รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างราชอาณาจักรไทย –รัฐอิสราเอล
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Sunday, 11 November 2018 20:39
- Hits: 4542
รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างราชอาณาจักรไทย –รัฐอิสราเอล
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคม (คค.) เสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบต่อร่างพิธีสารระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งรัฐอิสราเอลว่าด้วยการแก้ไขความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งรัฐอิสราเอลว่าด้วยบริการเดินอากาศในจุดระหว่างและพ้นไปจากอาณาเขตของตน ลงนามย่อเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2559
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างพิธีสารฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับฃหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2558 (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
2. เห็นชอบบันทึกความเข้าใจระหว่างราชอาณาจักรไทย-รัฐอิสราเอล
3. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามร่างพิธีสารระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งรัฐอิสราเอลว่าด้วยการแก้ไขความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งรัฐอิสราเอลว่าด้วยบริการเดินอากาศในจุดระหว่างและพ้นไปจากอาณาเขตของตน และให้กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ที่ได้รับมอบหมายดังกล่าวด้วย
4. มอบให้ กต. ดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับของบันทึกความเข้าใจและร่างพิธีสารแก้ไขความตกลงดังกล่าวต่อไป โดยให้ กต. สามารถปรับถ้อยคำตามความเหมาะสมที่ไม่กระทบกับสาระสำคัญ
สาระสำคัญของเรื่อง
บันทึกความเข้าใจฯ และร่างพิธีสารฯ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงข้อตกลงเดิมให้มีความทันสมัยและสอดคล้องกับคำแนะนำขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในประเด็นการรักษาความปลอดภัยด้านการบิน รวมทั้งปรับปรุงจำนวนความจุความถี่ในการรับขนทางอากาศระหว่างกัน จากเดิมที่ไม่จำกัดจำนวนความจุความถี่ เป็นให้ทำการบินได้ไม่เกิน 28 เที่ยว/สัปดาห์ และปรับปรุงสิทธิการรับขนการจราจรเสรีภาพที่ 5 ดังนี้
เปรียบเทียบสิทธิการรับขนการจราจรเสรีภาพที่ 5
เดิม
- ไทยมีสิทธิทำการบินช่วงเส้นทางระหว่างรัฐอิสราเอลและหนึ่งจุดพ้นที่ฝ่ายไทยจะเลือกในภายหลังได้ 3 เที่ยว/สัปดาห์
- รัฐอิสราเอลมีสิทธิทำการบินช่วงเส้นทางระหว่าง ไทยและสิงค์โปร์ได้ 3 เที่ยว/สัปดาห์
ใหม่
- ไทยมีสิทธิทำการบินช่วงเส้นทางระหว่างรัฐอิสราเอลและ จุดพ้นใด ๆ ได้ 3 เที่ยว/สัปดห์ (กรณีผู้โดยสาร) และ 28 เที่ยว/สัปดห์ (กรณีสินค้า)
- รัฐอิสราเอลมีสิทธิทำการบินช่วงเส้นทางระหว่างไทยและ จุดพ้นใด ๆ ได้ 3 เที่ยว/สัปดาห์ (กรณีผู้โดยสาร) และ 28 เที่ยว/สัปดาห์ (กรณีสินค้า)
นอกจากนี้ ได้มีการปรับปรุงข้อบทให้สามารถทำการบินโดยใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกัน (Code Share) ซึ่งจะเปิดโอกาสให้สายการบินทั้งสองฝ่ายสามารถขยายบริการและเครือข่ายการบินเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ เนื่องจากปัจจุบันเส้นทางการบินระหว่าง ไทย – รัฐอิสราเอล มีเพียงสายการบิน EL AL Israel Airlines ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติของรัฐอิสราเอลที่ปฏิบัติการบินในเส้นทางดังกล่าว ดังนั้น การปรับปรุงข้อตกลงให้สายการบินของรัฐอิสราเอลสามารถรับขนการจราจรเสรีภาพที่ 5 จากไทยไปยังจุดพ้นใด ๆ จะส่งผลให้สายการบิน EL AL Israel Airlines สามารถรับขนผู้โดยสาร หรือทำการ Code Share กับสายการบินชาติอื่นเพื่อรับขนผู้โดยสารจากประเทศไทยต่อไปยังประเทศที่สามได้ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบในทางอ้อมต่อรายได้ของสายการบินสัญชาติไทยที่ทำการบินในเส้นทางเดียวกัน
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 6 พฤศจิกายน 2561