ผลการดำเนินงานโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Thursday, 18 June 2020 14:26
- Hits: 4529
ผลการดำเนินงานโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอดังนี้
1. รับทราบสถานะการดำเนินโครงการ และการติดตามความก้าวหน้าการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 (โครงการเงินกู้ฯ) ที่ยังไม่แล้วเสร็จ
2. ให้กระทรวงต้นสังกัดเร่งรัดและติดตามผลการดำเนินโครงการที่ยังไม่แล้วเสร็จที่ประสงค์จะดำเนินการต่อโดยใช้เงินจากแหล่งอื่น ดำเนินงานให้แล้วเสร็จตามวัตถุประสงค์และเบิกจ่ายเงินให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว รวมทั้งกำกับดูแลให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินงานตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการอย่างเคร่งครัด และขอให้หน่วยงานเจ้าของโครงการรายงานความก้าวหน้าของงาน แผนการใช้จ่ายเงิน และผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณจากแหล่งอื่นให้ กค. [สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.)] ทราบภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไป จนกว่าจะดำเนินโครงการแล้วเสร็จ
3. ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการ ส่งคืนเงินคงเหลือจากการดำเนินโครงการในกรณีเบิกเงินจากคลังไปแล้ว แต่ไม่ได้จ่าย หรือจ่ายไม่หมดหรือได้รับเงินคืน เข้าบัญชีเงินฝาก กค. ชื่อบัญชี “เงินฝากเงินกู้สำหรับโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน” ให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2563 พร้อมแนบเอกสารหลักฐานการส่งคืนเงินเข้าบัญชีดังกล่าวให้ กค. (สบน.) ด้วย เพื่อให้ กค. นำเงินที่เหลือในบัญชีส่งคืนคลังและดำเนินการปิดบัญชีดังกล่าวตามระเบียบต่อไป ทั้งนี้ หากหน่วยงานเจ้าของโครงการไม่สามารถส่งคืนเงินคงเหลือภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการนำเงินนั้นส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินเองตามระเบียบการนำเงินส่งคลังที่เกี่ยวข้อง และรายงาน กค. (สบน.) ทราบต่อไป
4. ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการ เร่งดำเนินการส่งคืนกรอบวงเงินเหลือจ่ายจากการจัดสรรไปที่สำนักงบประมาณ (สงป.) และแจ้งผลการส่งคืนเงินเหลือจ่ายที่เสร็จสิ้นแล้วให้ กค. (สบน.) ทราบภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2563 ด้วย
5. ให้กรมทรัพยากรน้ำที่มีโครงการที่ยังไม่แล้วเสร็จและอยู่ระหว่างการยกเลิกโครงการและยกเลิกการใช้เงินกู้ ดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบว่าด้วยการพัสดุ รวมถึงกฎหมายและระเบียบอื่นที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดโดยเร็ว และเสนอขอความเห็นชอบต่อรัฐมนตรีต้นสังกัดเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีขออนุมัติยกเลิกโครงการและยกเลิกการใช้เงินกู้ต่อไป ทั้งนี้ ในกรณีที่มีเงินคงเหลือของโครงการ ขอให้ส่งคืนเข้าบัญชีเงินฝาก กค. ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน พ.ศ. 2558 ข้อ 20 ให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2563 พร้อมแนบเอกสารหลักฐานการส่งคืนเงินนั้นให้ กค. (สบน.) ทราบด้วย และหากไม่สามารถส่งคืนเงินคงเหลือภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้กรมทรัพยากรน้ำนำเงินนั้นส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินเองตามระเบียบการนำเงินส่งคลังที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ ให้ กค. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
สาระสำคัญของเรื่อง
กระทรวงการคลังเสนอคณะรัฐมนตรีรับทราบ ดังนี้
1. สถานการณ์ดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 โดยมีโครงการที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ดำเนินการทั้งสิ้น 4,014 โครงการ 16 หน่วยงาน หน่วยงานเจ้าของโครงการได้ดำเนินโครงการแล้วเสร็จ จำนวน 3,973 โครงการ อยู่ระหว่างดำเนินโครงการ จำนวน 20 โครงการ และยกเลิกโครงการ จำนวน 21 โครงการ มีผลการเบิกจ่ายเงินตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ (เมื่อเดือนกรกฎาคม 2558) ถึงวันที่ 30 กันยายน 2562 รวม 72,121.3496 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 93.26 ของวงเงินที่สำนักงบประมาณจัดสรร
กรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2558 78,294.8445 ล้านบาท
กรอบวงเงินที่สำนักงบประมาณจัดสรร 77,333.5246 ล้านบาท
ผลการเบิกจ่ายเงินตั้งแต่เริ่มต้นโครงการถึงวันที่ 30 กันยายน 2562 72,121.3496 ล้านบาท (ร้อยละ 93.26 ของวงเงินที่สำนักงบประมาณจัดสรร)
1. แผนงาน/โครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ 2558 (เพิ่มเติม) 32,688.2929 ล้านบาท
2. แผนพัฒนาระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน 38,319.5933 ล้านบาท
3. โครงการพัฒนาระบบ CCTV และเทคโนโลยีอื่นที่เหมาะสมเพื่อการควบคุมทางศุลกากรรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ของกรมศุลกากร 1,113.4634 ล้านบาท
2. การติดตามความก้าวหน้าการดำเนินโครงการเงินกู้ฯ ที่ยังไม่แล้วเสร็จ แบ่งเป็น
(1) โครงการที่หน่วยงานเจ้าของโครงการที่ดำเนินการและเบิกจ่ายไม่ทัน ในวันที่ 30 กันยายน 2562 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2562 และหน่วยงานเจ้าของโครงการประสงค์จะดำเนินโครงการต่อ จำนวน 3 หน่วยงาน (กรมชลประทาน สำนักงานสถิติแห่งชาติ และกรมทรัพยากรน้ำ) จำนวน 20 โครงการ วงเงินจัดสรร 3,024.3221 ล้านบาท โดยจะใช้เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีของหน่วยงานเองหรือแหล่งเงินอื่นดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงต้นสังกัดเร่งรัดและติดตามผลการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามวัตถุประสงค์และเบิกจ่ายเงินให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว รวมทั้งกำกับดูแลให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินงานตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการอย่างเคร่งครัด และขอให้หน่วยงานเจ้าของโครงการรายงานความก้าวหน้าของงาน แผนการใช้จ่ายเงิน และผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณจากแหล่งอื่นให้กระทรวงการคลัง (สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ) ทราบภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไปจนกว่าจะดำเนินโครงการแล้วเสร็จ และ
(2) กรมทรัพยากรน้ำมีความประสงค์จะขอยกเลิกโครงการและยกเลิกการใช้เงินกู้ จำนวน 2 โครงการ คือ โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำหนองสมอ ตำบลโนนคอม อำเภอภูผาม่าน จังหวัดขอนแก่น และโครงการศึกษาและพัฒนาการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการระบบแหล่งน้ำและทางน้ำธรรมชาติอย่างเหมาะสมและยั่งยืน โดยกระทรวงการคลังขอให้กรมทรัพยากรน้ำดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบว่าด้วยการพัสดุ รวมถึงกฎหมายและระเบียบอื่นที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดโดยเร็ว และเสนอขอความเห็นชอบต่อรัฐมนตรีต้นสังกัดเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีขออนุมัติยกเลิกโครงการและยกเลิกการใช้เงินกู้ต่อไป ทั้งนี้ ในกรณีที่มีเงินคงเหลือของโครงการ ขอให้ส่งคืนเข้าบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลัง ชื่อบัญชี “เงินฝากเงินกู้สำหรับโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน” ภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2563 พร้อมแนบเอกสารหลักฐานการส่งคืนเงินนั้นให้กระทรวงการคลัง (สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ) ทราบด้วย และหากไม่สามารถส่งคืนเงินคงเหลือภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้กรมทรัพยากรน้ำนำเงินนั้นส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินเองตามระเบียบการนำเงินส่งคลังที่เกี่ยวข้องต่อไป
โดยที่หน่วยงานเจ้าของโครงการได้ดำเนินโครงการและเบิกเงินกู้เสร็จสิ้นแล้วในเดือนกันยายน 2562 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2562 อย่างไรก็ตาม มี 2 หน่วยงานที่แจ้งผลการคืนเงินเหลือจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลังฯ ให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะทราบ จำนวน 65.1476 ล้านบาท ได้แก่ กรมทางหลวง และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) สำหรับที่เหลือจำนวน 13 หน่วยงาน (ไม่รวมกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยที่ไม่มีผลเบิกจ่ายเนื่องจากคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2562 ยกเลิกโครงการทั้งหมดภายใต้ความรับผิดชอบแล้ว) ขอให้ส่งคืนเงินคงเหลือจากการดำเนินโครงการในกรณีเบิกเงินจากคลังไปแล้ว แต่ไม่ได้จ่าย หรือจ่ายไม่หมด หรือได้รับคืน เข้าบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลังฯ ให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2563 พร้อมแนบเอกสารหลักฐานการส่งคืนเงินเข้าบัญชีดังกล่าวให้กระทรวงการคลัง (สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ) ด้วย เพื่อให้กระทรวงการคลังนำเงินที่เหลือในบัญชีส่งคืนคลังและดำเนินการปิดบัญชีดังกล่าวตามระเบียบต่อไป ทั้งนี้ หากหน่วยงานเจ้าของโครงการไม่สามารถส่งคืนเงินคงเหลือภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการนำเงินนั้นส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินเองตามระเบียบการนำเงินส่งคลังที่เกี่ยวข้อง และรายงานกระทรวงการคลัง (สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ) ทราบต่อไป
นอกจากนี้ หน่วยงานเจ้าของโครงการจะต้องส่งคืนกรอบวงเงินเหลือจ่ายจากการจัดสรร (วงเงินจัดสรร – วงเงินเบิกจ่าย) ในระบบ GFMIS ของกรมบัญชีกลาง ให้สำนักงบประมาณดึงเงินกลับ จำนวนทั้งสิ้น 5,212.1750 ล้านบาท โดยปัจจุบันหน่วยงานเจ้าของโครงการได้แจ้งผลให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะทราบ เมื่อส่งคืนกรอบวงเงินเหลือจ่ายเรียบร้อยแล้ว จำนวน 1,118.2522 ล้านบาท (6 หน่วยงาน) และคงเหลือที่ยังไม่แจ้งผล จำนวน 4,093.9228 ล้านบาท (10 หน่วยงาน) ดังนั้น จึงขอให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งดำเนินการส่งคืนกรอบวงเงินเหลือจ่ายจากการจัดสรรไปที่สำนักงบประมาณและแจ้งผลการส่งคืนเงินเหลือจ่ายที่เสร็จสิ้นแล้วให้กระทรวงการคลัง (สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ) ทราบ ภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2563 ด้วย
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติพิจารณาแล้วเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยมีความเห็นเพิ่มเติมว่า ควรมีการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์โครงการของหน่วยงานที่ดำเนินการภายใต้โครงการเงินกู้ฯ ให้สามารถตอบวัตถุประสงค์ เป้าหมาย และสอดคล้องกับแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2580)
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 16 มิถุนายน 2563
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396
AO6335
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web