การแก้ไขปัญหาผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการโปร่งขุนเพชร จังหวัดชัยภูมิ
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Wednesday, 26 May 2021 13:09
- Hits: 1121
การแก้ไขปัญหาผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการโปร่งขุนเพชร จังหวัดชัยภูมิ
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) เสนอดังนี้
1. ให้ กษ. (กรมชลประทาน) ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2541 และอนุมัติในหลักการให้กรมชลประทานจ่ายเงินค่าชดเชยให้แก่ราษฎรผู้ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานโครงการของรัฐ กรณีโครงการโปร่งขุนเพชร จังหวัดชัยภูมิ ในอัตราไร่ละ 42,000 บาท ในท้องที่อำเภอหนองบัวระเหว จำนวน 150 แปลง เนื้อที่ 1,754-0-89 ไร่ คิดเป็นเงิน 73,677,345 บาท และในท้องที่อำเภอเทพสถิตจำนวน 22 แปลง เนื้อที่ 221-1-53 ไร่ คิดเป็นเงิน 9,298,065 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 82,975,410 บาท โดยผู้มีสิทธิจะต้องมีชื่อปรากฏในแผนที่ ร.ว. 43 ก. ตามผลการรังวัดโดยช่างรังวัดของกรมที่ดินและเคยได้รับค่าขนย้าย (ค่าที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ) ไปแล้วในอัตราไร่ละ 8,000 บาท
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นหากสามารถดำเนินการได้ทันภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 เห็นสมควรให้กรมชลประทานพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 หรือโอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร แล้วแต่กรณี ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. 2562 เพื่อมาดำเนินการเป็นลำดับแรก โดยให้จัดทำแผนรายละเอียดการจ่ายเงินค่าชดเชยให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงแล้วขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอน ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อๆ ไป เห็นควรให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
2. เพื่อให้การจ่ายเงินเป็นไปอย่างถูกต้อง โปร่งใส และป้องกันมิให้บุคคลหรือกลุ่มบุคคลแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบจากราษฎร เห็นควรอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและกำกับดูแลการจ่ายเงิน เพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลการจ่ายเงินและจำนวนเงินค่าชดเชยให้ถูกต้องครบถ้วนตรงตามบัญชีรายละเอียดที่ดินของราษฎรผู้ได้รับผลกระทบ (กลุ่มที่ 1) โครงการโปร่งขุนเพชร จังหวัดชัยภูมิ ตามผลการตรวจสอบของคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการโปร่งขุนเพชร จังหวัดชัยภูมิ ประกอบด้วย
1) ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ |
ประธานกรรมการ |
|
2) อัยการจังหวัดชัยภูมิ |
กรรมการ |
|
3) คลังจังหวัดชัยภูมิ |
กรรมการ |
|
4) ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ |
กรรมการ |
|
5) เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดชัยภูมิ |
กรรมการ |
|
6) ปฏิรูปที่ดินจังหวัดชัยภูมิ |
กรรมการ |
|
7) เกษตรและสหกรณ์จังหวัดชัยภูมิ |
กรรมการ |
|
8) ผู้อำนวยการโครงการชลประทานชัยภูมิ |
กรรมการ |
|
9) นายอำเภอหนองบัวระเหว |
กรรมการ |
|
10) นายอำเภอเทพสถิต |
กรรมการ |
|
11) นายบัวลอย บำรุงสวัสดิ์ (ตัวแทนเกษตรกร) |
กรรมการ |
|
12) นายศักดา กาญจนเสน (ตัวแทนเกษตรกร) |
กรรมการ |
|
13) นายสาคร ศรีใส (ตัวแทนเกษตรกร) |
กรรมการ |
|
14) หัวหน้าฝ่ายจัดหาที่ดินที่ 2 ส่วนจัดหาที่ดิน 2 สำนักกฎหมายและที่ดิน กรมชลประทาน |
กรรมการและเลขานุการ |
|
15) ผู้อำนวยการสำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดใหญ่ที่ 13 กรมชลประทาน |
กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ |
โดยให้คณะกรรมการดังกล่าว ตรวจสอบบุคคลผู้มีสิทธิ จำนวน 172 ราย ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ รวมทั้งกำกับดูแลการจ่ายเงินค่าชดเชยให้เป็นไปอย่างถูกต้องเรียบร้อย สำหรับการจ่ายเงินกรณีนี้เห็นสมควรจ่ายด้วยวิธีโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร (จ่ายตรง) ตามบัญชีรายชื่อบุคคลที่ผ่านการตรวจสอบจากคณะกรรมการฯ หรือทายาทของบุคคลดังกล่าว โดยให้ถือความเห็นของคณะกรรมการชุดนี้เป็นหลักฐานประกอบการจ่ายเงิน และให้ระบุในหลักฐานการรับเงินด้วยว่า “ข้าพเจ้ายินยอมรับเงินค่าขนย้ายในครั้งนี้ และจะไม่มาเรียกร้องหรือขอรับความช่วยเหลือใดๆ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับโครงการโปร่งขุนเพชรจากทางราชการอีก”
สาระสำคัญของเรื่อง
1. คณะรัฐมนตรีมีมติ (8 เมษายน 2532) อนุมัติในหลักการให้ดำเนินการก่อสร้างเขื่อนโครงการโปร่งขุนเพชร จังหวัดชัยภูมิ ในท้องที่อำเภอหนองบัวระเหวและอำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ และคณะกรรมการกำหนดราคาค่าทดแทนทรัพย์สินตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2532 ได้กำหนดค่าขนย้าย กรณีที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิในอัตราไร่ละ 8,000 บาท ซึ่งกรมชลประทานได้จ่ายค่าขนย้ายดังกล่าวให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากโครงการฯ จำนวน 272 แปลง แล้ว ซึ่งต่อมาคณะรัฐมนตรีได้มีมติ (22 เมษายน 2539) ให้ชะลอการดำเนินการก่อสร้างโครงการไว้ก่อน ส่งผลให้ราษฎรกลุ่มดังกล่าวยังไม่ได้มีการย้ายออกจากพื้นที่ และภายหลังคณะรัฐมนตรีมีมติ (20 กันยายน 2548) ให้ดำเนินการก่อสร้างโครงการโปร่งขุนเพชรให้แล้วเสร็จภายในปี 2557 โดยคณะทำงานแสวงหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับราคาค่าทดแทนทรัพย์สินและคณะกรรมการกำหนดราคาค่าทดแทนฯ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2532 ได้พิจารณากำหนดจ่ายเงินค่าขนย้าย (ค่าที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ) ให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากโครงการและยังไม่ได้รับการช่วยเหลือมาก่อนในอัตราไร่ละ 50,000 บาท ส่งผลให้ราษฎรกลุ่มที่เคยได้รับค่าขนย้ายในอัตราไร่ละ 8,000 บาท ต้องการขอให้รัฐบาลช่วยเหลือเยียวยาส่วนต่างในอัตราไร่ละ 42,000 บาท ทั้งนี้ คณะกรรมการร่วมระหว่างภาคราชการและผู้แทนเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินโครงการของรัฐได้มีมติเห็นชอบการช่วยเหลือเยียวยาชดเชยส่วนต่างดังกล่าว ให้แก่เกษตรกรผู้ครอบครองที่ดินรายเดิม จำนวน 172 แปลง คิดเป็นจำนวนเงิน 82,975,410 บาท
2. เดิมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เสนอเรื่องนี้มายังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2563 และนายกรัฐมนตรีได้พิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ส่งเรื่องนี้คืนเพื่อให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการเจรจากับราษฎรอีกครั้ง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณเพื่อให้ได้ข้อยุติที่ชัดเจน เหมาะสม และเป็นประโยชน์สูงสุดแก่ทุกฝ่ายก่อนดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ผู้แทนกลุ่มสมัชชาเกษตรกรภาคอีสานได้หารือร่วมกับผู้แทนกรมชลประทานและจัดทำบันทึกการเจรจาร่วมกันระหว่างผู้แทนกลุ่มสมัชชาเกษตรกรภาคอีสานและผู้แทนกรมชลปรทาน เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564 สรุปความว่า ต้องดำเนินการเยียวยาความเดือดร้อนความเสียหายแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเป็นธรรมโดยไม่ชักช้า และขอให้กรมชลประทานนำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง ทั้งนี้ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติพิจารณาแล้วเห็นว่า การจ่ายเงินค่าชดเชยให้แก่ราษฎร เห็นสมควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี หนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 25 พฤษภาคม 2564
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396
A51045
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ