- Details
- Category: การเมือง
- Published: Tuesday, 16 December 2014 11:32
- Hits: 4798
วันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8784 ข่าวสดรายวัน
สปช.ประชุมรับฟังข้อเสนอ 18 คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เผยมี 246 ประเด็น มากสุด 133 หัวข้อเป็นเรื่องเกี่ยวกับปฏิรูปการเมือง กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านทั่วประเทศลุกฮือค้านข้อเสนอ กปปส.กรณีให้ยกเลิกการบริหารส่วนภูมิภาค แล้วเลือกผู้ว่าฯ หวั่นกระทบยุบกำนันผู้ใหญ่บ้านด้วย ถ้าหากไม่ชัดเจนจะแสดงพลังครั้งใหญ่ขอเข้าพบ "บิ๊กตู่"ที่ทำเนียบ ด้านนายกฯ เตรียมลงพื้นที่ 26 ธ.ค. ที่พังงา พร้อมถือโอกาสพบปะรับฟังปัญหาจากชาวสวนยางด้วยตัวเอง เผยรักชาวสวนยาง แต่ก.ก.ละ 80 บาท ให้ไม่ได้ แนะลดต้นทุนด้านอื่นๆ ด้านรัฐบาลเตรียมหว่านอีกเอาแน่แจกของขวัญปีใหม่ เด็กแรกเกิด - 5 ขวบ เดือนละ 400 บาท อ้างผลวิจัยสนับสนุนพัฒนาการเด็กวัยแรก บิ๊กตู่อ้อนอีก-รักน้อยๆ แต่นานๆ เมื่อเวลา 10.15 น. วันที่ 15 ธ.ค. ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุนในระยะ 7 ปี (พ.ศ.2558-2564) ตอนหนึ่งว่า ปัญหาความขัดแย้งมีมาตั้งแต่ก่อนปี 2556-57 และส่งผลกระทบในวงกว้าง วันนี้ยืนยันว่าสถานการณ์ดีขึ้นระดับหนึ่ง ส่วนจะดีขึ้นกว่านี้หรือไม่ อยู่ที่ความร่วมมือกัน มีเสถียรภาพทางการเมืองมากขึ้น นายกฯ กล่าวว่า วันนี้เศรษฐกิจไทยจะติดลบ แต่ยังดีขึ้นบ้าง เรายังคาดหวังว่าปี 2558 การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจน่าจะอยู่ที่ร้อยละ 3.5-4.5 ความมั่นใจของนักลงทุนมีมากขึ้น ตัวเลขการขอรับการสนับสนุนส่งเสริมการลงทุนจากเดิมตัวเลขอยู่ที่ 7.6 แสนล้านบาท ปีนี้น่าจะทะลุอยู่ที่ 8 แสนล้านบาท เรื่องการท่องเที่ยวเริ่มดีขึ้นตั้งแต่เดือนต.ค. แม้การประมาณการจากปีที่ผ่านมาตัวเลขอยู่ที่ 26.7 ล้านคน แต่ตัวเลขทำได้ที่ 25 ล้านคน ถือว่ายังดีและยืนยันว่ากฎหมายที่เราประกาศใช้ ไม่มีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวหรือนักท่องเที่ยว "ทุกวันนี้ สถานการณ์และสิ่งต่างๆ เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น บ้านเมืองสะอาด ถนนไม่รกรุงรัง การค้าขายริมถนนหรือริมทางเท้าก็ได้รับการปรับปรุง ขอให้เลิกทะเลาะกัน เรื่องรัฐธรรมนูญ เรื่องสภาปฏิรูปแห่งชาติ อย่าไปอะไรมากนัก มันกินไม่ได้ ยืนยันว่ารัฐบาลทำทุกอย่างเต็มที่เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม ยืนยันว่าจะทำให้ดีที่สุด ขอขอบคุณทุกคนที่ร่วมมือ ขอให้รักกันน้อยๆ แต่รักกันนานๆ" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว รับปากดันราคายางที่ก.ก.ละ 60บาท จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการลงพื้นที่ จ.พังงา เพื่อร่วมงานรำลึกเหตุการณ์สึนามิในวันที่ 26 ธ.ค. จะพบกับชาวสวนยางว่า ถ้ามีโอกาสก็จะพบกับชาวสวนยาง ตอนนี้ทุกคนเดินหน้า แต่เมื่อราคาเป็นเช่นนี้จะทำอย่างไร ราคายางในบ้านเราเกินราคาตลาดโลก 2-3 เท่า จะไปขายใครได้ ซึ่งรัฐบาลทำทุกอย่างที่ไม่เคยมีรัฐบาลไหนทำมาก่อน อะไรที่ช่วยได้ก็ช่วย แต่รัฐบาล จะใช้เงินตรงนี้มากเกินไปไม่ได้ จะเอาเงินที่ไหนมาพัฒนาประเทศและเราต้องดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียคนอื่นๆ ด้วย ไม่ว่าข้าวหรือยาง ต้องใช้เวลา ทุกอย่างพันกันหมด เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าก่อนสิ้นปีราคายางจะเป็นไปตามที่ชาวสวนยางเรียกร้อง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า มันไม่ได้ ตลาดข้างนอกราคาอยู่ที่ 50-60 บาท แต่ชาวสวนยางขอ 80 บาท ส่วนที่ขอลดลงมาเป็น 60 บาท เราพยายามทำอยู่แต่จะไม่ซื้อมาเก็บไว้ในคลังทั้งข้าวทั้งยาง เพราะจะทำให้เสียค่าเช่าคลัง คนที่รวยคือเจ้าของคลัง เมื่อถามว่าภาคเอกชนจะรับซื้อในราคา 60 บาทได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า อยู่ระหว่างการเจรจา พยายามจะยกระดับให้สูงขึ้นอยู่ โดยรัฐบาลเอาเงินออกไปให้สหกรณ์ซื้อเก็บไว้ ถ้าพอใจราคาค่อยขาย เราไม่สามารถเอาเงินไปซื้อมาเก็บได้อีกแล้ว ที่ผ่านมาเก็บไว้เท่าไรแล้ว จะทำกันอย่างไร ถ้าตามใจกันทุกอย่างมันไม่ได้ ต้องช่วยกัน วันนี้งบการลงทุนต่ำลงเพราะหนี้สาธารณะยังมีอยู่ ซึ่งเกิดจากรัฐบาลกู้เงินมาอุดหนุน ทั้งข้าวทั้งยางและยังต้องจ่ายดอกเบี้ยทุกเดือน ซัดรัฐบาลเก่าๆ-แนะลดต้นทุน เมื่อถามว่าจะทำอย่างไรให้ชาวสวนยางรู้สึกว่าไม่ได้ถูกทอดทิ้ง นายกฯ ทุบที่หน้าอกด้านซ้ายของตัวเอง พร้อมกล่าวว่า "ส่งหัวใจให้เขา ผมไปทอดทิ้งตรงไหน เป็นห่วงเป็นใยตลอดตั้งแต่ก่อนยึดอำนาจ คิดถึงพวกเขาอยู่ ที่ทำเพราะคิดถึงพวกเขา และเมื่อพูดถึงเรื่องส่งหัวใจต้องมีน้ำเสียงดุหน่อย ก็มันคือหัวใจผม พอส่งไปหัวใจผมก็เล็กลง" นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลต้องแก้ปัญหาระยะยาว ชักชวนให้นักลงทุนมาตั้งโรงงานขนาดใหญ่แปรรูปยาง วันหน้าเราจะส่งออกยางให้มากที่สุดในโลก เพราะมีวัตถุดิบมากอยู่แล้ว แต่เหตุที่นักลงทุนยังไม่ตั้งโรงงานแปรรูปยางขนาดใหญ่ในเมืองไทยเพราะอะไร ให้ถามรัฐบาลเก่าๆ ดู ทำไมแผนเหล่านี้ไม่ออกมา ที่เป็นแบบนี้เพราะไม่มีการแก้ทั้งระบบ แต่พอเราทำก็ต่อต้าน จะใช้อำนาจก็ ไม่ได้ ต้องเอาหัวใจมาให้กัน ชาวสวนยางต้องอดทนไประยะหนึ่ง ต้องปรับเปลี่ยนตัวเองบ้าง ดูว่าต้นทุนสูงเพราะอะไร เพราะจ้างคนกรีดยางหรือเปล่า ต้องแบ่ง 60-40 ใช่หรือไม่ วันนี้ถ้าคนกรีดและเจ้าของสวนยางต้องการเงินเพิ่ม เท่ากับบวกไปเกินร้อย ขึ้นราคาไป 80-90 บาทแล้วจะไปขายใคร "ไปโทษไอ้เก่าๆ โน้น ส่วนใหม่กำลังมาทำก็ต้องอดทน ถ้าไม่เปลี่ยนแปลงตอนนี้ให้ช่วยเหลือทางการเงิน เหมือนเดิมจะให้ทำยังไง แล้วเกษตรกรส่วนอื่นจะทำอย่างไร ผมรักทุกคน คนจนผมรักอยู่แล้ว ผมรู้ความยากจนเป็นอย่างไร ผมไม่ได้ร่ำรวยมาก่อน พ่อแม่เลี้ยงลูกมาอดทนตลอด ต้องปรับพฤติกรรมตัวเองบ้าง เขาจึงบอกให้ใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง คือมีเหตุผลพอประมาณ ตอนนี้ถ้ามีปัญหาอุปสรรคก็ชะลอไว้ พอยางราคาสูงขึ้น ปรับใหม่ พอผมพูดอย่างนี้ก็โกรธอีก วันนี้ผมเป็นห่วงชาวสวนยาง" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว ปลื้มจีนเซ็นเอ็มโอยูรถไฟ-ข้าว พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ในวันที่ 19 ธ.ค.นี้ รัฐบาลจีนจะมาลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมกันกับไทย ในเรื่องรถไฟกับข้าว ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกัน ต้องตั้งคณะกรรมการทั้ง 2 ฝ่าย ศึกษาร่วมกันอีก เมื่อเวลา 16.30 น. หลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ พล.อ. ประยุทธ์ได้ประชุมคสช.และคณะที่ปรึกษาอย่างไม่เป็นทางการ ที่ตึกไทยคู่ฟ้า โดย พล.อ.ประยุทธ์เปิดเผยว่า เรียกมาติดตามการทำงานและสรุปว่า คสช.จะมีวาระใดนำเสนอให้ที่ประชุมรับทราบ เนื่องจากการประชุมร่วมระหว่าง ครม.และ คสช.วันที่ 16 ธ.ค. ที่ตึกสันติไมตรีนั้นมีเวลาน้อย การเรียกประชุมในวันเดียวกันนี้ เพื่อลดเวลา เพราะมีวาระการหารือเยอะ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ส่วนการประชุม ครม.ในวันที่ 23 ธ.ค. ตรงกับที่ตนมีภารกิจเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ก็จะประชุมปกติ แต่ถ้ามีวาระสำคัญ เช่น เรื่องเกี่ยวกับนโยบาย การแต่งตั้ง หรือต้องการให้อนุมัติเป็นพิเศษ ให้รอตน แต่ถ้าเป็นวาระปกติที่อนุมัติไว้ หรือผ่านกฎหมายไว้แล้ว รองนายกฯ ดำเนินการแทนได้ บิ๊กตู่สั่งไอซีทีเข้มเว็บหมิ่นสถาบัน รายงานข่าวแจ้งว่า ในการประชุมคสช.และคณะที่ปรึกษาคสช. ใช้เวลานาน 1 ชั่วโมงครึ่ง โดยพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมและผบ.ทบ. ได้รายงานสถานการณ์ในเรื่องทั่วไปให้ที่ประชุมรับทราบ ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ เน้นให้ขับเคลื่อนประเด็นเรื่องกฎหมายและงานต่างๆ ให้มีความคืบหน้า นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังย้ำให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เฝ้าระวังและคุมเข้มเว็บไซต์ที่หมิ่นสถาบัน เพราะการทำงานของไอซีที ยังไม่เต็มที่ ช่วยรัฐบาลไม่เต็มที่เท่าที่ควร ขณะที่รัฐบาลต้องเร่งขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของรัฐบาลให้มากกว่านี้ เพราะที่ผ่านมาติดปัญหาในเรื่องของงานธุรการและปัญหาหยุมหยิมมากเกินไป เผยวาระประชุมคสช.-รัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมร่วม ระหว่างครม. กับคสช. ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานการประชุม ในวันที่ 16 ธ.ค. เวลา 09.00 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ทางคสช.จะชี้แจงข้อเสนอแนะหรือข้อคิดเห็นต่างๆ ที่ได้จากการติดตามการบริหารงานของรัฐบาล ให้ครม.รับทราบ เมื่อจบประชุม ดังกล่าว ครม.จะประชุมต่อโดยมีวาระตามที่กระทรวงต่างๆ เสนอ อาทิ กระทรวงการคลัง เสนอรายงานสถานะหนี้สาธารณะของประเทศ และผลการดำเนินงานตาแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2557 ณ วันที่ 30 ก.ย.2557 อีกทั้งจะเสนอการขอขยายเวลาโครงการสินเชื่อส่งเสริม ผู้ประกอบอาชีพให้บริการรถสาธารณะในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย รวมถึงการขอขยายเวลามาตรการสำหรับเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในจ.ยะลา ปัตตานี นราธิวาส สตูล และ 4 อำเภอ ของ จ.สงขลา คือ จะนะ นาทวี สะบ้าย้อย และเทพา ด้านสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) จะเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่...) พ.ศ. ... และร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการเป็น กองบังคับการหรือส่วนราชการอย่างอื่นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่...) พ.ศ. ... ขณะที่กระทรวงคมนาคมจะรายงานผลการ กู้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้เพื่อให้ กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ในปีงบประมาณ 2558 "สุวพันธุ์"ตีปี๊บช่วยชาวนา-ยาง ที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงการรวบรวมรายงานของขวัญปีใหม่ของทุกกระทรวงเพื่อรายงานต่อนายกฯ ว่า ในวันที่ 17 ธ.ค. คณะทำงานจะประชุมเพื่อรวบรวมข้อมูลการทำงานของรัฐบาลในรอบ 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ย.- 12 ธ.ค. เพื่อนำข้อมูลมาจัดรวมกับรายงานที่จะส่งมอบให้นายกฯ และรองนายกฯ แต่ละคน
นายสุวพันธุ์กล่าวว่า ในวันที่ 17 ธ.ค. จะเปิดเผยความคืบหน้าเอกสารรายงานก่อนส่งมอบให้นายกฯ เพื่อนำไปแถลงผลงานรัฐบาลในวันที่ 25 ธ.ค. นี้ เบื้องต้นผลงานเด่นที่แต่ละกระทรวงส่งมาจะเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการเร่งรัดการจ่ายเงินให้เกษตรการชาวสวนยางและชาวนา เพื่อแก้ปัญหาราคายางพาราและข้าวตกต่ำ นอกจากนั้นให้ติดตามการใช้จ่ายงบลงทุนว่าเป็นไปตามที่สั่งการหรือไม่ แจกเด็กแรกเกิด-5ขวบเดือน 400บ. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลงานด้านสังคม ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมแถลงผลงานรัฐบาลในมิติของสังคมในวันที่ 25 ธ.ค. นี้ว่า จะแถลงผลงานของ 4 กระทรวงที่กำกับดูแล ส่วนแนวคิดของการทำโครงการพัฒนาคนไทยตลอดช่วงชีวิตนั้น เรื่องนี้เป็นเพียงแนวความคิดของรัฐบาลที่เป็นโครงการบูรณาการงบประมาณ 1 ใน 19 โครงการ ที่จะดำเนินงานในปีงบประมาณ 2559 เป็นต้นไป คือเริ่มวันที่ 1 ต.ค. 2558 โดยแนวคิดการพัฒนาคนตลอดชีวิตจะต้องพิจารณาตั้งแต่ระยะต้นคือ อายุ 0-5 ปี ที่ยังไม่มีการดูแลและคุ้มครองทั้งที่งานวิจัยพบว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่มีความสำคัญที่สุดของชีวิต "โครงการพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิตเป็นแนวคิดที่จะเกิดขึ้นปลายปี 2558 ก็อาจจะเป็นของขวัญปลายปีหน้า แต่ถือว่าเป็นของขวัญ ปีใหม่ปีนี้ได้ในแง่ของขวัญเชิงโครงการ ที่แนวคิดนำมาจากหลายประเทศในยุโรปรวมทั้งงานวิจัยของยูนิเซฟด้วย ที่บอกว่าควรจะมีการสนับสนุนผู้ปกครองของเด็ก ที่มีการศึกษาว่าของไทยน่าจะใช้เงิน 400 บาทต่อเดือน หาก 400 บาท/เดือน คูณ 12 เดือน ก็ 4,800 บาท/เดือนต่อครอบครัวในระยะเวลา 5 ปีก็ประมาณ 25,000 บาท และจะมีเด็กเกิดปีละ 5 แสนคน ก็เป็นเงินงบประมาณประมาณหมื่นล้านบาท ซึ่งไม่ใช่น้อย ดังนั้นจะต้องดูว่าควรจะทำอย่างไร" นายยงยุทธ์กล่าว นายยงยุทธ์กล่าวอีกว่า หากจำเป็นจะต้องสนับสนุนเป็นเงินก็ต้องหารือกันอีกว่าจะให้อย่างไร ให้ใครบ้าง ถ้าให้ทั้งหมดจะไหวหรือไม่ จะเหมือนกับกรณีเบี้ยผู้สูงอายุหรือไม่ที่มีหลายคนเขาไม่ต้องการแต่เขาก็มารับไป หรือจะให้เป็นสิ่งของแทน เช่น คูปองสำหรับซื้อนม อาหารหรือธาตุไอโอดีนที่เด็กไทยยังขาดและกระทบต่อสติปัญญาการพัฒนาการของเด็ก ก็ต้องมาคิดว่าจะให้อย่างไร โดยจะประชุมคณะกรรมการเพื่อจัดทำงบประมาณเชิงบูรณาการฯ ในวันที่ 29 ธ.ค. เพื่อจัดเตรียมก่อนนำเสนอในที่ประชุมครม.ในวันที่ 13 ม.ค.2558 แล้วจะตัดสินใจอีกครั้ง เผย"บิ๊กตู่"เตรียมพบชาวสวนยาง ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยว่า ในวันที่ 26 ธ.ค. นี้ พล.อ.ประยุทธ์ มีกำหนดการเดินทางร่วมงานรำลึก 10 ปี เหตุการณ์สึนามิ ที่ จ.พังงา ส่วนนายกฯ จะถือโอกาสพบกับเกษตรกรชาวสวนยางพื้นที่ภาคใต้เพื่อรับฟังปัญหาความเดือดร้อนจากราคายางตกต่ำด้วยหรือไม่นั้น ต้องรอฟังข้อมูลจากทีมงานนายกฯ ที่ลงพื้นที่ไปสำรวจข้อมูลและดูตารางงานทั้งหมดก่อน คาดว่าไม่เกินวันที่ 16 ธ.ค. นี้จะได้ข้อสรุป อย่างไรก็ตาม นายกฯ มีความประสงค์พูดคุยกับชาวสวนยางด้วยตัวเองอยู่แล้ว ด้านพล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกรัฐบาล เปิดเผยว่า วันที่ 26 ธ.ค. นายกฯ มีแนวโน้มลงพื้นที่พบเกษตรกรชาวสวนยาง หลังเสร็จสิ้นร่วมงานรำลึก 10 เหตุการณ์สึนามิ ที่ จ.พังงา เนื่องจากนายกฯ ต้องการลงพื้นที่รับฟังความเดือดร้อนจากประชาชนด้วยตัวเอง เพื่อติดตามแนวนโยบายรัฐบาลที่ให้ข้าราชการลงไปปฏิบัติ สร้างความเข้าใจต่อแนวทางแก้ไขปัญหา ส่วนกรณีชาวสวนยาง จ.พัทลุง นัดชุมนุมที่ศาลากลางจ.พัทลุง ในวันที่ 19 ธ.ค.นั้น ขอให้เห็นใจรัฐบาลด้วย ที่ผ่านมาพยายามทำทุกอย่าง ข้อเรียกร้องให้รัฐบาลแทรกแซงราคายางที่ ก.ก.ละ 80 บาท ให้ได้ก่อนสิ้นปีนั้น พยายามดำเนินการอยู่ แต่ไม่ใช่เรื่องง่าย ขึ้นอยู่กับราคาตลาดโลกด้วย เครือข่ายยางใต้จี้ก.ก.ละ 60บาท ที่ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายมนูญ อุปลา ผู้ประสานงานเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง 14 จังหวัดภาคใต้ พร้อมคณะ 5 คน ยื่นหนังสือต่อนายอวยชัย อินทร์นาค รองผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานี และพ.อ.ทวี เกิดสมบูรณ์ รองผบ.จทบ.สุราษฎร์ธานี ผ่านไปยังนายกฯ เพื่อเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาราคายางพาราให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อให้ชาวสวนยางมีรายได้เพิ่มขึ้น นายมนูญกล่าวว่า ทางเครือข่ายได้ประชุมและมีข้อสรุปว่าจะเรียกร้องให้รัฐบาลชดเชยราคายางพาราให้กับผู้ประกอบการยางพาราที่มีอยู่ทั่วประเทศ จากส่วนต่างของราคาตามกลไกตลาด ให้ได้ราคา ก.ก.ละ 60 บาทตามที่รัฐบาลกำหนดไว้ ขอให้รัฐดำเนินการทันทีโดยใช้งบฯ กลางของรัฐบาล และให้สถาบันเกษตรกรเป็นผู้รวบรวมยางพาราจากเกษตรกรชาวสวนยางส่งขายให้กับผู้ประกอบการยางพาราในแต่ละพื้นที่ ส่วนการชดเชยส่วนต่างกับผู้ประกอบการโดยตรงนั้นทำได้ หากราคายางในท้องตลาด ก.ก.ละ 45 บาท ภาครัฐจะต้องชดเชยส่วนต่าง 15 บาท แต่หากราคายางในตลาดเพิ่มขึ้นถึง 60 บาท รัฐก็ไม่ต้องชดเชยให้กับผู้ประกอบการอีกต่อไป "พนัส"เตือนเขียนรธน.ตัดสิทธิ์ ด้านนายพนัส ทัศนียานนท์ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงข้อเสนอของกมธ.ปฏิรูปปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบของสปช. ห้ามนักการเมืองที่เคยต้องโทษคดีทุจริตลงเลือกตั้งว่า ข้อเสนอนี้ชัดเจนว่ากีดกันส.ส.บ้านเลขที่ 109 และ 111 และในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวก็เขียนไว้เช่นกัน เป็นการออกแบบมาตั้งแต่ต้น เพื่อไม่ให้นักการเมืองเหล่านี้กลับเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมือง โดยเฉพาะฝั่งเพื่อไทยและพรรคที่เกี่ยวข้อง โดยอ้างว่าเพื่อป้องกันการซื้อสิทธิขายเสียง ซึ่งถือว่าไม่ยุติธรรม เพราะดูเหมือนว่าข้อเสนอนี้พยายามตัดเสียงข้างมากเดิมที่มีอยู่ในสภา เหลือแต่พรรคประชาธิปัตย์ที่แทบจะไม่เคยต้องโทษคดีทุจริต แต่ต้องมองย้อนว่าตั้งแต่พรรคพลังประชาชน จนมาถึงการเลือกตั้งปี 2554 ที่เป็นพรรคเพื่อไทยนั้น มีการซื้อเสียงกันหรือไม่ พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งได้เพราะฐานเสียงจากคนเสื้อแดง โดยเหตุผลที่เลือกเพราะอะไรก็รู้กันอยู่ "ถ้าข้อเสนอนี้มีผลบังคับใช้จริง บ้าน 109 และ 111 โดนตัดสิทธิ์ทางการเมืองก็อาจมีผลกระทบต่อพรรคบ้าง แต่อย่าลืมว่าส.ส.ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับโทษทุจริต หรือนักการเมืองรุ่นใหม่ยังมีอยู่มาก คิดว่าจะไม่มีตัวตายตัวแทนเลยหรืออย่างไร" นายพนัสกล่าว พท.ลุยแฉป.ป.ช.ขาดคุณสมบัติ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ กล่าวว่าในวันที่ 17 ธ.ค. เวลา 10.30 น. ตนพร้อมด้วยนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย จะเดินทางไปที่สำนัก งานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)สนามบินน้ำ เพื่อยื่นหลักฐานขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติของ กรรมการป.ป.ช.คนหนึ่ง หลังพบหลักฐานชัดเจนว่าขาดคุณสมบัติความเป็นป.ป.ช. โดยจะแถลงข่าวและแจกหลักฐานทั้งหมด รวมทั้งหนังสือที่ยื่นต่อป.ป.ช.แก่สื่อมวลชนในวันดังกล่าว ทั้งนี้ หากตรวจสอบพบว่ากรรมการป.ป.ช.คนดังกล่าวขาดคุณสมบัติจริง จะส่งผลให้ทุกคดีความที่มีกรรมการป.ป.ช.คนนี้ตัดสินเป็นโมฆะทั้งหมด และยกประโยชน์ให้จำเลย สปช.ถกรายงาน18กมธ.วิสามัญ เมื่อเวลา 09.50 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) มีนายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสปช. เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณารายงานของกมธ.สามัญติดตามและให้ข้อเสนอแนะการยกร่างรัฐธรรมนูญ เรื่องสรุปความเห็นหรือข้อเสนอแนะการยกร่างรัฐธรรมนูญของกมธ.วิสามัญประจำสภา 18 คณะเป็นวันแรก ซึ่งการประชุมครั้งนี้นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองประธานสปช.คนที่ 1 ในฐานะประธานกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ นำกมธ.ยกร่างฯ เข้าร่วมรับฟังข้อเสนอและความเห็นของสปช.ด้วย ก่อนเข้าสู่การประชุม นายเทียนฉายแจ้งว่ามีการถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์ช่อง เอ็นบีที และสถานีวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา ตามเวลาที่ได้รับจัดสรร ส่วนลำดับการพิจารณาจะเริ่มต้นจากให้นายไพโรจน์ พรหมสาส์น ประธานกมธ.วิสามัญติดตามฯ นำเสนอประเด็นข้อเสนอและความเห็นของสปช.ในภาพรวม 30 นาที จากนั้นให้ประธานกมธ.ปฏิรูปตามลำดับที่กมธ.วิสามัญกิจการสปช.กำหนด แถลงข้อเสนอแนะ 20 นาทีและสรุปไม่เกิน 10 นาที รวมไม่เกิน 30 นาที จากนั้นให้สมาชิกสปช.ที่แจ้งความจำนงขออภิปรายแต่ละประเด็น ไม่เกินคนละ 2 คณะ เมื่อขั้นตอนเสร็จตนจะขอมติที่ประชุมว่าจะส่งความเห็นทั้งหมดต่อกมธ.ยกร่างฯ หรือไม่ เสนอ 246ประเด็น-การเมืองมากสุด จากนั้นนายไพโรจน์รายงานว่า กมธ.ปฏิรูปทั้ง 18 คณะมีประเด็นนำเสนอรวม 246 เรื่อง เมื่อจำแนกตามโครงร่างและเรียงลำดับตามประเด็นที่เสนอพบว่าภาคที่ 2 ผู้นำการเมืองที่ดีและสถาบันการเมือง มีประเด็นที่นำเสนอมากที่สุดถึง 133 ประเด็น โดยอยู่ในส่วนของแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ 82 เรื่อง รองลงมาคือการกระจายอำนาจและการปกครองท้องถิ่น 16 เรื่อง ขณะที่หมวดว่าด้วยประชาชนซึ่งจัดอยู่ในภาคที่ 1 ว่าด้วยพระมหากษัตริย์และประชาชน มีประเด็นนำเสนอ 43 เรื่อง ภาคที่ 4 ว่าด้วยการปฏิรูปและการสร้างความปรองดองมี 35 ประเด็น จัดอยู่ในส่วนของการปฏิรูปเพื่อลดความเหลื่อมล้ำและการสร้างความปรองดองมากที่สุด รวม 33 เรื่อง และการสร้างความปรองดอง 2 เรื่อง
นายไพโรจน์กล่าวว่า ภาคที่ 3 ว่าด้วยนิติธรรม ศาล และการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐมีทั้งสิ้น 33 เรื่อง นอกจากนั้นยังมีประเด็นเสนอในบททั่วไป และมีข้อเสนอในส่วนบทเฉพาะกาล นำเสนอโดยกมธ.ปฏิรูปการคุ้มครองผู้บริโภค มีสาระสำคัญว่าในวาระเริ่มแรกให้ครม.ที่เข้าบริหารหลังการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ ให้จัดทำกฎหมายเพื่อตั้งองค์การคุ้มครองผู้บริโภคต่อสภาผู้แทนราษฎรภายใน 1 ปีนับตั้งแต่วันที่แถลงนโยบายต่อรัฐสภา และรัฐสภาต้องพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวให้เสร็จใน 1 ปีนับตั้งแต่เสนอ หากรัฐบาลดำเนินการไม่เสร็จตามระยะเวลา ต้องชี้แจงเหตุผลต่อสาธารณชนหรือรัฐสภา และระยะเวลาที่คาดว่าจะดำเนินการเสร็จ ชงตั้งองค์กรอิสระคุ้มครองผู้บริโภค จากนั้นเข้าสู่การรายงานของกมธ.ปฏิรูปคณะแรก โดยน.ส.สารี อ๋องสมหวัง ประธานกมธ.ปฏิรูปการคุ้มครองผู้บริโภค รายงานว่าควรจัดให้มีองค์กรอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค หากทำไม่เสร็จใน 1 ปีต้องชี้แจงต่อสาธารณชนและเวลาที่คาดว่าจะดำเนินการให้เสร็จ นอกจากนี้การพิจารณาร่างพ.ร.บ.ที่ประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมาย ต้องกำหนดระยะเวลาให้ชัดเจนและขั้นตอนไว้ในข้อบังคับการประชุมสภา รวมทั้งให้มีสัดส่วนตัวแทนประชาชนผู้เสนอกฎหมายไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 มีส่วนร่วมในกมธ.ของแต่ละสภา ด้านนายชูชาติ อินสว่าง สปช.สุพรรณบุรีอภิปรายว่า องค์กรคุ้มครองผู้บริโภคส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับรัฐ เช่น องค์การอาหารและยา(อย.) กสทช. กรมการค้าภายใน ซึ่งไม่สามารถคุ้มครองผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง อีกทั้งการคุ้มครองผู้บริโภคไม่มีความปลอดภัยและไม่มีคุณภาพ จึงเสนอขอให้มีองค์กรคุ้มครอง ผู้บริโภคที่เป็นอิสระอย่างแท้จริง นายบวรศักดิ์อภิปรายว่า กมธ.ยกร่างฯจะรับข้อสังเกตไว้เพื่อประโยชน์จัดทำรัฐธรรมนูญ ต่อไป แต่มีข้อสังเกตว่าในรายงานหน้า 376 กมธ.เสนอว่าให้ครม.หลังเลือกตั้งเร่งจัดทำกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคนั้น เห็นว่าไม่ควรรอให้รัฐบาลหลังเลือกตั้งเป็นผู้จัดทำ เพราะกมธ.คุ้มครองผู้บริโภคฯมีเวลา 1 ปี ควรจัดทำเองและเสนอครม.และสนช. ไม่น่าหวังให้คนอื่นทำ ถ้าทำอย่างนั้นได้ การปฏิรูปก็จะสมความมุ่งหวัง องค์กรตรวจฯนักการเมืองฟ้องคดีได้ จากนั้นเวลา 12.45 น. นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานกมธ.ปฏิรูปการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ รายงานต่อที่ประชุมว่าให้ประชาชนมีสิทธิพื้นฐานเข้าถึงข้อมูลข่าวสารสาธารณะและร้องขอข้อมูลการดำเนินงานและตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นักการเมือง หน่วยงานรัฐ และเจ้าหน้าที่รัฐ ประชาชนมีสิทธิเลือกตั้งผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองทุกระดับและจากพรรคที่มีคุณธรรม จริยธรรม และติดตามสอดส่องผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รวมทั้งมีสิทธิถอดถอนได้ รวมทั้งมีมาตรการกำกับคุณ สมบัติให้นักการเมือง ผู้นำทางการเมือง ผู้แทนของประชาชนหรือผู้ที่เกี่ยวข้องในพรรคมีคุณธรรม จริยธรรม ยึดมั่นในจรรยาบรรณวิชาชีพ นายประมนต์กล่าวว่า พรรคมีหน้าที่เสนอผู้สมัครรับเลือกตั้งทุกระดับ ให้มีบทลงโทษกรณีซื้อสิทธิขายเสียง ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายเสียงและผู้เกี่ยวข้อง กำหนดมาตรการป้องกันปัญหาความขัดแย้งแห่งผลประโยชน์ของ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในฝ่ายบริหาร คือนายกฯ ครม. และผู้เกี่ยวข้อง นักการเมือง ทุกระดับต้องรับผิดชอบพฤติกรรมและจริยธรรมของผู้ติดตาม ที่ปรึกษาและเครือข่าย รวมทั้งสร้างระบบถ่วงดุลอำนาจและขอบเขตการใช้อำนาจหน้าที่ของผู้ดำรงตำแหน่งทาง การเมือง นายประมนต์กล่าวว่า ศาลต้องมีอำนาจตุลาการเป็นอิสระ เป็นธรรม และยึดถือความถูกต้องเป็นหลัก รวมทั้งให้องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญมีหน้าที่ตรวจสอบการทุจริตและส่งฟ้องคดีได้เอง การสอบสวนคดีทุจริต ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ต้องกำหนดระยะเวลาไต่สวนและฟ้องดำเนินคดีโดยเร็ว คดีเกี่ยวกับทุจริตต้องไม่มีอายุความ นายประมนต์กล่าวว่า ข้อเสนอแนะให้เขียนไว้ในบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญฉบับถาวร คือ 1.ข้อเสนอแนะที่ผ่านการรับรองของสปช.แล้ว และต้องตราเป็นกฎหมายเพื่อให้มีผลบังคับ แต่ยังดำเนินการไม่เสร็จ ให้สภานิติบัญญัติที่ตั้งขึ้นตามรัฐธรรมนูญต้องดำเนินการต่อให้เสร็จภายใน 2 ปี หลังปิดสมัยประชุมครั้งแรก 2.ให้รัฐบาลที่ตั้งขึ้นตามรัฐธรรมนูญต้องดำเนินการต่อเนื่องให้บรรลุวัตถุประสงค์ เป็นเวลาอย่างน้อย 3 ปี และ 3.ให้มีกลไกทำหน้าที่ติดตาม ประเมินผและให้ข้อเสนอแนะแก่สภานิติบัญญัติ รัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูปต่อไปให้เกิดผลอย่างแท้จริง นายปกรณ์ ปรียากร กมธ.ยกร่างฯ อภิปรายว่า เราต้องทำให้ประชาชนสมหวังซึ่งจะเป็นประโยชน์มาก ข้อเสนอหลายเรื่องตรงกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว และข้อเสนอให้คดีทุจริตไม่มีอายุความ ถือเป็นประเด็นที่ส่วนใหญ่เห็นตรงกันและส่งมายังกมธ.ยกร่างฯ เราจะบรรจุเรื่องต่างๆไว้ในรัฐธรรมนูญให้มีประโยชน์มากที่สุดเท่าที่ทำได้ ไม่เช่นนั้นก็เสียของ ตั้งสภาประชาชนกำกับดูแลสื่อ จากนั้นนายอำพล จินดาวัฒนะ ประธานกมธ.ปฏิรูปสังคม ชุมชน เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ด้อยโอกาส ชี้แจงรายงานว่า กมธ.สังคมฯเสนอ 8 ประเด็นประกอบด้วย 1.ขอบเขตความคุ้มครองของรัฐธรรมนูญ เช่น ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิเสรีภาพ ที่ต้องได้รับความคุ้มครอง 2.สิทธิที่ควรได้รับความคุ้มครองจากรัฐธรรมนูญ 3.ความเสมอภาค เท่าเทียมกัน และการไม่เลือกปฏิบัติ 4.สิทธิชุมชน 5.หน้าที่พลเมือง 6.การสร้างครอบครัวเข้มแข็ง ร่มเย็นและเป็นสุข 7.สังคมคุณธรรม และ 8.การปฏิรูปเพื่อลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรม นางสารี อ๋องสมหวัง สมาชิกสปช.อภิปรายแสดงความเห็นด้วย พร้อมเสนอเพิ่มเติมเรื่องบำนาญประชาชน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำเรื่องการกระจายรายได้ ต่อมานายจุมพล รอดคำดี ประธานกมธ.ปฏิรูปการสื่อสารมวลชนและเทคโนโลยีสารสนเทศ รายงานที่ประชุมว่า สื่อมวลชนและผู้ประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชนทั้งภาครัฐและเอกชนต้องได้รับหลักประกันความเป็นอิสระในการประกอบอาชีพ ไม่ถูกครอบงำ แทรกแซงจากอำนาจรัฐ และอำนาจทุน เพื่อให้การนำเสนอข้อมูลข่าวสารเที่ยงตรง รัฐต้องดูแลและส่งเสริมการใช้สื่อใหม่อย่างมีประสิทธิ ภาพ เพื่อไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อของข่าวสาร จึงควรตั้งสภาประชาชนเพื่อกำกับดูแลสื่อ และให้ข้อมูลเพื่อเพิ่มทักษะการรู้เท่าทันสื่อ นอกจากนี้ยังเสนอให้มีกฎหมายว่าด้วยการเอาผิดทางอาญาอย่างชัดเจนกับการสื่อสารที่ทำให้เกิดความเกลียดชังกันในสังคม ควบคุมการซื้อพื้นที่โฆษณาของรัฐ สำหรับประเด็นดังกล่าวมีผู้อภิปราย 2 คน มีสาระขอให้เพิ่มเติมการกำกับดูแลสื่อเทียมหรือสื่อที่นำเสนอเพียงข้อมูลด้านเดียว หรือโฆษณาชวนเชื่อ และขอให้มีมาตรการกำกับสื่อในกลุ่มโซเชี่ยลมีเดียหรือสื่อบนอินเตอร์ เน็ต ที่พบว่ามีการกระจายข้อมูลสู่สาธารณะโดยขาดการกลั่นกรอง หรือข้อเท็จจริงและก่อให้เกิดปัญหา และการกระทำที่ผิดกฎหมาย ด้านนายมานิจ สุขสมจิตร รองประธานกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ คนที่ 2 กล่าวว่า ประเด็นที่กมธ.นำเสนอสามารถนำไปเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญได้ และมีบางประเด็นที่อยู่ในกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือบทบัญญัติของประมวลจริยธรรม ส่วนประเด็นกลุ่มรัฐเข้าครอบงำสื่อมวลชนด้วยการซื้อพื้นที่โฆษณานั้น ล่าสุดคณะทำงานที่เกี่ยวข้องเตรียมเสนอกฎหมายควบคุมการโฆษณาของรัฐที่มีหลักเกณฑ์โฆษณา ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยลดการแทรกแซงด้วยการใช้งบประมาณรัฐซื้อพื้นที่โฆษณาได้ ชี้ตัดสิทธิ์กลุ่ม 111-109วุ่นแน่ วันเดียวกัน นายยอดพล เทพสิทธา คณะนิติศาสตร์ ม.นเรศวร กล่าวถึงข้อเสนอให้ตัดสิทธิผู้ต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย และการกระทำทุจริตประพฤติมิชอบ เข้าดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่า ตนไม่เห็นด้วย เพราะไม่มีหลักประกันใดที่จะมายืนยันได้เลยว่านักการเมืองที่ไม่เคยต้องคดีแล้วจะไม่ทุจริตในอนาคต ถ้าต้องการควบคุมนักการเมืองที่ทุจริตก็ควรไปออกแบบกลไกการตรวจสอบ ไม่ใช่ออกกฎหมายจำกัดสิทธิ ที่สำคัญการใช้สิทธิเลือกตั้งผู้แทนของประชาชนก็คือกลไกตรวจสอบคัดกรองผู้สมัครรับเลือกตั้งในระดับหนึ่งอยู่แล้ว นายยอดเทพกล่าวว่า หากบังคับใช้ บ้านเลขที่ 109 และ 111 จากพรรคใหญ่ เช่น พลังประชาชน ชาติไทยพัฒนา ภูมิใจไทย ยกเว้นพรรคประชาธิปัตย์จะได้รับผลกระทบโดยตรง ทั้งที่ใช้โทษไปหมดแล้ว ประชาชนโดยเฉพาะที่เป็นฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยก็จะเกิดความสับสนว่า โรดแม็ประยะที่ 2 นี้ คือการปฏิรูปหรือล้างบางกันแน่ แนะใช้บังคับภายหน้าดีกว่า นายสมชาย ปรีชาศิลปกุล คณะนิติศาตร์ ม.เชียงใหม่ กล่าวเรื่องเดียวกันว่า เท่ากับออกกฎหมายเอาผิดคนย้อนหลัง อาจก่อให้เกิดปัญหาทางกฎหมาย เพราะถือเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของคนในสังคม สั่นคลอนความมั่นคงของมนุษย์อย่างแรง เพราะจะไม่มีใครรู้ว่าสิ่งที่ทำกันอยู่ในวันนี้ในภายภาคหน้าอาจมีการเพิ่มโทษ ทั้งที่เคยรับโทษตามกฎหมายมาแล้ว ขัดต่อระบบกฎหมายสมัยใหม่อย่างสิ้นเชิง หากคิดว่าข้อเสนอนี้จะช่วยป้องกันนักการเมืองที่ทุจริตประพฤติมิชอบ ก็ควรออกกฎหมายไปข้างหน้า เช่น ตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นไป ใครทุจริตโกงเลือกตั้งก็ตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต น่าจะได้ผลดีกว่า ข้อเสนอนี้เห็นชัดว่ามีเจตนาทางการเมือง เพราะหากพูดถึงการทุจริต ทำไมไม่พูดถึงการทุจริตในแวดวงข้าราชการ นายเอกชัย ไชยนุวัติ นักวิชาการนิติศาสตร์ กล่าวว่า หากผลเป็นการลงโทษอดีตสมาชิกบ้านเลขที่ 111 และ 109 ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองไปแล้ว จะขัดกับหลักกฎหมายทั่วไป เพราะทำให้เขาไม่สามารถกลับมาทำงานการเมืองได้อีก ถือว่าขัดต่อหลักสิทธิพลเมือง นักการเมืองเหล่านี้ถูกลงโทษไปแล้วและพ้นโทษมาแล้ว หากไปลงโทษซ้ำอีกรอบจะเท่ากับออกกฎหมายย้อนหลังไปลงโทษเขาอีกหลังจากถูกลงโทษไปแล้ว สิ่งนี้เป็นสิ่งที่กฎหมายมหาชนไม่ให้ทำ กำนันผญบ.ฮือ-ค้านยุบท้องถิ่น วันที่ 15 ธ.ค. จากกรณีคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งเปิดรับฟังความคิดเห็นจากฝ่ายต่างๆ ได้ระบุในรายงานถึงข้อเสนอให้ยุบหรือยกเลิกการบริหารราชการส่วนภูมิภาค และให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯโดยตรง ซึ่งเป็นข้อเสนอจาก กปปส. ในการประชุมกมธ.ยกร่างฯ ครั้งที่ 10 วันที่ 25 พ.ย.นั้น ปรากฏว่า สมาคมและชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านทั่วประเทศได้เคลื่อนไหวยื่นหนังสือคัดค้านดังกล่าว โดยนายยงยศ แก้วเขียว นายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านแห่งประเทศไทย และนายเรวัต เครือบุดดีมหาโชค ประธานสหพันธ์ปลัดอำเภอแห่งประเทศไทย (ส.ปอ.ท.) พร้อมตัวแทน 17 คน ยื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ผ่านเจ้าหน้าที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกฯ เพื่อคัดค้าน ข้อเสนอดังกล่าว โดยระบุว่าอาจส่งผลกระทบต่อการบริหารงานและอาจเป็นชนวนขัดแย้ง ในท้องถิ่นและระดับชาติ พร้อมกันนี้ได้เสนอให้ยุบองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ทั่วประเทศ เนื่องจากไม่สามารถสนองตอบประชาชนได้อย่างเต็มที่ และบางส่วนยังพบว่ามีปัญหาไม่โปร่งใส ขณะที่จังหวัดต่างๆ กลุ่มกำนันผู้ใหญ่บ้าน ปลัดอำเภอ ผู้ช่วยกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นก็เคลื่อนไหวยื่นหนังสือคัดค้านข้อเสนอนี้เช่นกัน อาทิ จ.ประจวบคีรีขันธ์ พิษณุโลก ปัตตานี อุดรธานี อุบลราชธานี กาญจนบุรี ราชบุรี สตูล สุรินทร์ บุรีรัมย์ นายทัศนัย สุขสบาย ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านจ.ขอนแก่น ระบุว่า ข้อเสนอให้ยุบรวมรูปแบบการปกครองส่วนภูมิภาค เป็นการกระจายอำนาจแบบสุดโต่ง ส่งผลให้ผู้ปฏิบัติงานวิตกกังวลและเสียกำลังใจ กระทบต่อการบริหารงานในท้องถิ่น นักวิชาการและกลุ่มการเมืองบางกลุ่มอาจต้องการทำเพื่อพวกพ้องแต่ไม่มองถึงข้อเท็จจริง "หากยังคงคลุมเครือ กำนันและผู้ใหญ่บ้านจากทั่วประเทศจะนัดรวมตัวครั้งยิ่งใหญ่เพื่อขอคำตอบที่ชัดเจนและแสดงพลังของฝ่ายปกครองกับนายกฯที่ทำเนียบรัฐบาล หลังเสร็จสิ้นเทศกาลปีใหม่" นายทัศนัยกล่าว พ.ท.พิทักษ์พล ชูศรี รองหัวหน้าฝ่ายกิจการพลเรือน มทบ.23 กล่าวว่า กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยพื้นที่ขอนแก่นจะเฝ้าติดตามข้อมูลการชุมนุมของทุกกลุ่มเพื่อให้เป็นไปตามประกาศกฎอัยการศึกของ คสช.อย่างเคร่งครัดที่สุด ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านแต่ละจังหวัดรวมตัวกันคัดค้านแนวคิดเลือกตั้งผู้ว่าฯ รวมถึงการเลือกตั้งท้องถิ่นในทุกระดับว่า ขณะนี้ยังเป็นช่วงใช้กฎอัยการศึกอยู่ แต่ตนไม่กังวลใจหากท้องถิ่นจะออกมาเคลื่อนไหว เพียงแต่มองว่าไม่มีประโยน์ที่ท้องถิ่นจะรวมตัวหรือชุมนุมคัดค้านเรื่องนี้ เพราะรวมตัวไปก็ไม่มีใครตอบสนอง ไม่เกิดผล ที่สำคัญยังสุ่มเสี่ยง ล่อแหลม อาจขัดกฎหมายการชุมนุมด้วย ขอให้เสนอความคิดเห็นต่อสปช.จะดีกว่า ศธ.มอบ 5โครงการรับปีใหม่ วันที่ 15 ธ.ค. ที่กระทรวงศึกษาธิการ นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกฯ กล่าวภายหลังประชุมติดตามการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลและศธ.ว่า ศธ.จัดเตรียมของขวัญปีใหม่มอบให้ประชาชนตามนโยบายของนายกฯ ภายใต้ชื่อ เรียนรู้...สู่อาชีพ จำนวน 5 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการครูพระราชทาน...สัญญาณจากฟากฟ้า ให้โรงเรียนขนาดเล็กทุกโรงเรียนจัดการเรียนการสอนโดยใช้โทรทัศน์ทางไกลผ่านดาวเทียม 2.โครงการ กศน.ฝึกอาชีพให้ประชาชน หนึ่งคน..หนึ่งอาชีพ 3.โครงการอาชีวะ ซ่อม สร้าง เสริม ส่งสุข เน้นให้บริการตรวจซ่อมบำรุงรักษาเครื่องมือ อุปกรณ์ประกอบอาชีพ 4.โครงการสัปดาห์อาชีวะ เอกชน สร้างคน สร้างชาติ นักเรียนโรงเรียนเอกชนอาชีวศึกษาทั่วประเทศร่วมกิจกรรมจิตอาสาเพื่อให้บริการชุมชน และ 5.โครงการอุดมศึกษา สร้างความรู้ สร้างอาชีพ สร้างความสุข สู่ชุมชน โดยให้วิทยาลัยชุมชนจัดฝึกอบรมอาชีพระยะสั้น พัฒนาทักษะและเสริมสร้างประสบการณ์ด้านอาชีพ นายกฤษฎา บุญราช อธิบดีกรมการปกครอง เปิดเผยว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่ กรมการปกครองได้อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนา ติดต่อขอรับบริการงานทะเบียนราษฎรและบัตรประจำตัวประชาชนได้ โดยให้อำเภอเปิดบริการนอกเวลาทำการปกติในวันที่ 3 หรือ 4 ม.ค. 2558 รวมทั้งเปิดคลินิกสัญชาติ (วังไชยา กรุงเทพฯ) ในวันดังกล่าวด้วย เพื่อปรึกษาช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาเรื่องสัญชาติให้กับประชาชน บิ๊กตู่ย้ำไทยพร้อมรับมือ"อีโบลา" เมื่อเวลา 08.15 น. วันที่ 15 ธ.ค. ที่โรงแรมรอยัล ออร์คิด เชอราตัน กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน+3 สมัยพิเศษว่าด้วยการเตรียมพร้อมและป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา โดยมีบุคคลชั้นนำระดับสูง อาทิ นายเล เลือง มินห์ เลขาธิการอาเซียน และรัฐมนตรีสาธารณสุขประเทศสมาชิกอาเซียน+3 เข้าร่วมการประชุม นายกฯ กล่าวว่า สถานการณ์ระบาดของอีโบลาในแอฟริกาตะวันตกน่าเป็นห่วงมาก มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 6,000 คน จำนวนผู้ติดเชื้อขยายตัวเพิ่มมาก ก่อให้เกิดวิกฤตด้านสาธารณสุขและการแพทย์ เพราะยังไม่สามารถหาวิธีป้องกันโรค ยับยั้งหรือรักษาประชาชนที่ติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า รัฐบาลไทยตระหนักถึงความรุนแรงของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้ออีโบลา จึงมีเครือข่ายเฝ้าระวัง หน่วยตรวจวินิจฉัยโรค และหน่วยตัดสินใจเชิงนโยบายเพื่อสกัดกั้นการแพร่กระจายได้อย่างทันท่วงที ซึ่งหลักสำคัญในการรับมือกับโรคนี้ คือการตื่นตัว แต่ไม่ตื่นตระหนก สร้างภูมิคุ้มกันผ่านการสร้างความรู้ให้กับประชาชน เสริมสร้างศักยภาพและขีดความสามารถทางการแพทย์และบริการสาธารณสุข มีระบบเฝ้าระวังและเตือนภัยล่วงหน้า มีระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารที่โปร่งใสและทันท่วงทีและกลไกการรับมือที่มีประสิทธิภาพ นายกฯกล่าวว่า ขอส่งกำลังใจไปยังบุคลากรด้านสาธารณสุขนานาชาติที่อุทิศตน เสียสละ และปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่ระบาดของโรคอย่างเข้มแข็ง เพื่อช่วยกันยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาและรักษาผู้เจ็บป่วยโดยไม่ย่อท้อ ซึ่งไทยได้มอบความช่วยเหลือผ่านองค์การอนามัยโลก และอยู่ระหว่างการระดมทุนเพื่อให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม ทั้งนี้ ไทยพร้อมสนับสนุนในเรื่องนี้อย่างเต็มที่ อาศัยเครือข่ายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าอาเซียนบวกสาม และยินดีแลกเปลี่ยนประสบการณ์การพัฒนาหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้ากับนานาประเทศต่อไป ชวนสวดมนต์ข้ามปีถวายในหลวง เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 15 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม ในฐานะกรรมการมหาเถรสมาคม นายพนม ศรศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการกองทุนสำนักงานสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมแถลงข่าวการจัดกิจกรรม "สวดมนต์ข้ามปี เริ่มต้นดี ชีวิตดี" โดยความร่วมมือระหว่างสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หน่วยงานภาครัฐและเครือข่ายภาคประชาชนเข้าร่วม ประกอบด้วย มหาเถรสมาคม เครือข่ายองค์กรงดเหล้า และ สสส. นายยงยุทธกล่าวว่า รัฐบาลเชิญชวนประชาชนทั่วประเทศร่วมกิจกรรมส่งความสุขและความปรารถนาดีในช่วงส่งท้ายปี โดยการร่วมใจสวดมนต์เจริญสติเพื่อเป็นสิริมงคล เพื่อก้าวข้ามปีอย่างสร้างสรรค์ งดการฉลองด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อันเป็นสาเหตุของความรุนแรงหรืออุบัติเหตุ โดยรัฐบาลสนับสนุนให้วัดกว่า 30,000 แห่งทั่วประเทศจัดกิจกรรม โดยมีศูนย์กลางที่พุทธมณฑลและวัดปากน้ำภาษีเจริญ ประชาชนที่สนใจสามารถร่วมสวดมนต์ได้ในวันดังกล่าว เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 87 พรรษา ด้านนายพนมกล่าวว่า ที่พุทธมณฑลจะมีกิจกรรมปฏิบัติธรรมข้ามปี ระหว่างวันที่ 30 ธ.ค.2557 - 1 ม.ค.2558 และกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี วันที่ 31 ธ.ค. บรรยายธรรมส่งความสุขปีใหม่ โดยสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวจะถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 ในเวลา 22.30 - 00.30 น. เพื่อให้ประชาชนทางบ้าน และวัดไทยในต่างประเทศร่วมกิจกรรมไปพร้อมกัน |