บันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงสาธารณสุขแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงสาธารณะสุขและแพทยศาสตรศึกษาแห่งสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านว่าด้วยความร่วมมือด้านสาธารณสุข
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Sunday, 11 March 2018 21:45
- Hits: 2189
บันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงสาธารณสุขแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงสาธารณะสุขและแพทยศาสตรศึกษาแห่งสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านว่าด้วยความร่วมมือด้านสาธารณสุข
เรื่อง บันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงสาธารณสุขแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงสาธารณะสุขและแพทยศาสตรศึกษาแห่งสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านว่าด้วยความร่วมมือด้านสาธารณสุข
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบต่อบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงสาธารณสุขแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงสาธารณสุขและแพทยศาสตรศึกษาแห่งสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านว่าด้วยความร่วมมือด้านสาธารณสุข
2. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำหรือประเด็นที่มิใช่สาระสำคัญของบันทึกความเข้าใจดังกล่าว ให้คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้ผู้ลงนามเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจในเรื่องนั้น ๆ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก
3. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) จัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
ทั้งนี้ ในกรณีมีความจำเป็นต้องจัดทำข้ออนุวัติการเพื่อรองรับการดำเนินงานของบันทึกความเข้าใจนี้ ให้ สธ. จัดส่งร่างความตกลงให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาก่อนดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป
สาระสำคัญของร่างบันทึกความเข้าใจมีสาขาและรูปแบบความร่วมมือ ดังนี้
คู่ภาคีจะร่วมกันพัฒนาโครงการความร่วมมือด้านสาธารณสุขในสาขาต่าง ๆ รวม 13 สาขา โดยมีสาขาความร่วมมือสำคัญ ๆ เช่น 1. การจัดการระบบการให้บริการสุขภาพ 2. การผลิตยาและเครื่องมือทางการแพทย์ 3. การแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์ด้านสาธารณสุขระหว่างกัน 4. ความร่วมมือด้านแพทยศึกษา 5. ความร่วมมือในสาขาการวิจัยและพัฒนาสุขภาพ 6. ความร่วมมือในสาขาเวชศาสตร์ครอบครัว 7. ความร่วมมือในสาขาความปลอดภัยทางอาหาร
โดยกิจกรรมภายใต้บันทึกความเข้าใจฯ จะดำเนินการในรูปแบบต่าง ๆ เช่นการแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญ การวิจัยร่วม การฝึกอบรม การสนับสนุนกิจการค้าร่วม โดยภาคเอกชนของคู่ภาคี และรูปแบบความร่วมมืออื่น ๆ ที่คู่ภาคีตัดสินใจร่วมกัน
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 6 มีนาคม 2561