รายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Wednesday, 07 April 2021 20:22
- Hits: 9578
รายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
เรื่องเดิม
1. สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอว่า ในคราวประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปีที่ 2 ครั้งที่ 2 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน 2563 ที่ประชุมได้ลงมติเห็นชอบด้วยกับข้องสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีข้อสังเกตเกี่ยวกับคำนิยามของสินค้าและบริการควรต้องมีความชัดเจน และควรแยกกลุ่มของการจัดเก็บภาษี และเห็นควรที่กระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพากรจะได้ออกกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อกำหนดกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์ในการดำเนินการเกี่ยวกับทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มให้มีความชัดเจน รวมถึงประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจให้แก่ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องได้รับทราบถึงหลักเกณฑ์ต่างๆ อย่างทั่วถึง
2. สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอว่า ในคราวประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ 8 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม 2563 ที่ประชุมได้ลงมติเห็นชอบด้วยกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของวุฒิสภา ซึ่งได้ตั้งข้อสังเกต ดังนี้
2.1 การใช้คำว่า “ผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักร” และ “ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการจากต่างประเทศ” ตามร่างพระราชบัญญัตินั้น เนื่องจากตามประมวลรัษฎากรได้มีการนิยามคำว่า “ประเทศไทย” หรือ “ราชอาณาจักร” ไว้ว่า ให้หมายความรวมถึงเขตไหล่ทวีปที่เป็นสิทธิของประเทศไทยตามกฎหมายระหว่างประเทศที่ยอมรับนับถือกันโดยทั่วไปและตามความตกลงกับต่างประเทศด้วย แต่ไม่มีการนิยามคำว่า “ต่างประเทศ” ไว้ กรณีนี้จึงอาจทำให้เกิดปัญหาการตีความได้ว่าการให้บริการจากต่างประเทศนั้นหมายความรวมถึงการให้บริการนอกเขตไหล่ทวีปหรือไม่ เนื่องจากมีการใช้คำว่า “ต่างประเทศ” ในหลายบทบัญญัติมาตรา จึงเห็นควรให้ กค. พิจารณาปรับปรุงคำนิยามดังกล่าวให้ชัดเจนต่อไป
2.2 กค. โดยกรมสรรพากรควรกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไข เพื่อกำหนดกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์ในการดำเนินการเกี่ยวกับทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มให้มีความชัดเจนและง่ายต่อการใช้งาน รวมทั้งต้องประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจ ให้แก่ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องได้รับทราบอย่างทั่วถึง
2.3 การจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับปรุง เห็นควรเร่งรัดให้มีผลในทางปฏิบัติโดยเร็ว ทั้งนี้ เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้แก่ผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศ
3. รองนายกรัฐมนตรี (นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์) สั่งและปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรีพิจารณาแล้วมีคำสั่งให้ กค. เป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาดังกล่าว ไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสม และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
ข้อเท็จจริง
กค. รายงานว่า ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตฯ แล้ว สรุปได้ ดังนี้
ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ ของสภาผู้แทนราษฎร (สผ.) |
รายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตฯ |
|
1. แนวทางในการปฏิบัติและบังคับใช้กฎหมายจะต้องมีการออกกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อกำหนดกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์ในการดำเนินการเกี่ยวกับทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มให้มีความชัดเจน รวมถึงประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจให้แก่ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องได้รับทราบถึงหลักเกณฑ์ต่างๆ อย่างทั่วถึง |
- กค. ได้เตรียมการรองรับการบังคับใช้พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 53) พ.ศ. 2564 ดังนี้ 1. จัดทำกฎหมายลำดับรอง ได้แก่ (1) กฎกระทรวงจำนวน 2 ฉบับ ซึ่งออกตามความในมาตรา 3 และมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 53) พ.ศ. 2564 (2) ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายตาม (1) 2. จัดทำคู่มือเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติดังกล่าว |
|
2. คำนิยามของสินค้าและบริการควรต้องมีความชัดเจนและควรแยกกลุ่มของการจัดเก็บภาษี ซึ่งได้กำหนดคำนิยามเกี่ยวกับการบริการอิเล็กทรอนิกส์ไว้ในร่างมาตรา 5 แล้ว เพื่อให้เกิดความชัดเจนและไม่สับสนในการใช้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ และไม่ต้องมีการแก้ไขกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการใช้กับสินค้าและบริการทั่วไป |
- การแก้ไขนิยามคำว่า “สินค้า” และกำหนดนิยาม คำว่า “บริการทางอิเล็กทรอนิกส์” และ “อิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์ม” เพิ่มเติมตามร่างมาตรา 4 และร่างมาตรา 5 ทำให้เกิดความชัดเจนในการใช้กฎหมาย และลดปัญหาในการตีความของผู้เสียภาษีและเจ้าหน้าที่ |
|
3. ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้จะเป็นการวางรากฐานการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มของผู้ประกอบการจากต่างประเทศและจะนำไปสู่แนวคิดในการจัดเก็บภาษีรายได้หรือยอดขายของผู้ประกอบการเหล่านี้ต่อไปในอนาคต รวมถึงจะเป็นการลดช่องว่างความไม่เท่าเทียมกันในการเสียภาษีของผู้ประกอบการที่อยู่ในประเทศไทยและผู้ประกอบการที่อยู่ในต่างประเทศ
|
- กค. โดยกรมสรรพากรได้มีส่วนร่วมพิจารณาแนวทางการจัดเก็บภาษีจากรายได้ของผู้ประกอบการดิจิทัลในต่างประเทศ โดยได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของ Inclusive Framework on BEPS ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาแนวทางการจัดเก็บภาษีจากรายได้ของผู้ประกอบการดิจิทัลเพื่อนำไปใช้ในอนาคต รวมทั้งยังได้ติดตามแนวทางของประเทศอื่นอย่างต่อเนื่อง
|
|
ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ ของวุฒิสภา (สว.) |
รายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตฯ |
|
1. การใช้คำว่า “ผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักร” และ “ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการจากต่างประเทศ” ตามร่างพระราชบัญญัตินั้น เนื่องจากตามประมวลรัษฎากรได้มีการนิยามคำว่า “ประเทศไทย” หรือ “ราชอาณาจักร” ไว้ว่า ให้หมายความรวมถึงเขตไหล่ทวีปที่เป็นสิทธิของประเทศไทยตามกฎหมายระหว่างประเทศที่ยอมรับนับถือกันโดยทั่วไป และตามความตกลงกับต่างประเทศด้วย แต่ไม่มีการนิยามคำว่า “ต่างประเทศ” ไว้ กรณีนี้จึงอาจทำให้เกิดปัญหาการตีความได้ว่าการให้บริการจากต่างประเทศนั้นหมายความรวมถึงการให้บริการนอกเขตไหล่ทวีปหรือไม่ เนื่องจากมีการใช้ถ้อยคำว่า “ต่างประเทศ” ในหลายบทบัญญัติมาตรา จึงเห็นควรให้ กค. พิจารณาปรับปรุงคำนิยามดังกล่าวให้ชัดเจนต่อไป |
- มาตรา 2 แห่งประมวลรัษฎากร กำหนดนิยามคำว่า “ประเทศไทย” หรือ “ราชอาณาจักร” หมายความรวมถึงเขตไหล่ทวีปที่เป็นสิทธิของประเทศไทยตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศที่ยอมรับนับถือกันโดยทั่วไป และตามความตกลงกับต่างประเทศด้วย ดังนั้น คำว่า “ต่างประเทศ” ที่ปรากฏในบทบัญญัติแห่งมาตราต่างๆ ในประมวลรัษฎากร จึงมีความหมายที่ตรงข้ามกับคำว่า “ประเทศไทย” หรือ “ราชอาณาจักร” ทั้งนี้ อำนาจในการจัดเก็บภาษีของประเทศไทยในเรื่องของการให้บริการตามประมวลรัษฎากร ต้องเป็นบริการที่ทำในราชอาณาจักร โดยไม่คำนึงว่าการใช้บริการนั้นจะอยู่ในต่างประเทศหรือในราชอาณาจักร ซึ่งรวมถึงการให้บริการที่ทำในต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักร โดยกรมสรรพากรได้วางแนวทางปฏิบัติในประเด็นดังกล่าวไว้แล้ว - การปรับปรุงถ้อยคำว่า “ต่างประเทศ” ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ นั้น จะต้องตราเป็นพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร และต้องดำเนินการศึกษาร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อความรอบคอบต่อไป |
|
2. กค. โดยกรมสรรพากรควรกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เพื่อกำหนดกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์ในการดำเนินการเกี่ยวกับทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มให้มีความชัดเจนและง่ายต่อการใช้งาน รวมทั้งต้องประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจให้แก่ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องได้รับทราบอย่างทั่งถึง |
- กค. โดยกรมสรรพากรจะดำเนินการออกกฎกระทรวงและประกาศที่เกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าว รวมถึงจัดทำระบบเพื่อรองรับการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่สะดวกและง่ายต่อการใช้งานของผู้ประกอบการ และประชาสัมพันธ์อย่างทั่วถึงเพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้แก่ผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไป |
|
3. การจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับปรุง เห็นควรเร่งรัดให้มีผลในทางปฏิบัติโดยเร็ว ทั้งนี้ เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้แก่ผู้ประกอบการทั้งในประเทศและต่างประเทศ |
- กค. โดยกรมศุลกากรอยู่ระหว่างการพิจารณาศึกษาแนวทางการจัดเก็บภาษีดังกล่าว |
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 7 เมษายน 2564
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396
A4225
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ