การดำเนินการตามข้อมติคณะรัฐมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการ ก่อการร้ายที่ 2370 (ค.ศ. 2017) และ 2396 (ค.ศ. 2017)
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Sunday, 18 March 2018 22:50
- Hits: 5870
การดำเนินการตามข้อมติคณะรัฐมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการ ก่อการร้ายที่ 2370 (ค.ศ. 2017) และ 2396 (ค.ศ. 2017)
เรื่อง การดำเนินการตามข้อมติคณะรัฐมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการ ก่อการร้ายที่ 2370 (ค.ศ. 2017) และ 2396 (ค.ศ. 2017)
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เสนอ ดังนี้
1. รับทราบและรับรองการดำเนินการตามข้อมติคณะรัฐมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council – UNSC) ว่าด้วยการต่อต้านการก่อการร้ายที่ 2370 (ค.ศ. 2017) และ 2396 (ค.ศ. 2017)
2. มอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงกลาโหม (กห.) การทรวงการคลัง (กค.) กระทรวงคมนาคม (คค.) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดศ.) กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) กระทรวงมหาดไทย (มท.) กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) สำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตช.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปละสำนักงานอัยการสูงสุด (อส.) ดำเนินการดังต่อไปนี้
2.1 ถือปฏิบัติในส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการดำเนินการตามวรรค 11-13 และวรรค 15 ของข้อมติ UNSCที่ 2396 (ค.ศ. 2017)
2.2 ปรับปรุงฐานข้อมูลเกี่ยวกับผู้ก่อการร้าย รวมถึงนักรบก่อการร้ายต่างชาติ ซึ่งต้องถูกมาตรการอายัดทรัพย์สิน ห้ามเดินทาง ตรวจจับความเคลื่อนไหว และมาตรการอื่น ๆ ตามข้อมติ UNSC ที่เกี่ยวข้องให้ทันสมัยตามข้อมูลในเว็บไซต์ https://www.un.org/sc/suborg/en/sanctions/1267/ aq_sanctions_listและhttps://www.unorg/sc/suborg/en/sanctions/1988/materials ซึ่งปรับปรุงโดยสหประชาชาติเป็นประจำ
2.3 แจ้งผลการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง และข้อขัดข้องหรืออุปสรรคในการปฏิบัติ ตามข้อมติดังกล่าวให้ กต. ทราบเพื่อประโยชน์ในการรายงานต่อสหประชาชาติต่อไป
สาระสำคัญของเรื่อง
กต. รายงานว่า
1. ในช่วงปี 2557 – 2558 เครือข่ายและแนวร่วมของกลุ่ม ISIL ได้ปฏิบัติการโจมตีอย่างโหดเหี้ยมและรุนแรงในหลายพื้นที่ทั่วโลก ต่อมาในช่วงปี 2559 – 2560 ภารกิจทางทหารในการต่อต้าน ISIL ประสบผลสำเร็จ ส่งผลให้จำนวนเหตุก่อการร้ายของISILในภูมิภาคตะวันออกกลางลดลง อย่างไรก็ดี เครือข่ายของ ISIL บุคคลและ กลุ่มบุคคลที่ฝักใฝ่ในลัทธิสุดโต่งที่นิยมความรุนแรง (Violent Extremists) และนักรบก่อการร้ายต่างชาติ (Foreign Terrorist Fighters–FTFs) ซึ่งกระจายตัวอยู่ทั่วโลก ยังคงสานต่อเจตนารมณ์ของ ISIL ผ่านการก่อเหตุขนาดย่อม เช่น เหตุคนร้ายขับรถยนต์ชนฝูงชนและแทงตำรวจเสียชีวิตในกรุงลอนดอน เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2560 เป็นต้น ดังนั้น เพื่อตอบสนองต่อการก่อการร้ายที่ลุกลามกว้างขึ้น UNSCจึงได้รับรองข้อมติฯ ที่ 2370 (ค.ศ. 2017) และข้อมติฯ ที่ 2396 (ค.ศ. 2017) เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2560 และวันที่ 21 ธันวาคม 2560 ตามลำดับ
2. สาระสำคัญของข้อมติฯ ที่ 2370 (ค.ศ. 2017) เกี่ยวกับการกำจัดการได้มาซึ่งอาวุธของผู้ก่อการร้าย โดยผลักดันให้รัฐสมาชิกเสริมความแข็งแกร่งของการบังคับใช้กฎหมาย มาตรการควบคุมชายแดน และการพัฒนาศักยภาพในการสอบสวนเครือข่ายการค้า และถ่ายโอนอาวุธอย่างผิดกฎหมาย ส่วนข้อมติฯ ที่ 2396 (ค.ศ. 2017) เป็นการเสริมสร้างมาตรการตรวจจับความเคลื่อนไหวของผู้ก่อการร้าย ผ่านการแบ่งปันข้อมูลด้านความมั่นคงชายแดน โดยกระทรวงการต่างประเทศแจ้งว่า วรรค 11-13 และวรรค 15 ของข้อมติฯ ที่ 2396 (ค.ศ. 2017) มีนัยสำคัญที่ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องของไทยต้องปฏิบัติตามเป็นกรณีพิเศษ
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 13 มีนาคม 2561