WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

รายงานผลการดำเนินงานด้านการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ของกรมราชทัณฑ์

GOV4 copy copy

รายงานผลการดำเนินงานด้านการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ของกรมราชทัณฑ์

          คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) เสนอ รายงานผลการดำเนินงานด้านการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 ของกรมราชทัณฑ์ โดยสืบเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เป็นวงกว้างในพื้นที่หลายจังหวัด ซึ่งรวมถึงการพบผู้ต้องขังที่ติดเชื้อโควิด-19 ในหลายเรือนจำและทัณฑสถาน โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานคร กรมราชทัณฑ์จึงได้รายงานผลการดำเนินการในด้านการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดฯ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้

          1. รายงานผลการตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในระหว่างวันที่ 3 เมษายน-8 พฤษภาคม 2564 มีรายงานผลการตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในส่วนกลางของกรมราชทัณฑ์ เรือนจำ และทัณฑสถาน รวม 23 แห่ง โดยมีผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 1,752 ราย ประกอบด้วย (1) ผู้ต้องขัง 1,668 ราย (รักษาหาย 449 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 1,208 ราย ปล่อยตัว 10 ราย และเสียชีวิต 1 ราย) และ (2) เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ 84 ราย (รักษาหาย 65 ราย และ อยู่ระหว่างการรักษา 19 ราย)

          2. การกำหนดให้มีมาตรการในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดฯ ในเรือนจำอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง ดังนี้

 

ช่วงวัน/วันที่

มาตรการ/การดำเนินการ

ต้นเดือนธันวาคม 2563

จัดตั้งคณะทำงานเพื่อเฝ้าติดตามและประเมินสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง

9 ธันวาคม 2563

กำหนดมาตรการที่สำคัญในระยะแรกคนในห้ามออกคนนอกห้ามเข้า” สำหรับเรือนจำและทัณฑสถาน

28 ธันวาคม 2563

ออกมาตรการกำชับการแยกกักโรคผู้ต้องขังเข้าใหม่อย่างเคร่งครัด และให้งดนำผู้ต้องขังออกภายนอกเรือนจำ ส่วนกรณีที่จะมีการดำเนินกิจกรรมใด ต้องขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด และให้ถือปฏิบัติตามมาตรการที่ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 (ศบค.) กำหนดอย่างเคร่งครัด

3 มกราคม 2564

พบเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์สังกัดเรือนจำกลางจังหวัดระยองติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 1 ราย ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้แพร่กระจายเป็นวงกว้างมากขึ้น กรมราชทัณฑ์จึงได้ประกาศงดเยี่ยมผู้ต้องขัง 14 วัน และกำชับเจ้าหน้าที่สังกัดกรมราชทัณฑ์งดเดินทางออกภายนอกพื้นที่และงดเข้าไปในพื้นที่เสี่ยง

ช่วงดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2564

พบผู้ต้องขังติดเชื้อโควิด-19 ในกลุ่มผู้ต้องขังต่างด้าวที่อยู่ระหว่างแยกกัก (ตามมาตรการแยกกักผู้ต้องขังเข้าใหม่) ในเรือนจำกลางจังหวัดฉะเชิงเทรา สระแก้ว และสมุทรสาคร จึงได้ขยายระยะเวลาการแยกกักโรคในกลุ่มผู้ต้องขังเสี่ยงสูง จาก 14 วัน เป็น 21 วัน และให้เรือนจำและทัณฑสถานประสานโรงพยาบาลแม่ข่ายเพื่อตรวจเชื้อโควิด-19 ในกลุ่มผู้ต้องขังเข้าใหม่ก่อนออกจากห้องแยกกักโรค

15 กุมภาพันธ์ 2564

ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้จัดตั้งห้องปฏิบัติการตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด-19 เพื่อรองรับการตรวจให้กับผู้ต้องขังและเจ้าหน้าที่

ช่วงเดือนมีนาคม 2564

เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศเริ่มคลี่คลาย กรมราชทัณฑ์ได้ผ่อนคลายมาตรการ โดยเปิดให้มีการเยี่ยมผู้ต้องขังได้ในช่องทางปกติ แต่ยังคงเข้มงวดในการแยกกักโรคเช่นเดิม รวมทั้งยังคงมาตรการที่เข้มข้นในกลุ่มเรือนจำที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่เสี่ยง 5 พื้นที่ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร จังหวัดสมุทรสาคร นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ โดยให้งดเยี่ยมผู้ต้องขังและให้เรือนจำและทัณฑสถานจัดทำแผนและขั้นตอนการปฏิบัติต่อคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเพื่อให้ความเห็นชอบก่อนการดำเนินกิจกรรมใด

3 เมษายน 2564

พบเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์และผู้ต้องขังติดเชื้อโควิด-19 ในเรือนจำจังหวัดนราธิวาส จำนวน 62 ราย กรมราชทัณฑ์จึงได้กำชับมาตรการป้องกันและควบคุมโรคอย่างเข้มงวด โดยขยายระยะเวลาการแยกกักโรคผู้ต้องขังเข้าใหม่ทุกรายจาก 14 วัน เป็น 21 วัน รวมทั้งให้งดการเยี่ยมผู้ต้องขังจนถึงปัจจุบัน

 

           3. การจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพื่อรองรับผู้ต้องขังติดเชื้อโควิด-19 กรมราชทัณฑ์ได้จัดตั้งโรงพยาบาลสนามในเรือนจำที่พบผู้ต้องขังติดเชื้อเป็นจำนวนมาก เพื่อให้สามารถบริหารจัดการผู้ต้องขังติดเชื้อได้และแบ่งเบาภาระของกระทรวงสาธารณสุข โดยปัจจุบันได้ดำเนินการแล้ว ดังนี้ โรงพยาบาลสนามเรือนจำจังหวัดนราธิวาส โรงพยาบาลสนามเรือนจำกลางเชียงใหม่ และโรงพยาบาลสนามทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ซึ่งจะใช้รองรับผู้ต้องขังติดเชื้อในกลุ่มเรือนจำลาดยาว นอกจากนี้ โรงพยาบาลสนามทัณฑสถานโรงพยาบราชทัณฑ์ต้องรองรับผู้ต้องขังในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวม 11 แห่ง ซึ่งมีผู้ต้องขังที่ต้องดูแลประมาณ 44,301 คน โดยโรงพยาบาลสนามดังกล่าวสามารถรองรับผู้ป่วยได้ 1,010 เตียง

          4. การรับมอบเงินและอุปกรณ์พระราชทานต่างๆ โดยโครงการราชทัณฑ์ปันสุขทำความดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ได้มอบเงินพระราชทาน จำนวน 1,000,000 บาท ให้แก่กรมราชทัณฑ์เพื่อสนับสนุนการปรับปรุงห้องปฏิบัติการในการตรวจหาเชื้อของทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ให้มีศักยภาพเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับการให้บริการผู้ต้องขัง รวมทั้งประชาชนทั่วไปที่จะมารับบริการ และทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ยังได้รับรถ ชีวนิรภัยพระราชทานเพื่อนำมาใช้ในตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 โดยได้ดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 จนถึงปัจจุบัน มีผู้มารับบริการประมาณ 10,000 คน ประกอบด้วย ผู้ต้องขัง ข้าราชการและประชาชนทั่วไป นอกจากนี้ กรมราชทัณฑ์ยังได้รับพระราชทานอุปกรณ์ต่างๆ เช่น หน้ากากอนามัย และเจลแอลกอฮอล์ เพื่อนำไปใช้เสริมการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในเรือนจำต่างๆ ทั่วประเทศ

 

(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 25 พฤษภาคม 2564

สำนักโฆษก   สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396

 

A51030

COREHOON

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

FBS728

EXNESS

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!