นายกฯ สั่งกระตุ้นเศรษฐกิจ 9 เดือนขาดดุลการคลังกว่า 2.4 แสนล้านเพราะหนุน ศก.
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Friday, 26 September 2014 22:57
- Hits: 3222
นายกฯ สั่งกระตุ้นเศรษฐกิจ 9 เดือนขาดดุลการคลังกว่า 2.4 แสนล้านเพราะหนุน ศก.
บ้านเมือง : นายกฯ เผยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เน้นเพิ่มส่งออก-ใช้จ่าย-ก่อสร้าง-จ้างงาน-เพิ่มมูลค่าสินค้า ด้าน สศค.เผยขาดดุลการคลังภาคสาธารณะ 9 เดือนแรกปีงบประมาณ 2557 กว่า 244,000 ล้านบาท เป็นไปตามนโยบายการคลัง ด้าน "ม.ล.ปนัดดา" เผยนายกฯ ย้ำ หน.ส่วนราชการเร่งรัดเบิกจ่ายงบฯ เพื่อหนุนเศรษฐกิจขยายตัวต่อเนื่อง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลจะดำเนินการในเร็วๆ นี้ จะมีการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณในช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 58 รวมกับการใช้งบค้างจ่ายจากปีงบประมาณ 57 ราวแสนล้านบาท เพื่อสนับสนุนด้านการส่งออก การจับจ่ายใช้สอยในประเทศ เพิ่มงานด้านก่อสร้าง สร้างงาน พัฒนาปรับปรุงคุณภาพสินค้าเพื่อเพิ่มมูลค่า รวมถึงส่งเสริมการจัดสัมมนาเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในต่างจังหวัดและสร้างรายได้ให้ประชาชนในต่างจังหวัดด้วย
"ในส่วนของการกระตุ้นจะใช้งบฯ ของรัฐในไตรมาสแรก และเอางบของปี 57 มาจับจ่ายพร้อมกัน ไม่ใช่เอาเงินไปแจก .ถ้ารัฐบาลไม่เอางบมาใช้ มาผลักดันเศรษฐกิจ เศรษฐกิจก็จะนิ่ง" นายกรัฐมนตรี กล่าว
นอกจากนี้ รัฐบาลจะพยายามเร่งรัดปรับปรุงกฎหมายให้มีความทันสมัย เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการเข้ามาลงทุนของต่างชาติ เศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะดีขึ้นกว่าปีนี้ ซึ่งไม่ใช่เกิดจากตนเองหรือรัฐบาลเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวขึ้นด้วย
สำหรับ การประชุมหัวหน้าส่วนราชการ นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายและแนวทางปฏิบัติให้กับผู้ปฏิบัติงานให้เป็นไปตามแนวนโยบายของรัฐบาล 9 ข้อ โดยกำหนดว่าต้องสามารถทำจริง ทำทันที เกิดสัมฤทธิผลใน 1 ปี และเกิดความยั่งยืน พร้อมทั้งทำความเข้าใจเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณว่าจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร รวมถึงให้มีการเร่งรัดการแก้ปัญหาต่างๆ ให้เกิดผลได้ทันที เพราะบางปัญหาสามารถแก้ได้เลย บางปัญหาต้องแก้ในระยะกลางและระยะยาว พร้อมทั้งให้บูรณาการโครงการที่มีความใกล้เคียงกันมารวมกลุ่มกัน
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยฐานะการคลังภาคสาธารณะ (รัฐบาล องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และรัฐวิสาหกิจ) ไตรมาส 3 ปีงบประมาณ 2557 ว่า เกินดุลการคลัง 149,516 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1.2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) เกินดุลต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 62,357 ล้านบาท เนื่องจากการเกินดุลของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ
ส่วนในช่วง 9 เดือนแรกปีงบประมาณ 2557 (ต.ค.56-มิ.ย.57) รัฐมีรายได้ 5,549,149 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 38,106 ล้านบาท หรือร้อยละ 0.7 เป็นผลจากรัฐวิสาหกิจมีรายได้เพิ่มขึ้น สำหรับผลการเบิกจ่ายมีทั้งสิ้น 5,793,961 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 217,129 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.9 โดยเป็นผลจากทั้งรัฐบาล อปท. และรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายเพิ่มขึ้น
ส่งผลให้ขาดดุลการคลัง 244,812 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.0 ของจีดีพี สูงกว่าช่วงเดียวกันปีงบประมาณ 2556 จำนวน 179,023 ล้านบาท หรือร้อยละ 272.1 ซึ่งดุลการคลังเบื้องต้นของรัฐ ซึ่งเป็นดุลการคลังที่สะท้อนถึงผลการดำเนินงานและทิศทางของนโยบายการคลังอย่างแท้จริง (ไม่รวมรายจ่ายชำระหนี้) ขาดดุล 87,878 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.7 ของจีดีพี
"การขาดดุลการคลังช่วง 9 เดือนแรกปีงบประมาณ 2557 เป็นไปตามนโยบายการคลังของรัฐบาลที่จัดทำงบประมาณแบบขาดดุล เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างต่อเนื่องและมีเสถียรภาพ" นายกฤษฎา กล่าว
ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการประชุมหัวหน้าส่วนราชการในวันนี้ถือเป็นครั้งแรกของรัฐบาลชุดนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้หัวหน้าส่วนราชการแต่ละคนแนะนำตัวและสอบถามความคืบหน้าของการทำงาน และเป้าหมายในการทำงานของแต่ละกระทรวง ซึ่งคาดว่าในการประชุมครั้งต่อไปน่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นในเรื่องของการทำงาน
อย่างไรก็ตาม นายกฯ ได้กล่าวย้ำถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ โดยได้กำชับเหมือนตอนประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ให้มีการดำเนินการอย่างรวดเร็ว ส่วนเรื่องการทำงานในช่วงที่มีการปรับเปลี่ยนโยกย้ายจากฤดูเกษียณอายุราชการ ขอให้มีความต่อเนื่องในการทำงานด้วย
นายกฯ กำชับทุกหน่วยงานวางอนาคตให้ประเทศ เน้นยกระดับการศึกษา -ย้ำวันนี้ได้สมาชิกสภาปฎิรูปแห่งชาติ 250 คน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเปิดสัมมนาและแสดงปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "พัฒนาคน เพื่ออนาคตประเทศไทย" ในการประชุมประจำปีของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ประจำปี 2557
ทั้งนี้ การประชุมครั้งนี้ต้องนำไปสู่การปฏิบัติที่แท้จริง มีแผนงานที่ชัดเจนและมีขอบเขต เพื่อนำไปสู่การปฎิบัติอย่างเป็นรูปธรรม และนำผลการพัฒนาบรรจุไว้ในทุกกระทรวง ทบวง กรมด้วย ขณะที่การพัฒนาประเทศต้องมีอย่างต่อเนื่อง และต้องพัฒนาคน จากศูนย์กลางกระจายออกไปสู่พื้นที่ และคำนึงถึงคนระดับล่างก่อน ที่สำคัญการพัฒนาต้องอยู่บนพื้นฐานทรัพยากรประเทศ พร้อมย้ำว่าแต่ละแผนงานของรัฐต้องชัดเจนโดยเฉพาะ 1 ปี ของรัฐบาลชุดนี้ จะมีแผนงานสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 พร้อมชี้ให้ส่วนราชการกำหนด มีวิสัยทัศน์งาน เช่น กำหนดระยะ 5 ปี และในระยะอันใกล้ 3 เดือน 6 เดือนเป็นต้น เพื่อมีแผนงานดำเนินการให้สัมฤทธิ์ผล กำหนดแนวทางให้สอดคล้องกับการใช้จ่ายงบประมาณ และคำนึงถึงวินัยการเงินการคลังด้วย และการเข้ามาทำงานในครั้งนี้ไม่ต้องการสร้างความขัดแย้ง แต่ต้องการมาวางรากฐานงานในด้านต่างๆให้ถูกต้องและหยั่งยืน
"ผมก็อดทนแต่เราก็คนธรรมดา บางอย่างสัมฤทธิ์ผลบ้าง บางอย่างก็กำลังทำและอยู่ในแผน อย่าไปหลงเหลิงการพัฒนาที่ไร้ขอบเขต ไร้ปลายทาง ต้องคิดว่าอีก 3 เดือนข้างหน้า และอีก 1 ปีของรัฐบาล จะต้องทำอะไรบ้าง และที่เหลืออีก 2 ปีของแผนพัฒนาฉบับที่ 11 เราจะทำอะไรบ้าง"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กำชับให้ทุกหน่วยงานให้ช่วยกันในการวางอนาคตให้กับคนในประเทศ ให้มีวิสัยทัศน์ ยกระดับการศึกษาและวางพื้นฐานการศึกษาให้กับคนทุกระดับ เพราะเชื่อว่า คนเราพัฒนาได้ หากดีขึ้นจะมีส่วนช่วยในการลดความขัดแย้ง หรือลดการถูกชักจูงได้มากขึ้น และถึงว่าการประเมินด้านการศึกษายังคงน่าเป็นห่วง แต่กลับมองว่าเป็นเรื่องท้าทายที่จะพัฒนาให้การศึกษาดีขึ้น ซึ่งรัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนเต็มที่ และหวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชนด้วย
สำหรับ การปรับปรุงด้านเทคโนโลยีของชาติแม้ตอนนี้จะล้าหลังไปมาก แต่การปรับโครงสร้างไม่ว่าจะเป็น บมจ.กสท โทรคมนาคม หรือ บมจ. ทีโอที ก็อยู่ระหว่างการดำเนินการ
"ไม่เคยคิดมีอำนาจ แต่ต้องการช่วยเหลือประชาชน คิดเพียงว่าเป็นประชาชนคนหนึ่งเท่านั้น พร้อมขอคนไทยอย่างสร้างความขัดแย้งเพื่อทำให้ในหลวงมีความสุข และสถาบันอยู่เหนือความขัดแย้ง และจะยังคงจัดรายการคืนความสุขให้คนในชาติ เพื่อสื่อสารให้ประชาชนที่มีพื้นฐานความคิดเห็นที่แตกต่างกันไป ได้เข้าใจ และหันมาร่วมมือกันทำ"นายกรัฐมนตรี กล่าว
พร้อมย้ำทุกอย่างกำลังดำเนินการตามโรดแมพ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และในเย็นวันนี้ คสช.จะสรุปคัดสรรสมาชิกสภาปฎิรูปแห่งชาติ ไม่เกิน 250 คน อย่างแน่นอน
นายกฯ หนุนเปิดเวทีถกปฏิรูปพลังงานรอบ 3 เพื่อให้ 2 ฝ่ายเกิดความเข้าใจ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการจัดเวทีเสวนาปฏิรูปพลังงานเมื่อวานนี้ว่า การจัดเวทีปฏิรูปทั้ง 2 ครั้งก็ยังไม่จบ จำเป็นต้องมีการพูดคุยเพื่อให้เกิดความเข้าใจกันอีกหลายครั้ง แต่กรณีที่บมจ. ปตท.(PTT) ถูกโจมตีในเวทีนั้น เรื่องนี้ไม่ขอพูดถึง เพราะหากพูดไปเหมือนเข้าข้าง ปตท. แต่อยากให้เกิดความเข้าใจกันทั้ง 2 ฝ่าย จึงอยากให้มีการจัดเวทีแบบนี้ขึ้นอีก
"พุดคุย 2 ครั้งไม่จบหรอกเรื่องนี้ ฟังชิพในหัวกันหมดแล้ว ผมรู้ว่าใครสำคัญอย่างไร แต่ถ้าผมพูดไปจะหาว่าเข้าข้างปตท.แล้วทางโน้นก็จะมาเล่นงานผมไม่จบสักที ผมเลยขอให้ไปพูดกันให้รู้เรื่อง" นายกฯ ระบุ
ส่วนเรื่องของคดีนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษถูกฆาตกรรมบนเกาะเต่านั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่เคยเร่งรัดคดี แต่ให้ความสำคัญ โดยให้มีการรายงานทุกเช้า
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย