การขอรับจัดสรรงบประมาณโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2562/63
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Saturday, 11 April 2020 10:13
- Hits: 2188
การขอรับจัดสรรงบประมาณโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2562/63 (เพิ่มเติม)
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) เสนอดังนี้
- รับทราบการขยายเป้าหมายปริมาณข้าวเปลือก ขยายวงเงินสินเชื่อและขยายระยะเวลาการจัดทำสัญญาเงินกู้ ตามโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2562/63 เพิ่มเติม ตามมติคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.)
- เห็นชอบการจัดสรรวงเงินโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือก ปีการผลิต 2562/63 วงเงินรวมทั้งสิ้น 682.86 ล้านบาท โดยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ขอจัดสรรวงเงินจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อชำระคืนต้นทุนเงินและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงจากการดำเนินโครงการฯ จนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น
- รับทราบการขอรับจัดสรรค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือกของโครงการสินเชื่อชะลอ
การขายข้าวเปลือก (เพิ่มเติม) วงเงิน 750.00 ล้านบาท จากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) โดยให้ พณ. ดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบขั้นตอนตามกฎหมายต่อไป
สำหรับ ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นและเป็นภาระต่องบประมาณนั้น ให้ ธ.ก.ส. จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามผลการดำเนินงานจริงต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
สาระสำคัญของเรื่อง
นบข. ในการประชุม ครั้งที่ 1/2563 เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2563 ได้พิจารณาและมีมติเกี่ยวกับ
การขออนุมัติการดำเนินโครงการฯ (เพิ่มเติม) ที่ ธ.ก.ส. เสนอ ดังนี้
- รับทราบผลการดำเนินโครงการฯ ณ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563 ดังนี้
ผลการดำเนินการ จำนวน
(ราย) ปริมาณข้าวเปลือก
(ตัน) สินเชื่อ
(ล้านบาท)
1) ผู้เข้าร่วมโครงการฯ ได้รับสินเชื่อแล้ว 142,884 950,310.20 9,958.72
2) ข้อมูลที่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อในระบบการจ่ายสินเชื่อตามโครงการฯ ของ ธ.ก.ส. แล้ว รอการโอนเข้าบัญชี 13,929 82,962.00 829.62
3) ข้อมูลผู้เข้าร่วมโครงการซึ่งยังมิได้บันทึกข้อมูลเตรียมการจ่ายในระบบการจ่ายสินเชื่อของ ธ.ก.ส. 60,427 421,166.00 4,211.66
รวม 217,240 1,454,438.20 15,000.00
- เห็นชอบการปรับเพิ่มเป้าหมายปริมาณข้าวเปลือก วงเงินสินเชื่อ และขยายระยะเวลาการจัดทำสัญญาเงินกู้ ของโครงการฯ ดังนี้
การปรับเพิ่ม/ขยาย เดิม มติคณะรัฐมนตรี (11 ธันวาคม 2562) เป็น
(เสนอในครั้งนี้)
1) ปรับเพิ่มเป้าหมายปริมาณข้าวเปลือกที่เข้าร่วมโครงการฯ 1 ล้านต้น 1.5 ล้านตัน
2) ปรับเพิ่มวงเงินสินเชื่อตามโครงการฯ 10,000 ล้านบาท 15,000 ล้านบาท
3) ขยายระยะเวลาการจัดทำสัญญาเงินกู้ตามโครงการฯ สิ้นสุดวันที่
29 กุมภาพันธ์ 2563 สิ้นสุดวันที่
30 เมษายน 2563 (ภาคใต้ ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2563)
- เห็นชอบการจัดสรรวงเงินโครงการฯ (เพิ่มเติม) โดยให้ ธ.ก.ส. ประสาน สงป. ในการขอรับจัดสรรวงเงินจากงบประมาณ ปี 2564 และปีถัด ๆ ไป วงเงินรวมทั้งสิ้น 682.86 ล้านบาท ตามที่ ธ.ก.ส. เสนอ เพื่อให้การดำเนินโครงการฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพโดยขอให้รัฐบาลรับภาระเงินชดเชยดอกเบี้ยให้ ธ.ก.ส. จากการให้สินเชื่อเกษตรกรหรือสถาบันเกษตรกรตามโครงการฯ ในอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำประเภท 12 เดือน ของ ธ.ก.ส. บวก 1 ต่อปี รวมถึงภาระค่าใช้จ่ายกรณีที่มีการระบายข้าว ได้แก่ ค่าขนย้ายข้าวเปลือก ต้นทุนเงิน
ค่าขนย้ายข้าว และส่วนต่างภาระขาดทุนจากการระบายข้าว โดยจำแนกเป็นค่าใช้จ่าย ดังนี้
รายการ วงเงิน (ล้านบาท)
1) ค่าชดเชยดอกเบี้ย ในอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 12 เดือน ของ ธ.ก.ส. บวก 1 ซึ่งเป็นอัตราที่ กค. สงป. และ ธ.ก.ส. ทำความตกลงในการชดเชยต้นทุนเงินให้ ธ.ก.ส. และ กค.
ได้นำผลการตกลงเสนอคณะรัฐมนตรีทราบแล้วเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2562 117.50
2) ค่าบริหารโครงการฯ ในอัตราร้อยละ 2 ต่อปี ระยะเวลา 6 เดือน ของวงเงินสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น (5,000 ล้านบาท) 50.00
3) ค่าใช้จ่ายกรณีที่มีการระบายข้าว ได้แก่ ค่าขนย้ายข้าวเปลือก ต้นทุนเงินค่าขนย้ายข้าวและส่วนต่างภาระขาดทุนจากการระบายข้าว 515.36
รวม 682.86
โดยมอบหมายกรมการค้าภายในในฐานะฝ่ายเลขานุการ นบข. นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติต่อไป
- เห็นชอบการขอรับจัดสรรค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือกโครงการฯ (เพิ่มเติม) วงเงิน 750 ล้านบาท จาก คชก. เพื่อจ่ายเป็นค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือกให้เกษตรกรที่เก็บข้าวไว้ในยุ้งฉาง ตันละ 1,500 บาท และสำหรับสถาบันเกษตรกรที่รับฝากได้รับตันละ 1,500 บาท (จำแนกเป็นสถาบันเกษตรกรได้รับตันละ 1,000 บาท และให้เกษตรกรที่นำข้าวมาฝากเก็บกับสถาบันเกษตรกรตันละ 500 บาท) (ตามข้อ 3) ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับเพิ่มเป้าหมายปริมาณข้าวเปลือกจาก 1 ล้านตัน เป็น 1.5 ล้านตัน ทั้งนี้ ต้องเก็บข้าวไว้อย่างน้อย 1 เดือน ระยะเวลาไถ่ถอน 5 เดือน โดยมอบหมาย ธ.ก.ส. จัดทำรายละเอียดการขอรับจัดสรรงบประมาณจาก คชก. และนำเสนอคณะกรรมการบริหารกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรพิจารณาต่อไป
- การดำเนินมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวของรัฐบาลเป็นกลไกหนึ่งที่ส่งผลให้ราคาข้าวเปลือกที่เกษตรกรจำหน่ายได้มีเสถียรภาพ ลดภาระค่าใช้จ่ายการชดเชยเงินตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว โดยเมื่อเปรียบเทียบราคาข้าวเปลือกในช่วงปัจจุบันกับก่อนดำเนินโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือก (ปลายเดือนพฤศจิกายน 2562) พบว่า ราคาข้าวเปลือกปรับตัวสูงขึ้นทุกชนิด โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ราคา ชนิดข้าวเปลือก (บาท/ตัน)
หอมมะลิ เจ้า ปทุมธานี เหนียว
ก่อนการดำเนินโครงการฯ (ปลายเดือนพฤศจิกายน 2562) 14,300 - 14,800 7,400 – 7,800 8,600 – 9,500 15,300 – 16,300
ปัจจุบัน (17 มีนาคม 2563) 14,800 – 15,300 8,500 – 9,400 9,700 – 10,000 15,700 – 16,900
เปลี่ยนแปลง (%) 3.44 17.76 8.84 2.52
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาราคาตลาดข้าวเปลือกหอมมะลิพบว่า ยังอยู่ในภาวะชะลอตัว และข้าวเปลือกเหนียวยังคงมีความผันผวนด้านราคา
- พณ. พิจารณาแล้วเห็นว่า เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปี 2562/63 เป็นเกษตรผู้ปลูกข้าวหอมมะลิและข้าวเปลือกเหนียวในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ ซึ่งยังเก็บข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉางและยังมีความประสงค์ขอรับสินเชื่อตามโครงการฯ เนื่องจากขณะนี้ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิยังอยู่ในภาวะชะลอตัวเมื่อเทียบกับข้าวชนิดอื่น ๆ และข้าวเปลือกเหนียวยังคงมีความผันผวนจึงควรขยายเป้าหมายปริมาณข้าวเปลือก ขยายวงเงินสินเชื่อ และขยายระยะเวลาการจัดทำสัญญาเงินกู้ตามโครงการฯ เพื่อเป็นการชะลอการขายข้าวเปลือกหอมมะลิและเพื่อจะรักษาระดับราคาข้าวเปลือกให้มีเสถียรภาพ
- พณ. ได้จัดทำรายละเอียดข้อมูลตามมาตรา 27 และ 28 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีด้วยแล้ว โดยมีประโยชน์ที่จะได้รับ เช่น ชะลอปริมาณข้าวเปลือกในช่วงผลผลิตออกสู่ตลาดในฤดูเก็บเกี่ยวไม่ให้เกินความต้องการตลาด ซึ่งจะทำให้ราคาตลาดข้าวเปลือกมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นและเกษตรกรมีช่องทางเลือกในการตัดสินใจที่จะจำหน่ายหรือเก็บรักษาข้าวเปลือกของตนเองไว้ที่ยุ้งฉางซึ่งเป็นการสร้างแรงจูงใจและสนับสนุนให้เกษตรกรผลิตข้าวเปลือกและเก็บรักษาข้าวเปลือกให้มีคุณภาพ
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 7 เมษายน 2563
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web