ยุทธศาสตร์การจัดตั้งเครือข่ายศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ สถาบันทางการแพทย์ และสถาบันการศึกษาต่างๆ ในภาพรวมของประเทศในระยะยาว (5 - 10 ปี)
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Wednesday, 07 October 2020 23:23
- Hits: 3419
ยุทธศาสตร์การจัดตั้งเครือข่ายศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ สถาบันทางการแพทย์ และสถาบันการศึกษาต่างๆ ในภาพรวมของประเทศในระยะยาว (5 - 10 ปี)
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบยุทธศาสตร์การจัดตั้งเครือข่ายศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ สถาบันทางการแพทย์ และสถาบันการศึกษาต่างๆ ในภาพรวมของประเทศ ในระยะยาว (5 – 10 ปี) (ยุทธศาสตร์ฯ) ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เสนอ
สาระสำคัญของเรื่อง
สธ. รายงานว่า
1. สธ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) ในระดับกระทรวง [สธ. กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กระทรวงกลาโหม (กห.) และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ] และระดับหน่วยงาน (คณะแพทยศาสตร์ของ 19 มหาวิทยาลัยกับ 12 เขตสุขภาพ) จัดทำยุทธศาสตร์ฯ เพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงของระบบบริการสุขภาพที่มีประสิทธิภาพ ลดช่องว่างการเข้าถึงบริการสุขภาพของประชาชน จัดทำแผนกำลังคนตามการจัดระบบบริการโดยเขตสุขภาพ ของ สธ. (Service delivery & HR blueprint) สนับสนุนการกระจายบุคลากรทางการแพทย์ในพื้นที่ขาดแคลน รวมทั้งจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ฯ ที่กระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ โดยขยายผลสู่การสร้างเครือข่ายศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ฯ ซึ่งประกอบด้วย 6 ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ (ศูนย์ฯ) ตามเขตพื้นที่การปกครองของกระทรวงมหาดไทย (มท.) ซึ่งแต่ละศูนย์ฯ ประกอบด้วยเครือข่ายหลักและเครือข่ายร่วม อาทิ พื้นที่ภาคเหนือมีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เป็นเครือข่ายหลัก และมีเครือข่ายร่วม เช่น โรงพยาบาลนครพิงค์ โรงพยาบาลพุทธชินราชพิษณุโลก โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ เป็นต้น ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์ฯ ประกอบด้วย 3 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (1) การสร้างความสามารถในการแข่งขันระหว่างประเทศ (2) การสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบสุขภาพ (3) การลดความเหลื่อมล้ำของการได้รับบริการและสถานพยาบาล ซึ่งมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. วิสัยทัศน์
ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางความเป็นเลิศทางการแพทย์
2. พันธกิจ
พัฒนาและส่งเสริม
• ขีดความสามารถของประเทศไทยในการแข่งขันด้านสุขภาพกับต่างประเทศ
• ให้มีสถานบริการสุขภาพระดับ Excellence Center ครอบคลุมทุกภาค
• สถาบันการศึกษามีความเป็นเลิศทางด้านการศึกษาทางการแพทย์ในระดับนานาชาติ
• การสร้างนวัตกรรม และการวิจัยทางด้านสุขภาพ
3. จุดมุ่งหมาย
• ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ระดับทุติยภูมิและตติยภูมิได้อย่างสะดวก ทั่วถึง เพียงพอ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
• การบริการทางการแพทย์สามารถแข่งขันกับนานาชาติ เพื่อให้ประเทศไทยมีความเป็นเลิศด้านบริการทางการแพทย์ สถาบันการศึกษา และการวิจัยทางการแพทย์
• เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติได้ โดยใช้ประโยชน์จากทรัพยากรสุขภาพ และศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ ให้เกิดความคุ้มค่า เต็มศักยภาพ
• เกิดการพัฒนาในระดับความเป็นเลิศอย่างยั่งยืน ส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในประเทศและการพัฒนาศักยภาพรองรับการให้บริการด้านสุขภาพในระดับสากล
4. เป้าประสงค์
• ศูนย์กลางบริการสุขภาพ (Medical Service Excellence Center)
• ศูนย์กลางการศึกษาด้านการแพทย์ (Academic Excellence Center)
• ศูนย์กลางการวิจัยทางการแพทย์ (Research Excellence Center)
5. ตัวชี้วัด
1. อัตราการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรจากโรคหัวใจ มะเร็ง การบาดเจ็บ และการแพทย์ฉุกเฉิน ทารกแรกเกิดลดลงตามเป้าที่กำหนด (ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ด้านสาธารณสุข)
2. การส่งต่อออกนอกเขตสุขภาพลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
3. อายุคาดเฉลี่ยเมื่อแรกเกิดไม่น้อยกว่า 80 ปี
6. กรอบยุทธศาสตร์
ยุทธศาสตร์ที่ 1 การสร้างความสามารถในการแข่งขันระหว่างประเทศ (Competitive Advantage)
• เน้นการให้บริการด้วยเทคโนโลยีใหม่ การพัฒนาการศึกษาเฉพาะทาง
• การพัฒนางานวิจัยในระดับสากล หรือการสร้างองค์ความรู้ใหม่
ยุทธศาสตร์ที่ 2 การสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบสุขภาพ (Health Service System Strengthening)
• เน้นการพัฒนาระบบการส่งต่อนอกเขตเฉพาะโรคที่มีความซับซ้อน ยุ่งยาก การพัฒนาเทคโนโลยีที่สำคัญ การผลิตแพทย์เฉพาะทาง
• การพัฒนางานวิจัยในระดับประเทศหรือระดับสากล
ยุทธศาสตร์ที่ 3 การลดความเหลื่อมล้ำของการได้รับบริการและสถานพยาบาล (Disparity of Services Rendering) เน้นการพัฒนาด้านพื้นฐานในเขตสุขภาพ 5 สาขาหลัก ได้แก่
• หัวใจและหลอดเลือด
• มะเร็ง
• การบาดเจ็บและการแพทย์ฉุกเฉิน
• ทารกแรกเกิด
• การปลูกถ่ายอวัยวะ
โดยยุทธศาสตร์ฯ ได้กำหนดผลที่คาดว่าจะได้รับ งบประมาณ รวมทั้งการติดตามและประเมินผล ดังนี้
2. สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้เห็นชอบในหลักการและให้ปรับปรุงยุทธศาสตร์ฯ โดยมุ่งเน้นใน 5 ประเด็นสำคัญ ซึ่ง สธ. ได้ดำเนินการปรับปรุงรายละเอียดดังกล่าวแล้ว ก่อนเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณา
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 6 ตุลาคม 2563
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396
A10135
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ