WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ร่างพระราชบัญญัติสถาบันพระบรมราชชนก พ.ศ. ....

GOV 3ร่างพระราชบัญญัติสถาบันพระบรมราชชนก พ.ศ. ....

 

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและรับทราบ ดังนี้

       1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติสถาบันพระบรมราชชนก พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป

      2. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ

      3. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. และข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ.ร. ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย

 

สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติ

ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว แบ่งออกเป็น 6 หมวด และบทเฉพาะกาลรวมทั้งสิ้น 68 มาตรา

สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้

                1. กำหนดให้สถาบันพระบรมราชชนกเป็นสถาบันอุดมศึกษาเฉพาะทางของรัฐที่จัดการศึกษาระดับปริญญาตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ ในด้านการแพทย์ การพยาบาล การสาธารณสุข และสหเวชศาสตร์ มีฐานะเป็นนิติบุคคลและเป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ อยู่ในสังกัด สธ. โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อผลิตและพัฒนาบุคลากรตามความต้องการของ สธ. ให้การศึกษา ส่งเสริมวิชาการและวิชาชีพ ทำการสอน ทำการวิจัย ทำการฝึกอบรม และให้บริการทางวิชาการแก่สังคม โดยมุ่งเน้นการผลิตและพัฒนาบุคลากรด้านสาธารณสุขเป็นสำคัญ

                2. กำหนดให้วิทยาลัยการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศรจังหวัดปราจีนบุรี วิทยาลัยการสาธารณสุข สิรินธร วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีทุกแห่ง วิทยาลัยพยาบาลพระจอมเกล้าจังหวัดเพชรบุรี วิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรี วิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม และวิทยาลัยเทคโนโลยีทางการแพทย์และสาธารณสุข กาญจนาภิเษก ที่ได้จัดตั้งขึ้นตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขเป็นส่วนราชการของสถาบัน

                3. กำหนดให้สถาบันแบ่งส่วนงานออกเป็น (1) สำนักงานอธิการบดี (2) คณะ และ (3) สำนัก และให้สถาบันมีอำนาจให้ความร่วมมือกับสถาบันศึกษาอื่นทั้งในและต่างประเทศ โดยรับสถานศึกษาชั้นสูงหรือสถาบันอื่นเข้าสมทบในสถาบัน หรือจัดการศึกษาหรือดำเนินการวิจัยร่วมกับสถานศึกษาชั้นสูงหรือสถาบันอื่นในประเทศหรือต่างประเทศ หรือขององค์การระหว่างประเทศได้

                4. กำหนดให้รายได้และผลประโยชน์ของสถาบัน รวมทั้งผลประโยชน์ที่เกิดจากที่ราชพัสดุ เบี้ยปรับที่เกิดจากการผิดสัญญาลาศึกษา และเบี้ยปรับที่เกิดจากการผิดสัญญาการซื้อทรัพย์สินหรือสัญญาจ้างทำของที่ดำเนินการโดยใช้เงินงบประมาณ ไม่เป็นรายได้ที่ต้องนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน

                5. กำหนดให้เงินและทรัพย์สินที่มีผู้อุทิศให้แก่สถาบันต้องจัดการตามเงื่อนไขที่ผู้อุทิศกำหนดไว้และต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของสถาบัน

                6. กำหนดให้มีสภาสถาบัน ประกอบด้วยนายกสภาสถาบัน อุปนายกสภาสถาบัน กรรมการ สภาสถาบันผู้ทรงคุณวุฒิ กรรมการสภาสถาบันโดยตำแหน่ง และกรรมการสภาสถาบัน และให้สภาสถาบันมีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด

                7. กำหนดให้มีสภาวิชาการ ประกอบด้วย ประธานสภาวิชาการและกรรมการสภาวิชาการ มีอำนาจหน้าที่ในการเสนอแนะนโยบายและแผนพัฒนาทางวิชาการของสถาบันต่อสภาสถาบัน กำหนดคุณภาพและมาตรฐานวิชาการของสถาบัน เป็นต้น

                8. กำหนดให้มีอธิการบดีเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด และรับผิดชอบการบริหารงานของสถาบัน กำหนดวาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง คุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม โดยให้อธิการบดีมีอำนาจและหน้าที่ตามที่กำหนด

                9. กำหนดให้สถาบันจัดให้มีการประกันคุณภาพการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาของสถาบัน

                10. กำหนดให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ ภาระผูกพัน ข้าราชการ พนักงานราชการ พนักงานกระทรวงสาธารณสุข ลูกจ้าง อัตรากำลัง งบประมาณ และรายได้ของสถาบันพระบรมราชชนก สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เว้นแต่วิทยาลัยนักบริหารสาธารณสุข และแก้วกัลยาสิกขาลัย ไปเป็นของ สถาบันพระบรมราชชนกตามพระราชบัญญัตินี้ ตามรายการที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

                        ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 17 เมษายน 2561

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!