ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับงบประมาณเงินอุดหนุนวัดของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Thursday, 29 October 2020 11:23
- Hits: 8504
ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับงบประมาณเงินอุดหนุนวัดของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
คณะรัฐมนตรีรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับงบประมาณเงินอุดหนุนวัดของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) เสนอ และให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอแนะฯ ดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการ โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย
สาระสำคัญของเรื่อง
คณะกรรมการ ป.ป.ช. รายงานว่า
1. เนื่องจากปรากฏข้อเท็จจริงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรณีการตรวจสอบพบการทุจริตงบประมาณเงินอุดหนุนของ พศ. ซึ่งประกอบด้วยงบประมาณประเภทเงินอุดหนุน 3 ประเภท ได้แก่ 1) งบประมาณเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัด 2) งบประมาณเงินอุดหนุนการส่งเสริมเผยแผ่พระพุทธศาสนา และ 3) งบประมาณเงินอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรมโดยเป็นเรื่องที่อยู่ระหว่างการดำเนินการของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ และกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งจากการศึกษาพฤติการณ์/รูปแบบการทุจริต รวมทั้งข้อกฎหมาย ระเบียบและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณเงินอุดหนุนวัดของ พศ. พบว่า กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องสามารถเปิดช่องและเอื้อให้เจ้าหน้าที่ของรัฐแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ และเจ้าอาวาสในฐานะผู้แทนของวัด ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 ไม่มีความรู้เพียงพอในการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของแผ่นดิน ทำให้บุคคลบางกลุ่มใช้วัดเป็นเครื่องมือในการจัดสรรงบประมาณเงินอุดหนุนเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ ทำให้เกิดปัญหาและความเสี่ยงในการทุจริตตั้งแต่ขั้นตอนการจัดทำคำขอและจัดสรรงบประมาณ การเบิกจ่ายงบประมาณ และการติดตามและประเมินผล รวมทั้งการเปิดเผยข้อมูลเพื่อสร้างความโปร่งใส และการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการติดตามตรวจสอบ
2. คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาและป้องกันความเสี่ยงเกี่ยวกับการทุจริตงบประมาณเงินอุดหนุนวัดของ พศ. จึงมีข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับงบประมาณเงินอุดหนุนวัดของ พศ. รวม 5 ด้าน ดังนี้
1) ด้านการจัดทำระบบฐานข้อมูล รัฐบาลควรกำหนดให้การบูรณาการและการส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการจัดทำฐานข้อมูลของวัดเป็นวาระแห่งชาติ โดย พศ. ต้องมีระบบฐานข้อมูลกลางข้อมูลการจัดทำคำขอและการจัดสรรงบประมาณ การบริหารงบประมาณและการติดตามและประเมินผล โดยนำข้อมูลเดิมมาจัดทำเป็นข้อมูลรูปแบบดิจิทัลในฐานข้อมูลกลาง รวมทั้งควรจัดทำระบบสารสนเทศรองรับการใช้งานข้อมูลจากฐานข้อมูลกลางในรูปแบบ Web-Base Technology หรือ Mobile Application ที่ผู้ใช้งานสามารถปฏิบัติงานและเรียกดูข้อมูลบน Web Browser หรือโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ มีการรายงานข้อมูลแบบ Real-Time และเปิดเผยข้อมูลให้สาธารณชนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้
2) ด้านกระบวนการจัดทำคำขอและการจัดสรรงบประมาณ
2.1) ให้ พศ. ดำเนินการจัดทำคำขอและการจัดสรรงบประมาณ ด้านการก่อสร้างการบูรณปฏิสังขรณ์วัดและการพัฒนาวัด เป็นงบประมาณประเภทเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ
2.2) กรณีงบประมาณงบเงินอุดหนุนประเภทอื่น เช่น เงินอุดหนุนการส่งเสริมเผยแผ่พระพุทธศาสนา เงินอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม และเงินอุดหนุนอื่นๆ ให้ พศ. จัดทำหลักเกณฑ์การขอรับและการจัดสรรเงินอุดหนุนอย่างมีส่วนร่วมและเป็นธรรม สามารถวัดผลได้ในเชิงปริมาณ โดยจัดทำเป็นระเบียบหรือประกาศที่เป็นทางการ พร้อมประกาศให้สาธารณชนรับทราบ
2.3) ให้ พศ. ปรับปรุงคณะกรรมการ/คณะทำงานพิจารณาคำขอและการจัดสรรงบประมาณงบเงินอุดหนุนทั้งในระดับส่วนกลางและภูมิภาค โดยเพิ่มเติมองค์ประกอบคณะกรรมการ/คณะทำงานจากภายนอก เช่น ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้แทนผู้ตรวจราชการภาคประชาชน หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะหน่วยงานที่มีงบประมาณเงินอุดหนุนให้กับวัด เช่น กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) และ นักวิชาการด้านการบริหารจัดการ และด้านการศาสนา ตามความเหมาะสมโดยมีหน้าที่และอำนาจในการพิจารณาคำขอและการจัดสรรงบประมาณงบเงินอุดหนุน การจัดทำแผนบูรณาการด้านงบประมาณเงินอุดหนุนวัด จัดทำฐานข้อมูลต่างๆ ของวัดที่สำคัญ เช่น ข้อมูลพื้นฐานและความจำเป็นของวัด ข้อมูลการอุดหนุนงบประมาณของหน่วยงานภาครัฐ ข้อมูลฐานะการเงินและรายรับ-รายจ่ายของวัด ข้อมูลศาสนสถาน ข้อมูลโรงเรียนพระปริยัติธรรม ข้อมูลจำนวนพระภิกษุ-สามเณร และการตรวจสอบ ติดตามและประเมินผล การเบิกจ่ายงบประมาณงบเงินอุดหนุน รวมทั้งการประเมินศรัทธาของประชาชนที่มีต่อวัดด้วย
2.4) การจัดทำคำขอและการพิจารณางบประมาณงบเงินอุดหนุนของ พศ. ควรให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงและฐานข้อมูลจริง รวมทั้งให้พิจารณาจากข้อมูลฐานะการเงินและรายรับ-รายจ่ายของวัด ประกอบด้วย และให้มีการประมาณรายละเอียดค่าใช้จ่ายของโครงการที่จะขอรับงบประมาณให้ชัดเจน
3) ด้านการเบิกจ่ายงบประมาณ
3.1) ให้ พศ. ประสานงานและสนับสนุนให้วัดหรือผู้ได้รับงบประมาณงบเงินอุดหนุน ต้องจัดทำแผนการใช้จ่ายเงินที่ชัดเจน และในการใช้จ่ายงบเงินอุดหนุนของวัดไม่ควรเบิกจ่ายล่วงหน้าก่อนมีแผนการใช้จ่ายเงิน และให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติของกระทรวงการคลัง (กค.) เรื่อง การเบิกจ่ายงบประมาณงบเงินอุดหนุนอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการจัดเก็บเอกสารหลักฐานการจ่ายเงินงบประมาณ เพื่อให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบ ทั้งนี้ ให้มีการรายงานผลการเบิกจ่ายและใช้งบประมาณงบเงินอุดหนุนตามแนวทางที่ พศ. กำหนด และให้ พศ. ดำเนินตามหน้าที่และอำนาจเกี่ยวกับบัญชีรายรับ-รายจ่ายของวัด ตามกฎกระทรวงและมติมหาเถรสมาคมที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
3.2) ให้ พศ. ร่วมกับกรมบัญชีกลางจัดทำคู่มือ/แนวทางปฏิบัติในการใช้และการเบิกจ่ายงบประมาณให้ชัดเจนและเป็นมาตรฐานเดียวกัน พร้อมมีการให้คำแนะนำ/ความรู้แก่วัดและผู้ได้งบประมาณงบเงินอุดหนุนจาก พศ.
4) ด้านการติดตามและประเมินผล พศ. ต้องให้ความสำคัญกับการตรวจสอบ ติดตาม และการประเมินผลการใช้จ่ายงบประมาณงบเงินอุดหนุน เพื่อให้เป็นไปตามแผนงาน/โครงการ วัตถุประสงค์และงบประมาณที่ได้รับ ทั้งนี้ อาจมีการบูรณาการกับหน่วยงานด้านการตรวจสอบและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้แทนผู้ตรวจราชการภาคประชาชน ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และภาคประชาชน เพื่อร่วมกันติดตามและประเมินผลการใช้จ่ายงบประมาณงบเงินอุดหนุน พร้อมการเปิดเผยรายงานผลการติดตามและประเมินผลของโครงการต่อสาธารณะ
5) ด้านการแจ้งเบาะแส
5.1) ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต พศ. ควรเป็นหน่วยงานส่งเสริมสนับสนุน และให้ความรู้กับเจ้าหน้าที่ภายในหน่วยงาน เพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนและวิธีการ ตลอดจนสิทธิที่ได้รับในการแจ้งเบาะแสการทุจริตตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันฯ พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 และกฎ ก.พ.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการให้บำเหน็จความชอบ การกันเป็นพยาน การลดโทษและการให้ความคุ้มครองพยาน พ.ศ. 2553
5.2) กำหนดให้มีช่องทางในการรับเรื่องร้องเรียน/ร้องทุกข์จากพระภิกษุและประชาชน และควรกำหนดกระบวนการจัดการเรื่องร้องเรียน/ร้องทุกข์ให้ชัดเจน และมีความรวดเร็ว
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 28 ตุลาคม 2563
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396
A10717
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ