ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุม ครั้งที่ 15/2564
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Wednesday, 12 May 2021 00:27
- Hits: 1724
ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุม ครั้งที่ 15/2564
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ สำนักงานสภาพัฒนา การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 15/2564 เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2564 ที่ได้พิจารณาจัดทำข้อเสนอแนวทางการดำเนินการตามมาตรา 6 วรรคสาม (ครั้งที่ 3) การพิจารณากลั่นกรองข้อเสนอแผนงานหรือโครงการเพื่อขอใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 (พระราชกำหนดฯ) การพิจารณากลั่นกรองความเหมาะสมของการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ การพิจารณากลั่นกรองความเหมาะสมของการขอยกเลิกโครงการของจังหวัด และการพิจารณาปรับปรุงกลไกการเสนอโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก (ภายใต้กลุ่มแผนงาน/โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชนบนพื้นฐานของโอกาสและศักยภาพของท้องถิ่น : ระดับพื้นที่) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2563 ให้สอดคล้องกับคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 241/2563 เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา ดังนี้
1. อนุมัติให้นำวงเงินกู้เพื่อการตามมาตรา 5 (3) มาใช้เพื่อการตามมาตรา 5 (2) เพิ่มเติม (ครั้งที่ 3) จำนวน 85,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการให้ความช่วยเหลือ เยียวยา ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในระลอกเดือนเมษายน 2564
2. มอบหมายให้หน่วยงานของรัฐชะลอการเสนอข้อเสนอโครงการ ภายใต้แผนงาน/โครงการกลุ่มที่ 3 (ไม่รวมโครงการพัฒนาและส่งเสริมความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก) และคณะกรรมการฯ ชะลอการพิจารณากลั่นกรองความเหมาะสมของแผนงาน/โครงการ เสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีกรอบวงเงินกู้คงเหลือสำหรับรองรับการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการกลุ่มที่ 1 และกลุ่มที่ 2 ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดที่ยังไม่คลี่คลายได้ตามเจตนารมณ์ของพระราชกำหนด
3. มอบหมายให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เร่งประสานหน่วยงานรับผิดชอบที่ได้รับอนุมัติให้ดำเนินโครงการโดยใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ และดำเนินโครงการแล้วเสร็จ เร่งจัดทำรายงานผลการดำเนินโครงการฯ ให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะและคืนกรอบวงเงินกู้เหลือจ่าย ตามข้อ 19 และข้อ 20 ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ โดยเร็ว เพื่อให้การบริหารจัดการเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
4. อนุมัติโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ บริหารจัดการน้ำและเพิ่มพื้นที่ชลประทาน ของกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน 384 รายการ กรอบวงเงิน 4,224.8246 ล้านบาท (ปรับลดลงจากกรอบวงเงินที่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จำนวน 16,795.5548 ล้านบาท หรือลดลง 12,570.7302 ล้านบาท) โดยใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้แผนงานที่ 3.4 ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดฯ พร้อมทั้งเห็นควรมอบหมายให้กรมชลประทาน เป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการ และดำเนินการอย่างเคร่งครัด
5. อนุมัติโครงการพัฒนาการตลาดสินค้ากลุ่มผู้ทำการผลิตที่บ้านหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ของมูลนิธิเพื่อการพัฒนาแรงงานและอาชีพ วงเงิน 4,167,900 บาท (ปรับลดจาก 8,000,580 บาท) หรือปรับลดประมาณ 3,832,680 บาท โดยใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้แผนงานที่ 3.2 ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดฯ พร้อมทั้งเห็นควรมอบหมายให้สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการและดำเนินการอย่างเคร่งครัด
6. อนุมัติโครงการขององค์กรภาคประชาชนภายใต้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จำนวน 2 โครงการ โดยใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้แผนงานที่ 3.2 ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดฯ ได้แก่
6.1 โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจครัวเรือนคนพิการและครอบครัวด้วยเกษตรสมัยใหม่และยกระดับการแปรรูปผลิตภัณฑ์และอาหาร โดยใช้การตลาดผสมผสาน Online ผ่าน Social Media ของมูลนิธิสภาศูนย์การดำรงชีวิตอิสระคนพิการประเทศไทย กรอบวงเงิน 23,691,300 บาท (ปรับลดจากข้อเสนอวงเงิน 42,042,300 บาท หรือลดลงประมาณ 18,351,000 บาท) ระยะเวลาดำเนินโครงการ 5 เดือน พร้อมทั้งเห็นควรมอบหมายให้กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการ ดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมการฯ อย่างเคร่งครัด
6.2 โครงการสร้างต้นแบบศูนย์เรียนรู้การบริหารจัดการขยะอย่างยั่งยืนและครบวงจร เพื่อสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และสร้างต้นแบบ 1 อำเภอ 1 ตำบล ของสุพรรณบุรี เพื่อการบริหารจัดการขยะอย่างยั่งยืน พร้อม “ร้านรวยน้ำใจ” สู้วิกฤติการระบาดของไวรัสโควิด-19 ของสวนพุทธชาติ ศูนย์เรียนรู้บริหารจัดการขยะอย่างยั่งยืน กรอบวงเงิน 1,644,000 บาท (ปรับลดจากข้อเสนอวงเงิน 2,830,400 บาท หรือลดลงประมาณ 1,186,400 บาท) ระยะเวลาดำเนินโครงการ 5 เดือน พร้อมมอบหมายให้สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนเป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการฯ ดำเนินการอย่างเคร่งครัด
7. อนุมัติให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ปรับปรุงรายละเอียดโครงการเราชนะ เพื่อเพิ่มวงเงินสนับสนุนให้แก่ผู้ได้รับสิทธิ์ตามกลุ่มเป้าหมายทั้ง 4 กลุ่ม ที่ไม่เคยขอสละสิทธิ์การเข้าร่วมโครงการฯ จำนวนประมาณ 33.5 ล้านคน คนละ 1,000 บาทต่อสัปดาห์ เป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ ตามช่องทางการได้รับวงเงินสนับสนุนของแต่ละกลุ่ม ทำให้กรอบวงเงินรวม ของโครงการฯ เพิ่มขึ้นจากกรอบวงเงินไม่เกิน 213,242 ล้านบาท เป็นกรอบวงเงินไม่เกิน 280,242 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 67,000 ล้านบาท ทั้งนี้ วงเงินสนับสนุนที่ได้รับตามโครงการฯ สามารถสะสมเพื่อใช้จ่ายได้ไม่เกินวันที่ 30 มิถุนายน 2564 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
8. อนุมัติให้สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ปรับปรุงรายละเอียดโครงการ ม33 เรารักกัน ในส่วนของการเพิ่มวงเงินสนับสนุนให้แก่ประชาชนกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับสิทธิตามโครงการฯ จำนวน 8.11 ล้านคน และกลุ่มที่อยู่ระหว่างทบทวนสิทธิ์ จำนวน 30,000 คน โดยเป็นการจ่ายวงเงินสนับสนุนจำนวน 2,000 บาทต่อคน (สัปดาห์ละ 1,000 บาท เป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์) ภายใต้กรอบวงเงินโครงการฯ จำนวน 48,841.4700 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 11,741.4700 ล้านบาท จากกรอบวงเงินเดิมที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติจำนวน 37,100 ล้านบาท รวมถึงเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการของโครงการฯ จากไม่เกินวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 เป็นไม่เกินวันที่ 30 มิถุนายน 2564 ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
9. อนุมัติให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปลี่ยนแปลงแผนการเริ่มดำเนินโครงการทัวร์เที่ยวไทย และโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ในเดือนพฤษภาคม 2564 ออกไปก่อน โดยเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในระลอกเดือนเมษายน คลี่คลายลงแล้วจะเร่งแจ้งแผนการเริ่มดำเนินโครงการฯ ให้คณะกรรมการฯ ทราบโดยทันที ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ พร้อมทั้งให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศ ดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมการฯ โดยเคร่งครัด
10. รับทราบการปรับลดกรอบวงเงินของโครงการกำลังใจจาก 2,400.0000 ล้านบาท เป็น 1,370.0000 ล้านบาท หรือลดลงประมาณจำนวน 1,030.0000 ล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงและผลการดำเนินโครงการฯ ซึ่งจะช่วยให้การบริหารกรอบวงเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
11. อนุมัติให้สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ปรับปรุงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการยกระดับเศรษฐกิจในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคกลางตะวันตกด้วย BCG โมเดล และศูนย์นวัตกรรมการผลิตหัวเชื้อจุลินทรีย์เพื่ออุตสาหกรรมอาหาร โดยขยายระยะเวลาดำเนินโครงการยกระดับเศรษฐกิจในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคกลางตะวันตกด้วย BCG โมเดล จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564 เป็นสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564 และโครงการศูนย์นวัตกรรมการผลิตหัวเชื้อจุลินทรีย์เพื่ออุตสาหกรรมอาหาร จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564 เป็นสิ้นสุดวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
12. อนุมัติให้จังหวัดศรีสะเกษยกเลิกการดำเนินโครงการย่อยที่ 1 การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตทุเรียนคุณภาพตามมาตรฐานเกษตรดีที่เหมาะสม วงเงิน 1.9500 ล้านบาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
13. เห็นชอบและรับทราบการปรับกลไกและกระบวนการในการขับเคลื่อนภายใต้โครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากให้สอดคล้องกับคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 99/2564 รวมทั้งรับทราบการปรับปรุงคู่มือแนวปฏิบัติฯ ตามที่ สศช. เสนอ พร้อมทั้งมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติตามแนวทางที่กำหนดไว้ในคู่มือแนวปฏิบัติฯ (ฉบับปรับปรุง) รวมถึงกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องทางราชการโดยเคร่งครัด
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 11 พฤษภาคม 2564
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396
A5393
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ