ขอความเห็นชอบให้สัตยาบันภาคผนวก 10 แนบท้ายความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Wednesday, 29 October 2014 20:58
- Hits: 3100
ขอความเห็นชอบให้สัตยาบันภาคผนวก 10 แนบท้ายความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง
เรื่อง ขอความเห็นชอบให้สัตยาบันภาคผนวก 10 แนบท้ายความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคม (คค.) เสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบการให้สัตยาบันภาคผนวก 10 เงื่อนไขการขนส่งแนบท้ายความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (CBTA) และให้นำภาคผนวก 10 ดังกล่าวเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาให้ความเห็นชอบการให้สัตยาบันต่อไป
2. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการจัดทำสัตยาบันสารเพื่อดำเนินการให้สัตยาบันภาคผนวก 10 ดังกล่าวมีผลผูกพันประเทศไทยต่อไปเมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติมีมติเห็นชอบภาคผนวก 10 ตามข้อ 1 แล้ว
3. อนุมัติให้นำวิธีการอนุญาโตตุลาการมาใช้ในการระงับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นจากภาคผนวก 10 เงื่อนไขการขนส่งดังกล่าว
สาระสำคัญของเรื่อง
คค. รายงานว่า สาระสำคัญของภาคผนวก 10 ได้กำหนดพันธกรณีเกี่ยวกับการรับขนของระหว่างประเทศทางถนนระหว่างประเทศไทยกับประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง และประเทศไทยได้ดำเนินการออกพระราชบัญญัติการรับขนของทางถนนระหว่างประเทศ พ.ศ. 2556 เพื่อให้การเป็นไปตามหนังสือสัญญาซึ่งเป็นการรองรับการดำเนินการตามภาคผนวก 10 ดังนั้น ภาคผนวก 10 จึงเข้าข่ายหนังสือสัญญาที่ต้องได้รับความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตามมาตรา 23 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 ประกอบกับประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำ GMS ครั้งที่ 5 (The 5th GMS Summit) ระหว่างวันที่ 19 – 20 ธันวาคม 2557 ณ กรุงเทพฯ คค. จึงเร่งผลักดันการดำเนินการให้สัตยาบันภาคผนวก 10 เพื่อที่ไทยจะได้รายงานความคืบหน้าในการให้สัตยาบันภาคผนวกแนบท้ายความตกลง CBTA ต่อที่ประชุมสุดยอดผู้นำ GMS ครั้งที่ 5
สาระสำคัญของภาคผนวก 10 มีดังนี้
1. ภาคผนวกนี้ใช้บังคับกับสัญญารับขนของทางถนนด้วยรถเพื่อสินจ้าง
2. ราคาค่าขนส่งให้เป็นไปตามกลไกตลาด แต่อยู่ภายใต้ข้อจำกัดเรื่องการผูกขาดทางการค้าเพื่อหลีกเลี่ยงราคาที่สูงมากหรือต่ำมากเกินควร
3. ผู้ขนส่งจะต้องรับผิดเพื่อการกระทำหรืองดเว้นการกระทำของลูกจ้าง ตัวแทน และผู้ขนส่งช่วงที่ ผู้ขนส่งได้ใช้ในการปฏิบัติงานของตน
4. ผู้ขนส่งจะต้องรับผิดในความสูญหายสิ้นเชิง หรือบางส่วน และความเสียหายแห่งของ รวมทั้งการส่งมอบชักช้า ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างเวลาที่ผู้ขนส่งได้รับมอบของไว้และเวลาที่ได้ส่งมอบ
5. การคำนวณค่าสินไหมทดแทนกรณีของสูญหายทั้งหมดหรือบางส่วนหรือของเสียหาย ให้คำนวณโดยอ้างอิงราคาตลาดซื้อขายล่วงหน้า หรือราคาตลาดปัจจุบัน หรือราคาปกติของของ ณ เวลาและสถานที่ที่ผู้ขนส่งได้รับมอบของไว้
6. จำนวนค่าสินไหมทดแทนที่ผู้ขนส่งต้องรับผิดในความเสียหายจากการส่งมอบชักช้า นอกเหนือจากความเสียหายทางกายภาพซึ่งมีผลต่อมูลค่าของ จะถูกจำกัดไม่เกินราคาค่าขนส่ง
7. ผู้ขนส่งจะหลุดพ้นจากความรับผิด หากผู้ขนส่งสามารถพิสูจน์ได้ว่าความสูญหาย เสียหาย หรือส่งมอบชักช้าเกิดจากเหตุสุดวิสัย สภาพผิดปกติแห่งของนั้นเองการกระทำโดยมิชอบหรือความประมาทเลินเล่อของผู้ส่ง/ผู้รับตราส่ง
8. ผู้ขนส่งจะต้องรับผิดในกรณีที่ความสูญหาย เสียหาย หรือส่งมอบชักช้า เกิดจากการกระทำโดยจงใจ หรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้ขนส่ง ลูกจ้าง ตัวแทน หรือผู้ขนส่งช่วงของผู้ขนส่ง
9. การเรียกร้องเพื่อค่าสินไหมทดแทนจากผู้ขนส่งสำหรับความสูญหาย เสียหาย หรือส่งมอบชักช้าแห่งของจะขาดอายุความ เว้นแต่จะได้มีการฟ้องคดีต่อศาลหรือเสนอข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการชี้ขาดภายในหนึ่งปี
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 28 ตุลาคม 2557