ครม.อนุมัติ MOU ซื้อขายข้าวจีทูจีไทย-ฟิลิปปินส์ คาดปีนี้ฟิลิปปินส์นำเข้า 1.4 ล้านตัน
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Saturday, 03 May 2014 23:54
- Hits: 4052
ครม.อนุมัติ MOU ซื้อขายข้าวจีทูจีไทย-ฟิลิปปินส์ คาดปีนี้ฟิลิปปินส์นำเข้า 1.4 ล้านตัน
ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ในการจัดทำบันทึกความตกลงว่าด้วยการซื้อขายข้าวระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลฟิลิปปินส์ โดยมอบอำนาจให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์มอบหมายให้เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย
สำหรับสาระสำคัญของร่างบันทึกความตกลงฉบับนี้ มีเนื้อหาสอดคล้องกับบันทึกความตกลง (Memorandum of Agreement : MOA) ว่าด้วยการซื้อขายข้าวระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลฟิลิปปินส์ ซึ่งได้มีการจัดทำขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน 2554 ตามการอนุมัติของคณะรัฐมนตรี(21 กรกฎาคม 2552) โดยรัฐบาลไทยกับรัฐบาลฟิลิปปินส์ได้ตกลงที่จะซื้อขายข้าวระหว่างกันปีละ 1 ล้านตัน ในช่วงระยะเวลา 3 ปี จึงเป็นโอกาสของรัฐบาลไทยที่จะขายข้าวให้กับฟิลิปปินส์ในรูปแบบรัฐต่อรัฐ(G to G) หรือการเข้าร่วมประมูลซื้อข้าวของฟิลิปปินส์ตามข้อกฎหมายของรัฐบาลฟิลิปปินส์ได้ ทั้งนี้ คาดว่าฟิลิปปินส์จะนำเข้าข้าวในปี 2557 นี้ ประมาณ 1.4 ล้านตัน
การจัดทำบันทึกความตกลงฉบับนี้ จะเป็นเพียงกรอบความตกลงที่ทำให้รัฐบาลไทยสามารถเข้าร่วมประมูลขายข้าวหรือเจรจาซื้อขายข้าวในรูปแบบรัฐต่อรัฐ(G to G)กับฟิลิปปินส์เท่านั้น สำหรับการที่จะมีความตกลงซื้อขายข้าวนั้น ฝ่ายไทยจะต้องมีการเสนอราคาขายข้าวและเงื่อนไขอื่นการประมูลซื้อข้าวของฟิลิปปินส์ หรือทั้งสองฝ่ายจะต้องการเจรจาในรายละเอียดและเงื่อนไขการซื้อขายในภายหลัง
หวั่นประมูลข้าวถูกกดราคาหลังเอกชนชวดออเดอร์ฟิลิปปินส์ 8 แสนตัน
แนวหน้า : นายสมชาติ สร้อยทอง อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะทำงานพิจารณาการซื้อขายข้าวในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย(เอเฟท) ว่า ทางคณะประชุมมีมติว่าจะยังไม่มีการปรับหลักเกณฑ์การประมูลข้าวในตลาดเอเฟท และยืนยันว่าการอนุมัติขายข้าวในแต่ละครั้ง แม้จะมีปริมาณไม่มาก แต่จะต่อรองราคาให้ได้ในราคาดีที่สุด อิงราคาตลาด เพื่อนำเงินจากการขายข้าวคืนให้กับชาวนาต่อไป
ทั้งนี้ ยอมรับว่าการที่เอกชนไทยไม่สามารถชนะประมูลข้าวในตลาดฟิลิปปินส์จำนวน 8 แสนตัน เป็นผลให้ราคาเฉลี่ยข้าวของไทยลดลง โดยเฉพาะข้าวขาว 5% ขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 11-12 บาทต่อกิโลกรัม ลดลงเฉลี่ยกิโลกรัมละ 0.30 บาท ซึ่งมีความกังวลเล็กน้อยว่าอาจส่งกดดันให้เอกชนที่จะยื่นซองประมูลข้าวในสต็อกของรัฐบาลได้ โดยเฉพาะการเปิดประมูลข้าวเอเฟทครั้งที่ 10 ในวันที่ 23 เม.ย. นี้ อย่างไรก็ตามทางคณะกรรมการต่อรองราคาจะพิจารณาราคาที่อยู่ในเกณฑ์ไม่ให้ต่ำเกินไป
“วันนี้23เมษายน) อาจทำให้ผู้ที่มีความสนใจจะยื่นเสนอซองประมูลข้าวในตลาดเอเฟทกดราคาเสนอซื้อ แต่ทางคณะกรรมการจะต่อรองราคาให้ได้ในราคาที่ดีที่สุด เพราะเชื่อว่าเรื่องของราคาที่ลดลงเป็นไปตามกระแสข่าวในช่วงระยะหนึ่งเท่านั้น”
ขณะเดียวกันทางกรมการค้า ต่างประเทศได้มีการรายงานราคาข้าวของไทยมาว่า อาจจะมีแนวโน้มสูงขึ้นได้อีกในช่วงเดือน พ.ค. เนื่องจากมีหลายประเทศให้ความสนใจข้าวไทย เช่น กลุ่มตะวันออกกลาง แอฟฟิกา เกาหลีใต้ และจีน ซึ่งใช่วงเวลาดังกล่าวจะเดินทางเข้ามาเจรจาซื้อข้าวของไทย แต่จะเป็นสัดส่วนเท่าใดขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ ซึ่งเห็นว่าราคาข้าวไทยยังอยู่ใน เกณฑ์ที่ดี และต้องการเชิญชวนให้เอกชนที่ต้องการข้าว และสนใจนำข้าวไปทำข้าวถุง หรือส่งออกเข้ามาร่วมยื่นซองประมูลข้าวผ่านตลาดเอเฟท
“เชื่อว่าเรื่องราคาข้าวที่ตกลงน่าจะเป็นแค่ช่วงระยะหนึ่งเท่านั้น หากเป็นช่วงที่ราคาไม่ดีเราอาจมีการลดจำนวนข้าวที่เปิดประมูลลง เพื่อรักษามาตรฐานการขายข้าว แต่ก็เชื่อว่าราคาข้าวจะเริ่มดีขึ้นได้หลังจากนี้อีกไม่นาน เพราะมีหลายประเทศสนใจจะมาซื้อข้าวไทย ซึ่งจะเป็นสัดส่วนเท่าใดนั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ แต่เชื่อว่าราคาข้าวไทยยังมีราคาสูง”
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 23 เม.ย 57 จะมีการเปิดประมูลข้าวผ่านตลาดเอเฟท ครั้งที่ 10 จำนวน 2.12 แสนตัน แบ่งเป็นข้าวหอมมะลิกว่า 5 หมื่นตัน และข้าวขาว 5 % จำนวน 1.6 แสนตัน โดยเชื่อว่าจะสามารถระบายได้เกินกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนทั้งหมด พร้อมยืนยันว่าจะเดินหน้าระบายผ่านเอเฟท ต่อไปตลอดจนถึงสิ้นปี 57 ตามเดิม
อย่างไรก็ตาม จากการเปิดประมูลในช่วง 9 ครั้งที่ผ่านมา สามารถอนุมัติขายข้าวแล้วทั้งสิ้น 547,000 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท และยังมองว่าการกำหนดเกณฑ์ขายข้าวผ่านเอเฟทจะไม่มีการปรับ แม้ว่าการอนุมัติขายในแต่ละครั้งจะไม่มาก เพราะกระทรวงพาณิชย์จะอิงราคาตลาดให้มากที่สุด