มติคณะรัฐมนตรี แต่งตั้ง 13 สิงหาคม 2563 (6)
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Saturday, 15 August 2020 02:27
- Hits: 8425
มติคณะรัฐมนตรี แต่งตั้ง 13 สิงหาคม 2563
แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 242 /2563 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน
โดยที่การแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน การยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน และการเสริมสร้างศักยภาพในการพัฒนาประเทศ เป็นสิ่งที่กำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่แถลงต่อรัฐสภา ซึ่งหน่วยงานที่รับผิดชอบได้ดำเนินการอยู่แล้วตามกรอบอำนาจในกฎหมาย กำลังงบประมาณความพร้อมของบุคลากร และความต้องการของประชาชน แต่เนื่องจากต่อมาได้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด – 19) เมื่อปลาย พ.ศ. 2562 ซึ่งนอกจากจะส่งผลกระทบกระเทือนโดยตรงต่อชีวิต และสุขภาพอนามัยของผู้คนทั่วโลกเกือบ 20 ล้านคนแล้ว ยังเชื่อมโยงไปกระทบถึงการประกอบอาชีพการงาน และการดำเนินชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนที่ไม่ได้เจ็บป่วยจากโรคระบาดดังกล่าวอย่างกว้างขวางอีกด้วยแม้ประเทศไทยจะบริหารจัดการในส่วนของระบบสาธารณสุขได้ผลดีเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ แต่ก็ได้รับผลกระทบที่แผ่ขยายและเชื่อมโยงไปถึงเศรษฐกิจและสังคมของประเทศด้วยอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้และไม่เคยปรากฏมาก่อนทั้งในภาพรวมของประเทศ และความเดือดร้อนของประชาชนในสังคมเมืองและสังคมชนบทเป็นรายบุคคล นอกจากนั้นยังมีผู้ได้รับความทุกข์ยากเพิ่มขึ้นจากความลำบากยากจนหรือการป่วยด้วยโรคภัยไข้เจ็บอื่นอยู่ก่อนแล้ว การเข้าไม่ถึงบริการความช่วยเหลือจากรัฐ การประสบภัยธรรมชาติ หรือการไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ ดังนั้นจึงสมควรจัดให้มีการติดตาม เร่งรัด ช่วยเหลือเยียวยา และขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาดังกล่าวในระดับพื้นที่โดยเริ่มจากปัญหาที่เป็นความเดือดร้อนเร่งด่วนเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรมและรวดเร็วทันเหตุการณ์ โดยบูรณาการการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วนในพื้นที่แต่ละจังหวัดอย่างเป็นระบบตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง การดำเนินชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) และแนวคิดการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11(6) และ (9) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี จึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้
1. ให้มีคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันโดยมีองค์ประกอบหน้าที่และอำนาจ ดังนี้
1.1 องค์ประกอบ
(1) นายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการ
(2) รองนายกรัฐมนตรี กรรมการ
(3) รัฐมนตรีทุกคน กรรมการ
(4) ปลัดกระทรวงมหาดไทย กรรมการ และเลขานุการร่วม
(5) ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กรรมการ และเลขานุการร่วม
(6) เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการ และเลขานุการร่วม
ให้เลขานุการร่วมแต่งตั้งข้าราชการจำนวนหนึ่ง เป็นผู้ช่วยเลขานุการตามความจำเป็น
ในกรณีมีปัญหาหรือข้อพิจารณาเกี่ยวกับพื้นที่ใดเป็นการเฉพาะ นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานกรรมการอาจเรียกประชุมเฉพาะรองนายกรัฐมนตรีที่มอบหมายให้กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคที่เกี่ยวข้อง รัฐมนตรีที่มอบหมายให้รับผิดชอบพื้นที่จังหวัดที่เกี่ยวข้องและกรรมการและเลขานุการร่วมก็ได้ ในกรณีเช่นนี้ให้ถือว่ามติคณะกรรมการในวรรคนี้เป็นมติคณะกรรมการอำนวยการแนวคิดขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน และให้เลขานุการรายงานคณะกรรมการดังกล่าวเพื่อทราบในการประชุมครั้งต่อไป
1.2 หน้าที่และอำนาจ
กำกับ ติดตาม เร่งรัด ช่วยเหลือเยียวยา และขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาในระดับพื้นที่โดยเริ่มจากปัญหาที่เป็นความเดือดร้อนเร่งด่วนเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรมและรวดเร็วทันเหตุการณ์
2. ในระดับพื้นที่เขตตรวจราชการ ให้รองนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคเป็นผู้รับผิดชอบแนวคิดขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันในเขตตรวจราชการที่เกี่ยวข้อง
3. ในระดับพื้นที่จังหวัด นายกรัฐมนตรีอาจมอบหมายให้รัฐมนตรีคนหนึ่งรับผิดชอบในระดับพื้นที่จังหวัดตามที่กำหนดเพื่อประโยชน์ในการดำเนินการคำสั่งนี้
การรับผิดชอบในระดับพื้นที่จังหวัด หมายถึงการให้คำปรึกษาแก่คณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับจังหวัดตามข้อ 4 การสนับสนุนการปฏิบัติงานของคณะกรรมการดังกล่าวและการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องที่เกินศักยภาพของคณะกรรมการนั้นตามที่คณะกรรมการรายงานให้ทราบ ทั้งนี้ ในกรณีเป็นเรื่องที่สำคัญให้รัฐมนตรีแจ้งปัญหาหรือผลการดำเนินการด้วยวาจาหรือลายลักษณ์อักษรให้รองนายกรัฐมนตรีที่รับผิดชอบเขตตรวจราชการที่เกี่ยวข้องทราบและหากเห็นว่าเป็นเรื่องนโยบาย เรื่องเกินศักยภาพของหน่วยงาน เรื่องที่ควรใช้เป็นต้นแบบในการแก้ปัญหาในจังหวัดอื่น หรือเป็นเรื่องที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบรุนแรงในอนาคตให้รายงานนายกรัฐมนตรี หรือคณะกรรมการอำนวยการตามข้อ 1 วรรคหนึ่งหรือวรรคสามแล้วแต่กรณี
ให้รัฐมนตรีแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อช่วยในการติดตาม รับฟังและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่จังหวัดที่รับผิดชอบได้
4. ให้มี คณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับจังหวัดในแต่ละจังหวัด ยกเว้นกรุงเทพมหานคร โดยมีองค์ประกอบหน้าที่และอำนาจ ดังนี้
4.1 องค์ประกอบ
(1) ผู้ว่าราชการจังหวัด ประธานกรรมการ
(2) รองผู้ว่าราชการจังหวัดทุกคน กรรมการ
(3) ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด กรรมการ
(4) รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด กรรมการ
(5) ผู้แทนส่วนราชการในจังหวัดจำนวนไม่เกิน 4 คน กรรมการ
(6) ผู้แทนหน่วยทหารในจังหวัดจำนวน 1 คน กรรมการ
(7) ผู้แทนรัฐวิสาหกิจในจังหวัดจำนวน 1 คน กรรมการ
(8) ผู้แทนองค์การบริหารส่วนจังหวัดจำนวน 1 คน กรรมการ
(9) ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นในจังหวัด จำนวนไม่เกิน 2 คน กรรมการ
(10) ผู้แทนองค์กรภาคเอกชนในจังหวัดจำนวน 1 คน กรรมการ
(11) ผู้แทนสถาบันอุดมศึกษาที่จัดการเรียนการสอนในจังหวัดจำนวน 1 คน กรรมการ
(12) ผู้แทนภาคประชาชนหรือประชาสังคมในจังหวัดจำนวน 1 คน กรรมการ
(13) ผู้ได้รับการยอมรับว่าเป็นปราชญ์ชาวบ้านในจังหวัดจำนวน 1 คน กรรมการ
(14) ผู้แทนคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด จำนวน 1 คน กรรมการ
(15) ผู้ทรงคุณวุฒิในด้านต่างๆ อันจะยังประโยชน์แก่การพัฒนาและการแก้ปัญหาในจังหวัด จำนวนไม่เกิน 3 คน กรรมการ
(16) ปลัดจังหวัด กรรมการ และเลขานุการร่วม
(17) หัวหน้าสำนักงานจังหวัด กรรมการ และเลขานุการร่วม
กรรมการซึ่งเป็นผู้แทนหน่วยงานตาม (5) ถึง (14) ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดประสานขอคำแนะนำรายชื่อจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรืออาจแต่งตั้งตามที่เห็นสมควรรวมทั้งการปรับปรุงรายชื่อ ตามความเหมาะสมโดยกรรมการผู้นั้นต้องเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่หรือทำงานหรือมีภูมิลำเนาในจังหวัดนั้น ในกรณีที่จังหวัดใดไม่มีหน่วยงานตามที่กำหนดหรือกรรมการว่างลงหรือยังไม่อาจแต่งตั้งกรรมการในลำดับใดให้ครบจำนวนได้ ให้กรรมการเท่าที่มีอยู่เป็นคณะกรรมการตามข้อนี้
4.2 หน้าที่และอำนาจ
(1) ติดตาม รับฟัง และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเร่งด่วนในจังหวัด และจัดให้มีการตอบสนองความต้องการของประชาชนในจังหวัดให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม และรวดเร็วทันเหตุการณ์ในกรณีที่เกินขีดความสามารถหรือศักยภาพของจังหวัด ให้รายงานรัฐมนตรีที่รับผิดชอบในระดับพื้นที่จังหวัด
(2) บูรณาการการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนในพื้นที่อย่างเป็นระบบ เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน การยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน และการเสริมสร้างศักยภาพในการพัฒนาประเทศตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง แนวคิดชีวิตวิถีใหม่และการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน
(3) สร้างความตระหนักรู้ ความเข้าใจแก่ประชาชน ให้เห็นความจำเป็นในการร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ การสร้างความสามัคคีปรองดอง รวมทั้งสร้างการรับรู้ให้ประชาชนเข้าใจหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และความสำคัญของสถาบันหลักของชาติในฐานะศูนย์รวมจิตใจของประชาชน
(4) ประสานการปฏิบัติและติดตามประเมินผลการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนและการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ เพื่อสนองตอบความต้องการของประชาชน
(5) รายงานผลการดำเนินการให้กระทรวงมหาดไทยทราบเป็นระยะตามที่กระทรวงมหาดไทยกำหนด
(6) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีที่รับผิดชอบพื้นที่จังหวัดมอบหมาย
4.3 ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับจังหวัดแล้วส่งสำเนาคำสั่งให้กระทรวงมหาดไทยทราบทุกครั้งที่มีการแต่งตั้งหรือเปลี่ยนแปลงคำสั่งเพื่อรายงานนายกรัฐมนตรีผ่านรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
4.4 ในกรณีมีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามคำสั่งนี้ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหารือกระทรวงมหาดไทยเพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปตามแนวทางเดียวกัน
5. ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับจังหวัดคณะแรกให้แล้วเสร็จและจัดให้มีการประชุมครั้งแรกภายใน 30 วันโดยกำหนดประเด็นกลุ่มปัญหาที่เป็นความเดือดร้อนหรือความจำเป็นเร่งด่วนของจังหวัด แนวทาง แผนและขั้นตอนการดำเนินการ ขีดความสามารถของจังหวัด และแนวทางการบูรณาการการทำงานร่วมกันและการระดมทรัพยากรของภาคส่วนต่างๆ มาใช้ในการแก้ปัญหา
ในการดำเนินการของคณะกรรมการดังกล่าว ให้คำนึงถึงยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ความเร่งด่วนของปัญหา ความต้องการของประชาชน และข้อเสนอแนะของสมาชิกรัฐสภาด้วย
ให้ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้ตรวจราชการทุกกระทรวงในเขตพื้นที่ตรวจราชการที่เกี่ยวข้องให้คำแนะนำ ช่วยเหลือ และประสานงานกับหน่วยราชการที่ตนสังกัดเพื่อช่วยในการสามารถขับเคลื่อนการดำเนินงานระดับจังหวัดได้
6. สำหรับการเบิกจ่ายเบี้ยประชุมและค่าใช้จ่ายของคณะกรรมการให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. 2547 โดยเบิกจ่ายจากกระทรวงมหาดไทย
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2563 เป็นต้นไป
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 13 สิงหาคม 2563
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396
AO8389
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ