเลื่อนตำแหน่งและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนิติกร 8 ว ตามคำสั่งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครปฐม เขต 2 ที่ 142/2552 เรื่อง เลื่อนบุคลากรทางการศึกษาอื่น ลงวันที่ 20 เมษายน 2552 และต่อมาได้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2556 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฯ จึงได้สั่งจ่ายเงินบำเหน็จตกทอดให้แก่ทายาทในอัตราเงินเดือนเดือนสุดท้ายของตำแหน่งนิติกร 8 ว
1.2 สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (สำนักงาน ก.ค.ศ.) ได้มีหนังสือถึงสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฯ เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2557 แจ้งว่า การเลื่อนและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนิติกร 8 ว ของนางวรรณารัตน์ฯ ไม่ถูกต้อง เนื่องจากนางวรรณารัตน์ฯ มีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) กำหนด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฯ จึงได้ยกเลิกคำสั่งเลื่อนและแต่งตั้งนางวรรณารัตน์ฯ ให้ดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้นตามข้อ 1.1 และได้ออกคำสั่งแก้ไขการเลื่อนเงินเดือนของนางวรรณารัตน์ฯ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 – 2556 และได้มีหนังสือถึงกรมบัญชีกลาง เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2557 เพื่อหารือเกี่ยวกับการออกคำสั่งแก้ไขการเลื่อนเงินเดือนของนางวรรณารัตน์ฯ
กรมบัญชีกลางได้ตอบข้อหารือดังกล่าวไปยังสำนักงาน ก.ค.ศ. เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2558 ว่า สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฯ ต้องแก้ไขการจ่ายเงินบำเหน็จตกทอดให้แก่ทายาทโดยคำนวณบำเหน็จตกทอดจากอัตราเงินเดือนเดือนสุดท้ายที่มีการแก้ไขใหม่ คูณด้วยเวลาราชการของผู้ตาย และหากได้จ่ายบำเหน็จตกทอดให้กับทายาทไปแล้ว ส่วนราชการก็ต้องเรียกเงินบำเหน็จตกทอดที่ได้จ่ายให้กับทายาทในส่วนที่เกินสิทธิคืน
1.3 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฯ ได้มีหนังสือแจ้งทายาทของนางวรรณารัตน์ฯ เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2559 ให้ส่งคืนเงินบำเหน็จตกทอดที่ได้รับเกินสิทธิ และได้ทวงถามอีกครั้งเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2561 และต่อมาทายาทของนางวรรณารัตน์ฯ ได้มีหนังสือถึงสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฯ เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2561 โต้แย้งว่าการยกเลิกคำสั่งเลื่อนตำแหน่งตามข้อ 1.2 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย สพฐ. จึงได้หารือปัญหาดังกล่าวต่อ สคก. เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2564
2. สคก. โดยคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองได้พิจารณาข้อเท็จจริงตามข้อ 1. แล้วมีความเห็นสรุปได้ดังนี้
2.1 คำสั่งเลื่อนและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้นของนางวรรณารัตน์ฯ เป็นคำสั่งทางปกครองตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ซึ่งเมื่อปรากฏว่าคำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงต้องถูกเพิกถอนตามมาตรา 50 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ที่บัญญัติให้คำสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายอาจถูกเพิกถอนทั้งหมดหรือบางส่วน โดยจะให้มีผลย้อนหลังหรือไม่ย้อนหลัง หรือมีผลในอนาคตไปถึงขณะใดขณะหนึ่งตามที่กำหนดได้ อย่างไรก็ตาม มาตรา 50 ไม่ได้กำหนดห้ามเพิกถอนคำสั่งในกรณีที่คู่กรณีตามคำสั่งดังกล่าวเสียชีวิตไปก่อนแล้ว ดังนั้น การยกเลิกคำสั่งเลื่อนและแต่งตั้งนางวรรณารัตน์ฯ ให้ดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้นตามข้อ 1.2 จึงสามารถกระทำได้
2.2 โดยที่มาตรา 30 (6) แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ประกอบกับ (1) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2540) ออกตามความในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 กำหนดให้การออกคำสั่งในกรณีที่ให้พ้นจากตำแหน่งได้รับยกเว้นไม่ต้องแจ้งให้คู่กรณีทราบข้อเท็จจริงอย่างเพียงพอและมีโอกาสโต้แย้งและแสดงพยานหลักฐาน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฯ จึงไม่จำต้องแจ้งให้นางวรรณารัตน์ฯ ในฐานะคู่กรณีทราบข้อเท็จจริงและมีโอกาสโต้แย้งและแสดงพยานหลักฐานแต่อย่างใด ประกอบกับมาตรา 42 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวบัญญัติให้คำสั่งทางปกครองให้มีผลใช้ยันต่อบุคคลตั้งแต่ขณะที่ผู้นั้นได้รับแจ้งเป็นต้นไป
เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่าสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฯ ได้มีหนังสือแจ้งการยกเลิกคำสั่งเลื่อนและแต่งตั้งนางวรรณารัตน์ฯ ให้ดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้นตามข้อ 1.2 ไปพร้อมกับการเรียกให้ทายาทของนางวรรณารัตน์ฯ คืนเงินบำเหน็จที่ได้รับไปเกินสิทธิ จึงถือว่าสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฯ ได้แจ้งคำสั่งให้แก่ผู้สืบสิทธิของนางวรรณารัตน์ฯ ทราบแล้วตามมาตรา 42 วรรคหนึ่ง ดังนั้น คำสั่งยกเลิกคำสั่งเลื่อนและแต่งตั้งนางวรรณารัตน์ฯ ให้ดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้น จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งนี้ สำหรับกรณีที่หนังสือดังกล่าวไม่มีการแจ้งสิทธิในการอุทธรณ์ให้ทายาทของนางวรรณารัตน์ฯ ทราบนั้น ไม่มีผลกระทบต่อความสมบูรณ์ของคำสั่งทางปกครองแต่อย่างใด เพียงแต่ส่งผลให้ระยะเวลาสำหรับการอุทธรณ์ขยายเป็นหนึ่งปีนับแต่วันที่ได้รับคำสั่งทางปกครองตามมาตรา 40 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวเท่านั้น ดังนั้น เมื่อคำสั่งยกเลิกคำสั่งเลื่อนและแต่งตั้งนางวรรณารัตน์ฯ ให้ดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้นตามข้อ 1.2 เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฯ จึงสามารถเรียกคืนเงินบำเหน็จตกทอดส่วนที่เกินสิทธิจากทายาทของนางวรรณารัตน์ฯ ได้
3. คณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองมีข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า การดำเนินการของหน่วยงานผู้รับผิดชอบเรื่องนี้มีความล่าช้ามาก กล่าวคือ เมื่อรวมระยะเวลาตั้งแต่เลื่อนและแต่งตั้งนางวรรณารัตน์ฯ โดยไม่ถูกต้อง จนกระทั่ง สพฐ. มีหนังสือหารือมายังคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ใช้ระยะเวลาถึง 12 ปี การที่หน่วยงานผู้มีหน้าที่รับผิดชอบดำเนินการล่าช้าเช่นนี้ ส่งผลให้เกิดปัญหาที่เป็นที่มาของข้อหารือนี้ ซึ่งหากดำเนินการโดยรวดเร็ว ปัญหาก็จะไม่เกิดขึ้น
คณะกรรมการฯ จึงเห็นควรเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อให้มีการกำหนดระยะเวลาในการดำเนินการขององค์กรกลางบริหารงานบุคคลข้าราชการประเภทต่างๆ ให้เป็นไปด้วยความรวดเร็วทำนองเดียวกับที่มีการกำหนดระยะเวลาการสอบสวนทางวินัย การพิจารณาอุทธรณ์ หรือการร้องทุกข์ไว้ด้วย
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 8 มิถุนายน 2564
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396
A6275
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ