สรุปผลการดำเนินมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ ‘ชิมช้อปใช้’ และมาตรการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ ‘ชิมช้อปใช้’
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Wednesday, 11 November 2020 10:40
- Hits: 7293
สรุปผลการดำเนินมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ ‘ชิมช้อปใช้’ และมาตรการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ ‘ชิมช้อปใช้’
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ “ชิมช้อปใช้” และมาตรการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ “ชิมช้อปใช้” ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ โดยมีสาระสำคัญ สรุปได้ดังนี้
1. ผลการดำเนินมาตรการ “ชิมช้อปใช้” ระหว่างวันที่ 27 กันยายน 2562 – 31 มกราคม 2563 มีผู้ได้รับสิทธิจำนวน 14,354,159 คน มีผู้ใช้สิทธิจำนวน 11,802,073 คน และมีร้านค้าที่มีผู้ไปใช้สิทธิจำนวน 103,053 ร้าน โดยมียอดค่าใช้จ่ายผ่านระบบการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์โดยภาครัฐ (g-Wallet) สรุปได้ดังนี้
(หน่วย : ล้านบาท)
รายการ |
การใช้จ่าย |
กค. จ่ายเงินสนับสนุน/ เงินชดเชย |
|
ผู้ใช้สิทธิ (คน) |
ยอดใช้จ่ายรวม |
||
g-Wallet ช่องที่ 1 |
11,737,997 |
11,671.80 |
11,671.80 |
g-Wallet ช่องที่ 2 |
487,820 |
17,148.10 (ไม่รวมยอดใช้จ่ายในร้านค้าทั่วไปที่ไม่ได้รับสิทธิเงินชดเชย จำนวน 147 ล้านบาท) |
1,258.90 |
รวม |
28,819.90 |
12,930.70 |
หมายเหตุ : - g-Wallet ช่องที่ 1 คือ รัฐบาลสนับสนุนวงเงินจำนวน 1,000 บาทต่อคน
- g-Wallet ช่องที่ 2 คือ รัฐบาลสนับสนุนเงินชดเชยในรูปแบบเงินคืน (Cashback) ร้อยละ 15-20 ของยอดชำระเงินที่จ่ายจริง ตามเงื่อนไขที่กำหนด
ทั้งนี้ กค. ได้มีการตรวจสอบข้อมูลผู้ที่เข้าข่ายมีพฤติกรรมหรือธุรกรรมที่ผิดปกติ สรุปได้ดังนี้ (1) ประชาชน : ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ได้ส่งข้อความ (SMS) ไปยังประชาชนที่เข้าข่ายมีพฤติกรรมหรือธุรกรรมที่ผิดปกติจำนวน 195,299 คน เพื่อให้ชี้แจงข้อมูลกับ กค. โดยมีผู้ติดต่อให้ข้อมูลรวมทั้งสิ้น 4,746 คน ซึ่งภายหลังการตรวจสอบแล้วได้จ่ายเงินคืนให้กับประชาชนจำนวน 1,541 คน เป็นเงินจำนวน 12.55 ล้านบาท และอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลและหลักฐานเพิ่มเติมอีก 265 คน (2) ร้านค้า : กค. ได้ตรวจสอบผู้ประกอบการร้านค้าที่เข้าข่ายมีพฤติกรรมหรือธุรกรรมที่ผิดปกติจำนวน 5,302 ร้าน โดยผลการพิจารณาพบว่ามีการดำเนินการผิดเงื่อนไขจำนวน 3,201 ร้าน จึงได้ระงับการรับชำระค่าสินค้าด้วยแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ของร้านค้าดังกล่าว
2. ผลการประเมินผลความคุ้มค่าและแบบสำรวจความพึงพอใจของมาตรการฯ คณะทำงานประเมินผลและความคุ้มค่าของมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ “ชิมช้อปใช้” ได้สรุปการประเมินผลความคุ้มค่าของมาตรการฯ และการประเมินความพึงพอใจของมาตรการฯ ดังนี้
หัวข้อ |
ผลการประเมิน |
|
ความคุ้มค่าของมาตรการฯ |
||
มิติที่ 1 การกระจายตัวของ การไปใช้จ่าย |
ผู้ใช้สิทธิผ่าน g-Wallet ช่องที่ 1 เดินทางไปใช้สิทธิในทั่วภูมิภาคและทุกจังหวัด โดนส่วนใหญ่เดินทางไปเที่ยวในภูมิภาคที่เป็นภูมิลำเนา |
|
มิติที่ 2 การใช้จ่ายในเมืองหลัก เมืองรอง |
• ผู้ใช้สิทธิเดินทางไปเที่ยวเมืองหลักมากกว่าเมืองรอง โดยคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 55 และร้อยละ 45 ตามลำดับ • การใช้จ่ายในเมืองรองสูงกว่าเมืองหลัก โดยคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 60 และร้อยละ 40 ของยอดใช้จ่ายรวม ตามลำดับ |
|
มิติที่ 3 อัตราการใช้สิทธิ และอัตราการใช้จ่าย |
รูปแบบการใช้จ่ายของผู้ได้รับสิทธิทั่วประเทศมีลักษณะคล้ายกันโดยผู้ได้รับสิทธิจะใช้เงิน 1,000 บาท ผ่าน g-Wallet ช่องที่ 1 ก่อน แล้วจึงใช้จ่ายเงินของตนเองผ่าน g-Wallet ช่องที่ 2 |
|
มิติที่ 4 รายได้ของผู้ประกอบการ |
• การใช้จ่ายส่วนใหญ่ถูกใช้ไปกับร้าน “ช้อป” เช่น ร้าน OTOP และร้านธงฟ้าประชารัฐ • ยอดการใช้จ่ายของร้าน “ชิม” “ช้อป” และ “ใช้” รวมกัน มีมูลค่ามากกว่าร้านค้าทั่วไปถึง 7.8 เท่า ซึ่งแสดงให้เห็นว่าร้านค้ารายย่อยได้รับรายได้จากมาตรการฯ มากกว่าร้านค้ารายใหญ่ |
|
มิติที่ 5 ผลบวกต่อการใช้จ่าย การท่องเที่ยวและผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด |
• มาตรการฯ มีผลบวกต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศซึ่งคาดว่าจะส่งผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจร้อยละ 0.1-0.3 • ไตรมาส 4 ปี 2562 มีการขยายตัวของเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากการขยายตัวสาขาการขายส่งขายปลีก เช่น โรงแรม ที่พัก และร้านอาหาร ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการฯ • ยอดการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้มูลค่าการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสูงกว่าปกติอย่างมีนัยสำคัญ |
|
มิติที่ 6 ผลประโยชน์ทางอ้อม |
• ก้าวสู่สังคมไร้เงินสด • สร้างทักษะความเข้าใจและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลแก่ประชาชน • สร้างฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) เพื่อใช้วิเคราะห์เชิงลึก • เพิ่มขีดความสามารถของหน่วยงานในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ |
|
ความพึงพอใจของมาตรการฯ : ผ่านแบบสอบถามออนไลน์ ระหว่างวันที่ 31 มกราคม – 17 กุมภาพันธ์ 2563 มีผู้ตอบแบบสอบถามแบ่งเป็นประชาชน 76,382 คน และผู้ประกอบการหรือร้านค้า “ถุงเงิน” 458 ร้านค้า |
||
ประชาชน |
ความพึงพอใจ 3 ลำดับแรก ได้แก่ 1) เงินสนับสนุน 1,000 บาท ร้อยละ 74.6 2) ความปลอดภัยในการใช้งานแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ร้อยละ 74.2 3) ความสะดวกในการใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”ร้อยละ 73.9 |
|
ผู้ประกอบการ/ร้านค้า “ถุงเงิน” |
ความพึงพอใจ 3 ลำดับแรก ได้แก่ 1) ความปลอดภัยในการใช้งานแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ร้อยละ 86.6 2) ความสะดวกในการรับเงินผ่านแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ร้อยละ 84.9 3) ขั้นตอนและรูปแบบการลงทะเบียน ร้อยละ 70.5 |
3. สรุปภาพรวมการดำเนินการ พบว่า มาตรการได้ส่งผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจโดยมีการกระจายตัวของการใช้จ่ายครอบคลุมทั่วประเทศและลงไปถึงร้านค้ารายย่อย รวมทั้งได้ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของประชาชนให้มีความรู้เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล การผลักดันให้ประเทศเข้าสู่สังคมไร้เงินสด และการสร้างฐานข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อใช้ในการวิเคราะห์เชิงลึกต่อไป
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 10 พฤศจิกายน 2563
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396
A11246
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ