WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ผลการประชุมคณะกรรมการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 3/2563

GOV8ผลการประชุมคณะกรรมการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 3/2563

      คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควัด -19) ครั้งที่ 3/2563 ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ดังนี้

สาระสำคัญของเรื่อง

        เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2563 คณะกรรมการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด –19)(ศบค.) ได้จัดการประชุมครั้งที่ 3/2563 โดยมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อประเมินผลการปฏิบัติงานในการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและกำหนดมาตรการผ่อนปรนการบังคับใช้กฎหมายเพื่อลดผลกระทบด้านเศรษฐกิจ สังคม และให้ประชาชนสามารถดำรงชีวิตได้อย่างปกติยิ่งขึ้น

ผลการดำเนินการ

  1.      ประชุมพิจารณาแล้วเห็นควรนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาขยายระยะเวลา การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2563 ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2563 เพื่อเป็นเครื่องมือทางกฎหมายสนับสนุนการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ให้มีความเป็นเอกภาพ และสามารถดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที รวมทั้งเป็นการดำเนินการที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนที่เห็นควรให้รัฐบาลขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินออกไปอีกด้วย
  2.      เห็นควรคงมาตรการที่จำเป็นเมื่อมีการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อให้ภาครัฐสามารถรักษาประสิทธิภาพในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ ดังนี้

               2.1 ให้ควบคุมการเข้าราชอาณาจักร ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ สำหรับการเข้าราชอาณาจักรทางอากาศให้ขยายระยะเวลาการห้ามอากาศยานทำการบินเข้าสู่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราวออกไปอีก 1 เดือน

               2.2 ห้ามบุคคลใดทั่วราชอาณาจักรออกนอกเคหสถาน  หรือ Curfew ในระหว่างเวลา 22.00 นาฬิกา ถึง 04.00 นาฬิกา

               2.3 งดหรือชะลอการเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัดโดยไม่จำเป็น

               2.4 ห้ามประชาชนเข้าไปในพื้นที่ หรือสถานที่ซึ่งมีคนจำนวนมากไปทำกิจกรรมร่วมกัน

  1.      สำหรับแนวทางการผ่อนปรนมาตรการบังคับใช้กฎหมายภายหลังการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่ประชุมได้ร่วมกันกำหนดกรอบแนวคิดเพื่อผ่อนปรนมาตรการบังคับใช้กฎหมายให้ประชาชนสามารถดำรงชีวิตได้อย่างเป็นปกติยิ่งขึ้น และเป็นการลดผลกระทบด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม และด้านความมั่นคง ดังนี้

      3.1 ให้เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด -19 โดยการเสนอแนะของคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อพิจารณามาตรการผ่อนปรนการบังคับใช้กฎหมายในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด -19 กำหนดมาตรการผ่อนปรนการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อให้เกิดมาตรฐานกลางของประเทศและมีความเป็นเอกภาพในการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ และมอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดกำหนดรายละเอียดในการดำเนินการเพื่อให้สอดคล้องกับ                   

      1) สภาพปัญหาการแพร่ระบาดของโรคในแต่ละพื้นที่ 2) ความพร้อมในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และ 3) การได้รับความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่

      3.2 กำหนดแนวคิดการดำเนินการให้คำนึงถึงปัจจัยทางด้านการสาธารณสุขเป็นหลัก และนำปัจจัยด้านอื่น ๆ มาใช้ประกอบการพิจารณา อาทิ ปัจจัยด้านเศรษฐกิจ และปัจจัยด้านสังคม และให้คงแนวทางการทำงานที่บ้านให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 50

        3.3 สำหรับวิธีดำเนินการให้พิจารณาจากประเภทของกิจกรรมที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตเป็นลำดับแรก และมีการบังคับใช้มาตรการป้องกันโรคตามที่ราชการกำหนดควบคู่กันไปด้วยอย่างเข้มงวด อาทิ 1) การเว้นระยะห่างทางสังคม 2) การวัดอุณหภูมิ 3) การมีจุดบริการแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ/เจลล้างมือ และ 4) การจำกัดจำนวนคนในกิจกรรมให้เหมาะสมต่อกิจกรรมและสถานที่ นอกจากนี้ยังต้องจัดเจ้าหน้าที่และ/หรือใช้เทคโนโลยีเพื่อตรวจสอบการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง

      3.4 ทั้งนี้ ในช่วงที่มีการดำเนินการมาตรการผ่อนปรนจะต้องเร่งรัดให้มีการค้าหาผู้ป่วยเชิงรุก (Active case finding)โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง อาทิ กลุ่มสาขาอาชีพบริการ กลุ่มแรงงานต่างด้าว และมีการใช้เทคโนโลยีติดตามเพื่อตรวจตรากิจกรรมควบคู่กันไป เพื่อควบคุมและป้องกันมิให้เชื้อโรคโควิด-19 กลับมาแพร่ระบาดอีกด้วย

  1.    สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติยังได้ร่วมกับภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดรายละเอียดในการผ่อนปรนมาตรการบังคับใช้กฎหมาย และจะดำเนินการเมื่อมีความพร้อมภายหลังดำเนินการวิเคราะห์ความเสี่ยงของสถานประกอบการและพื้นที่ตามระดับความรุนแรงในการแพร่ระบาดของโรคที่เกิดขึ้นจริงและมีการกำหนดมาตรฐาน/คู่มือให้ผู้ประกอบการที่มีความประสงค์จะเปิดกิจการถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตรวจสอบการปฏิบัติให้เป็นไปตามมาตรฐาน รวมทั้งมีการกำหนดแอปพลิเคชัน (Application)เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการและประชาชนในการใช้บริการและเอื้อประโยชน์ด้านการรักษามาตรฐานสาธารณสุขอีกด้วย
  2.   ที่ประชุมได้ให้ข้อสังเกตเพิ่มเติมเพื่อพัฒนากรอบแนวทางการผ่อนปรนการกำหนดมาตรการผ่อนปรนการบังคับใช้กฎหมายให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น ดังนี้

        5.1 ให้ดำเนินการในกิจกรรมที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชนเป็นลำดับแรกและมีการดำเนินการพร้อมกันทั้งประเทศ ทั้งนี้กิจกรรมและพื้นที่ที่ได้รับการผ่อนปรนจะต้องเป็นไปตามแนวทางที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด

               5.2 ให้ดำเนินมาตรการผ่อนปรนตามห้วงระยะเวลา โดยกำหนดให้ดำเนินการเป็น 4 ระยะ ตามวงรอบของการประเมินผลสัมฤทธิ์ในทุกห้วงระยะเวลา 14 วัน

               5.3 ให้คงมาตรการเว้นระยะห่างระหว่างกัน (Social Distancing) ในระยะ 2 เมตร ต่อไปอย่างเคร่งครัด และให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งรัดการทำการค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกให้ครอบคลุมทุกพื้นที่โดยเฉพาะต่อกลุ่มเสี่ยง อาทิ แรงงานต่างด้าว ผู้ทำงานในภาคบริการ ผู้บริการรับส่งอาหาร (Food Delivery) และผู้ขนส่งสาธารณะ

               5.4 ให้มีเทคโนโลยีเพื่อติดตามกิจกรรมของผู้ประกอบการที่ได้รับการผ่อนปรนโดยการใช้กล้องวงจรปิด (CCTV)และจัดทำแอปพลิเคชันติดตามที่ไม่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะเรื่องการรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

               5.5 ให้จัดทำคู่มือให้สถานประกอบการที่ได้รับการผ่อนปรนถือปฏิบัติอย่างชัดเจน และเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติภายหลังยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินจึงควรกำหนดให้มีการบังคับใช้กฎหมายในภาวะปกติเป็นหลักในคู่มือดังกล่าว

               5.6 ปรับแนวทางการประชาสัมพันธ์ในห้วงระยะต่อไปให้เกิดความสมดุลระหว่างการสร้างความเชื่อมั่นถึงประสิทธิภาพของรัฐในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค และการให้ความสำคัญกับการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเยียวยาผลกระทบของประชาชน

(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 28 เมษายน 2563  

สำนักโฆษก   สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396 

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!