กรอบและงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ 2562
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Sunday, 07 October 2018 20:18
- Hits: 2170
กรอบและงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ 2562
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบกรอบและงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ 2562 วงเงินดำเนินการ จำนวน 2,058,196 ล้านบาท และวงเงินเบิกจ่ายลงทุนจำนวน 638,943 ล้านบาท ประกอบด้วย
(1) กรอบการลงทุนสำหรับงานตามภารกิจปกติและโครงการต่อเนื่อง วงเงินดำเนินการ จำนวน 1,508,196 ล้านบาท และวงเงินเบิกจ่ายลงทุนจำนวน 538,943 ล้านบาท และ
(2) กรอบการลงทุนสำหรับการเพิ่มเติมระหว่างปี วงเงินดำเนินการ 550,000 ล้านบาท และวงเงินเบิกจ่ายลงทุน จำนวน 100,000 ล้านบาท สำหรับโครงการที่ยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี และการลงทุนที่ใช้เงินงบประมาณตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ให้ดำเนินการได้เมื่อได้รับอนุมัติตามขั้นตอนแล้ว ทั้งนี้ กำหนดเป้าหมายให้รัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายลงทุนไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ของกรอบวงเงินอนุมัติเบิกจ่ายลงทุน
2. เห็นชอบให้ สศช. ปรับวงเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ 2562 ให้สอดคล้องกับผลการจัดสรรงบประมาณตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 รวมถึงงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม งบกลาง หรืองบประมาณที่ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตามหลักเกณฑ์แวะวิธีการงบประมาณหรือได้รับความเห็นชอบจากสำนักงบประมาณแล้ว และปรับเพิ่มกรอบวงเงินดำเนินการ และกรอบวงเงินเบิกจ่ายลงทุนให้สอดคล้องกับการอนุมัติการลงทุนเพิ่มเติมตามมติคณะรัฐมนตรี เพื่อให้รัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการได้ทันทีภายในปีงบประมาณ
3. มอบหมายให้คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (คณะกรรมการฯ) เป็นผู้พิจารณาอนุมัติการเปลี่ยนแปลงงบลงทุนระหว่างปีในส่วนงบลงทุน เพื่อการดำเนินงานปกติและโครงการต่อเนื่องที่การเปลี่ยนแปลงไม่มีผลกระทบต่อสาระสำคัญ และกรอบวงเงินโครงการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้แล้ว
4. ให้รัฐวิสาหกิจรายงานผลความก้าวหน้าของการดำเนินงานและการลงทุนปี 2562 ให้ สศช. ทราบภายในทุกวันที่ 5 ของเดือนอย่างเคร่งครัด และให้กระทรวงเจ้าสังกัดรับข้อเสนอแนะเชิงนโยบายระดับกระทรวง และระดับองค์กรไปพิจารณาดำเนินการ รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะและความก้าวหน้าการดำเนินโครงการลงทุนทุกไตรมาส เพื่อประโยชน์ในการติดตามประเมินผลการดำเนินงาน และการลงทุนของรัฐวิสาหกิจได้อย่างต่อเนื่อง
5. รับทราบประมาณการงบทำการประจำปีงบประมาณ 2562 ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิประมาณ 117,110 ล้านบาท และประมาณการแนวโน้มการดำเนินงานช่วงปี 2563 – 2565 ของรัฐวิสาหกิจในเบื้องต้นที่คาดว่าจะมีการลงทุนเฉลี่ยประมาณปีละ 612,711 ล้านบาท และผลประกอบการจะมีกำไรสุทธิเฉลี่ยประมาณปีละ 133,909 ล้านบาท
6. ให้กระทรวงการคลัง (กค.) พิจารณาจัดกลุ่มรัฐวิสาหกิจตามประเภทการดำเนินกิจการ โดยหากเป็นรัฐวิสาหกิจที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขัน ให้พิจารณารูปแบบและสถานะขององค์กรให้สอดคล้องกับภาวะการแข่งขันของตลาด เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการดำเนินกิจการ สามารถเพิ่มผลิตภาพและขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยกำหนดรูปแบบการกำกับดูแลภายใต้ความโปร่งใสและตรวจสอบได้ สำหรับรัฐวิสาหกิจที่ให้บริการเชิงสังคมสมควรทบทวนบทบาทและการคงสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจ โดยอาจปรับเปลี่ยนรูปแบบเป็นหน่วยงานของรัฐประเภทอื่นที่ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจ และให้แยกกิจกรรมที่สามารถให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมบริหารเพื่อลดภาระงบประมาณของรัฐ
ทั้งนี้ ในช่วงที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณาปรับเปลี่ยนสถานะหรือจัดกลุ่มที่ชัดเจน ภาครัฐต้องกำกับดูแลบทบาทของรัฐวิสาหกิจให้ยังคงสามารถให้บริการเพื่อประโยชน์สาธารณะได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในด้านการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย และเพื่อความรวดเร็วในการดำเนินการดังกล่าวอาจนำแนวทางการปรับสถานะและความจำเป็นในการดำรงอยู่ของรัฐวิสาหกิจที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจเสนอคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจให้ความเห็นชอบไว้แล้วในปี 2558 มาประกอบการพิจารณา
7. ให้ สศช. และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) มีบทบาทในกระบวนการพิจารณาการลงทุนของรัฐวิสาหกิจร่วมกัน โดย สศช. เป็นผู้พิจารณากรอบการลงทุนที่ตอบสนองกับยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ และ สคร. เป็นผู้ตรวจสอบและกำกับการลงทุนให้เป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์รัฐวิสาหกิจ เพื่อให้มีข้อมูลประกอบการพิจารณาทิศทางการลงทุนที่สอดคล้องกับนโยบายการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจด้วย
8. ให้กำหนดเงื่อนไขและกรอบระยะเวลาให้กระทรวงเจ้าสังกัดจัดทำแผนการลงทุนของรัฐวิสาหกิจเพื่อกำหนดทิศทางการลงทุนของรัฐวิสาหกิจในระยะยาวให้ชัดเจน โดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจด้านคมนาคมขนส่ง ด้านพลังงาน และรัฐวิสาหกิจที่อยู่ในช่วงการฟื้นฟูกิจการ โดยให้เสนอขออนุมัติโครงการตามขั้นตอนที่สอดคล้องกับแผนการลงทุนดังกล่าว และในการเสนอของบลงทุนให้มีรายละเอียดเรื่องการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ด้วย
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 25 กันยายน 2561
Click Donate Support Web