การพิจารณาความเหมาะสมของอัตราการเรียกเก็บเงินนำส่งจากสถาบันการเงิน
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Sunday, 08 December 2019 17:16
- Hits: 1676
การพิจารณาความเหมาะสมของอัตราการเรียกเก็บเงินนำส่งจากสถาบันการเงิน
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอการพิจารณาความเหมาะสมของอัตราเรียกเก็บเงินนำส่งจากสถาบันการเงินให้กับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยคงไว้ที่ร้อยละ 0.46 ต่อปี ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2555 (เรื่อง การดำเนินการตามพระราชกำหนดปรับปรุงการบริหารหนี้เงินกู้ที่กระทรวงการคลังกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2555) ที่กำหนดให้ กค. และ ธปท. พิจารณาความเหมาะสมของอัตราเรียกเก็บเงินนำส่งของ ธปท. โดยให้แจ้งความคืบหน้าให้คณะรัฐมนตรีทราบอย่างน้อยเป็นรายปี ซึ่ง กค. และ ธปท. ได้พิจารณาแล้วสรุปผลได้ ดังนี้
- การกำหนดให้สถาบันการเงินนำส่งเงินให้กับ ธปท.
ธปท. มีอำนาจเรียกให้สถาบันการเงินนำส่งเงิน เป็นอัตราร้อยละต่อปีของยอดเงินฝากถัวเฉลี่ยของบัญชีที่ได้รับการคุ้มครองเงินฝากตามที่ ธปท. ประกาศกำหนด แต่เมื่อรวมอัตราดังกล่าวกับอัตราที่กำหนดให้สถาบันการเงินนำส่งเข้ากองทุนคุ้มครองเงินฝากต้องไม่เกินร้อยละหนึ่งต่อปีของยอดเงินฝากถัวเฉลี่ยของบัญชีที่ได้รับการคุ้มครองเงินฝากตามพระราชกำหนดปรับปรุงการบริหารหนี้เงินกู้ที่กระทรวงการคลังกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2555 และ ธปท. ยังได้ประกาศกำหนดอัตราเงินนำส่งที่สถาบันการเงินจะต้องนำส่งเงินให้แก่ ธปท. ในอัตราร้อยละ 0.46 ต่อปี ของ (1) ยอดเงินฝากถัวเฉลี่ยของบัญชีที่ได้รับการคุ้มครอง และ (2) ยอดเงินที่ได้รับจากประชาชน ณ วันที่ 2 พฤษภาคม 2555 (รายละเอียดตามประกาศ ธปท. ที่ สกส. 3/2555 เรื่อง การกำหนดอัตราเงินนำส่ง หลักเกณฑ์ และวิธีการ ในการส่งเงินนำส่ง และการนำส่งเงินเพิ่มเข้าบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ประกาศ ณ วันที่ 2 พฤษภาคม 2555)
- การชำระคืนต้นเงินกู้ที่ กค. กู้ และยอดคงค้างต้นเงินกู้ FIDF1 และ FIDF3
ตั้งแต่พระราชกำหนดปรับปรุงการบริหารหนี้เงินกู้ที่กระทรวงการคลังกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2555 มีผลบังคับใช้ (วันที่ 27 มกราคม 2555 – 31 กรกฎาคม 2562) ได้มีการชำระคืนต้นเงินกู้ที่ กค. กู้ ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2541 (FIDF1) และพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. 2545 (FIDF3) เป็นจำนวน 304,389.68 ล้านบาท แต่ยังมียอดคงค้างต้นเงินกู้ FIDF1 และ FIDF3 อีกจำนวนทั้งสิ้น 819,616.21 ล้านบาท ทั้งนี้ ในส่วนของเงินนำส่งจากสถาบันการเงินให้กับ ธปท. นั้น ธปท. ได้นำเงินดังกล่าวไปชำระต้นเงินกู้ ดอกเบี้ย และค่าบริหารจัดการเกี่ยวกับ FIDF1 และ FIDF3 เป็นจำนวนทั้งสิ้น 366,867.67 ล้านบาท
- การพิจารณาความเหมาะสมของอัตราเรียกเก็บเงินนำส่งจากสถาบันการเงินและประเมินระยะเวลาในการชำระคืนเงินกู้ FIDF1 และ FIDF3 ตามความเห็นของ ธปท. ดังนี้
ความเห็น ของ ธปท.
- อัตราเรียกเก็บเงินนำส่ง เห็นควรให้คงอัตราเรียกเก็บเงินนำส่งจากสถาบันการเงิน ที่ร้อยละ 0.46 ต่อปี สำหรับปี 2562 – 2563 เนื่องจากภาระหนี้ FIDF1 และ FIDF3 ยังคงเป็นภาระต่อระบบเศรษฐกิจการเงินในระดับสูง และเงินนำส่งจากสถาบันการเงินยังเป็นแหล่งเงินสำคัญในการลดต้นเงินและชำระดอกเบี้ย หากปรับลดอัตราเรียกเก็บเงินนำส่งจะส่งผลกระทบต่อการลดภาระหนี้ ซึ่งปัจจุบันฐานเงินฝากสำหรับคำนวณเงินนำส่งยังมีความเสี่ยงที่จะขยายตัวไม่เป็นไปตามสมมติฐานที่กำหนดไว้
- ระยะเวลาการชำระหนี้ FIDF1 และ FIDF3 คาดว่า จะใช้ระยะเวลาการชำระหนี้ FIDF1 และ FIDF3 เสร็จสิ้นภายในปี 2574 โดยมีสมมติฐานและศักยภาพในการชำระเงินจากแหล่งต่างๆ ดังนี้
(1) เงินนำส่งจากสถาบันการเงิน (แหล่งหลักในการชำระหนี้ต้นเงินกู้และดอกเบี้ย) โดยมีสมมติฐานอัตราการขยายตัวของฐานการคำนวณเงินนำส่งจากสถาบันการเงินอยู่ที่อัตราเฉลี่ยร้อยละ 4 ต่อปี (ปี 2562 – 2574)
(2) ประมาณการชำระหนี้จากแหล่งอื่น ๆ ได้แก่ เงินกำไรสุทธิของ ธปท. (ไม่มีเงินนำส่ง เนื่องจากมีผลขาดทุนสะสมจำนวนสูง) เงินจากบัญชีผลประโยชน์ประจำปี (ขึ้นอยู่กับภาวะตลาดการเงิน ซึ่งมีความผันผวนสูง และเงินหรือทรัพย์สินของกองทุนฯ [ปีงบประมาณ 2563 กองทุนฯ จะนำส่งจำนวน 6,700 ล้านบาท ปีต่อ ๆ ไป คาดว่าจะนำส่งประมาณ 5,000 ล้านบาท ภายใต้ สมมติฐานที่กองทุนฯ ยังคงถือหุ้นธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)]
(3) ประมาณการดอกเบี้ยจ่ายปีงบประมาณ 2563 – 2574 ประมาณ ปีละ 30,000 ล้านบาท (ทยอยลดลงตามการชำระคืนต้นเงินกู้)
ความเห็นของ กค.
ไม่ขัดข้องกับผลการพิจารณาของ ธปท. ที่เห็นควรให้คงอัตราเรียกเก็บเงินนำส่งจากสถาบันการเงินให้กับ ธปท. ไว้ที่ร้อยละ 0.46 ต่อปี เนื่องจากยังคงมีความเหมาะสมภายใต้สมมติฐานอัตราการขยายตัวของฐานเงินฝากที่อาจได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจและการเงินทั้งในประเทศและตลาดการเงินโลก และเพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2555 (เรื่อง การดำเนินการตามพระราชกำหนดปรับปรุงการบริหารหนี้เงินกู้ที่กระทรวงการคลังกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2555) ดังนั้น กค. จึงเห็นควรนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบการคงอัตราเรียกเก็บเงินนำส่งจากสถาบันการเงินให้กับ ธปท. ไวที่ร้อยละ 0.46 ต่อปี
ที่มา: ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุด พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 19 พฤศจิกายน 2562
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396
******************************************
กด L Ike - แบ่งปัน เพจเวลา Corehoon-Powerเพื่อติดตามเคล็ดลับข่าวสารเทรนด์และ บทวิเคราะห์ดีๆอัพเดตทุกวันคัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
คลิกบริจาคเว็บสนับสนุน