ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และอัตราการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตร พ.ศ. ....
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Sunday, 10 June 2018 09:32
- Hits: 3769
ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และอัตราการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตร พ.ศ. ....
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และอัตราการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตร พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงแรงงาน (รง.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ และให้ รง. รับความเห็นของกระทรวงการคลังไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
รง. เสนอว่า
1. พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2558 มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2558 เป็นต้นไป นั้น มาตรา 75 ตรี ได้บัญญัติให้ผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตร จำนวนคราวละไม่เกิน 3 คน และต่อมาได้มีกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และอัตราการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตร พ.ศ. 2549 และที่แก้ไขเพิ่มเติม กำหนดให้ผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตรสำหรับบุตรซึ่งมีอายุไม่เกิน 6 ปีบริบูรณ์ จำนวนคราวละไม่เกิน 2 คน และให้เหมาจ่ายเป็นเงินในอัตรา 400 บาทต่อเดือน ต่อบุตร 1 คน
2. โดยที่กฎกระทรวงดังกล่าวได้ใช้บังคับมานานแล้ว สมควรปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และอัตราการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตรเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน อันจะเป็นการช่วยเหลือบุตรของผู้ประกันตน ซึ่งจะส่งผลให้มีผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับเงินสงเคราะห์บุตร จำนวน 1,202,009 ราย จำนวนบุตร 1,326,695 คน มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวง
1. กำหนดให้กฎกระทรวงนี้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 เป็นต้นไป
2. กำหนดให้ผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตรจากอัตราเหมาจ่ายเป็นเงิน 400 บาทต่อเดือน ต่อบุตร 1 คน เป็นอัตราเหมาจ่าย 600 บาทต่อเดือน ต่อบุตร 1 คน โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561
3. กำหนดให้ผู้ประกันตนมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตรซึ่งมีอายุไม่เกิน 6 ปีบริบูรณ์ จากจำนวนคราวละไม่เกิน 2 คน เป็นจำนวนคราวละไม่เกิน 3 คน ทั้งนี้ โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม 2558
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 28 พฤษภาคม 2561