WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

วันที่ 09 ธันวาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8777 ข่าวสดรายวัน


ไม่มีปฏิวัติซ้อน ตรงกัน! ทั้งนายกฯ-ผบ.ทบ. 
ร่วมกันโต้บิ๊กจิ๋ว-แค่ลือ อจ.ปื๊ดแจงเลือกนายก แค่สูตรแกงส้ม-ไม่ยุติ กมธ.เสียงแตก-ลดสส. ม็อบยางสุราษฎร์ระดม

ปฏิเสธ - เจ้าหน้าที่นำตัว 5 ผู้ต้องหา ถูกกล่าวหาเป็นชายชุดดำใช้อาวุธปืนเอ็ม 79 ยิงใส่เจ้าหน้าที่บริเวณแยกคอกวัว กทม. เมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553 มาขึ้นศาลอาญา ถนน รัชดาฯ โดยทั้งหมดให้การปฏิเสธ เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.

      รมช.เกษตรฯ 'อำนวย ปะติเส' ยันทำอย่างไรยางพาราก็ไม่ถึงก.ก.ละ 80 บาทโอดน้ำมันโลกราคารูดกระทบถึงยาง ด้าน 'บิ๊กตู่'พร้อมส่งผู้รับผิดชอบเจรจาม็อบ สุราษฎร์ฯเริ่มชุมนุมแล้ว จี้รบ.แก้ราคายางลั่นปักหลักจนกว่าจะได้รับคำตอบ ยันไม่มีเบื้องหลังชาวบ้านมากันเองเพราะความเดือดร้อน ปัดพูดคุยกับทหาร ด้านอดีตแกนนำพธม. ชุมพรลั่นระดมทั่วประเทศ ชี้แก้ปัญหาผิดวิธีใช้เงินนับหมื่นล้านแต่ไม่ได้ผล พร้อมตะเพิด'หม่อมอุ๋ย-ปีติพงศ์'ออกจากด้วย 'สมบัติ ธำรงธัญวงศ์'ปธ.กมธ.ปฏิรูปการเมืองดันเลือกส.ส.พวงใหญ่ 350 คน ส.ว.เลือกตั้ง 77 คน สรรหาอีก 77 ด้าน 'อาจารย์ปื๊ด'แจงเลือกตรงนายกฯ แค่สูตรแกงส้ม ยังไม่ยุติว่าจะเอาตามนี้หรือไม่ 'ประยุทธ์'ยันไม่มีปฎิวัติซ้อน


'บิ๊กตู่'ชี้ป.ป.ช.ต้องไม่เข้าข้างใคร
      เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 8 ธ.ค. ที่สำนักงานป.ป.ช. สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช.ปาฐกถาพิเศษเรื่อง 'ความโปร่งใสในการบริหารจัดการองค์กรของประเทศไทย'ว่า ผู้ทำหน้าที่ตรวจสอบการทุจริตไม่สามารถทำงานเข้าข้างใครคนใดคนหนึ่งได้ เพราะปัญหาการทุจริตเป็นกับดักประเทศ ต้องยึดกฎระเบียบ ค่านิยม กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย แต่ไม่อยากให้กฎหมายเป็นเรื่องของการลงโทษอย่างเดียว กฎหมายมีไว้คุ้มครองทุกคน ต้องลดความเหลื่อมล้ำ ให้คนเข้าถึงกระบวนการต่อสู้อย่างยุติธรรม
      นายกฯ กล่าวว่า กฎหมายต้องทำให้คนอยู่ร่วมกันได้ ไม่ใช่สร้างความแตกแยก วันนี้รัฐบาลทำอย่างนี้อยู่ ทำตั้งแต่เป็นคสช. รู้ว่า ยาก แต่ต้องเริ่มต้นวางโครงสร้างไว้เพื่อให้รัฐบาลใหม่รับช่วงทำต่อ ตอนนี้ยังใช้หลักการทหาร วางโรดแม็ปไว้อย่างชัดเจน การทำงานต้องมีตัวชี้วัด ใช้หลักตรวจสอบตัวเดียวกันทุกองค์กร นอกเหนือจากให้รางวัลต้องมีมาตรการลงโทษด้วย 
      นายกฯ กล่าวว่า ตนไม่ได้อยากเข้ามา สร้างความเดือดร้อน หรือต้องการมีอำนาจ แต่ต้องมีอำนาจเพื่อขับเคลื่อนประเทศไป ข้างหน้า เรื่องโครงสร้างพื้นฐานอยากทำแต่ไม่มีเงิน ดังนั้น ต้องหารายได้เข้ารัฐมากขึ้นยังดีที่ประเทศมีหนี้สาธารณะไม่เกิน 46 เปอร์เซ็นต์เพราะถ้าเกินกว่านี้ต้องเหนื่อยหน่อย เพราะเราเป็นประเภทใช้เงินได้ แต่หาเงินไม่ได้ จึงถอยหลังอยู่อย่างนี้ เป็น "เสือย่อตัว" ขาหลังอ่อนแรง 

ถือเบญจศีล-ขรก.ต้องมีเมียเดียว
     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ระบบราชการต้องแก้ไข เพราะโครงสร้างมีปัญหามาก ต้องปรับใหม่ทั้งหมด แต่การปฏิรูประบบราชการใน 1 ปีทำได้ยาก การลดคนทำง่าย แต่คนที่ตกงานจะเดือดร้อน ต้องมาหางานให้เขาทำอีก การเปลี่ยนงานทำได้แต่อย่าให้ย้ายที่ทำงาน ให้โตในจังหวัด อย่าไปแบ่งเป็น 2 ครอบครัว ต้องมีเมียเดียว ตนเป็นเบญจศีล ถ้าจะปฏิรูปต้องดูทั้งระบบ เวลาทำงานคิดแล้วสั่ง แต่เมื่อสั่งแล้วต้องดูคนที่ไปปฏิบัติด้วยว่าไม่เดือดร้อน ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ต้องทำให้กฎหมายถ่วงดุล ต้องอยู่ตรงกลาง ไม่อย่างนั้นประเทศชาติเลวหมด อย่าทำให้เกิดเส้นแบ่ง การบริหาร การตรวจสอบ ทับซ้อนกันจนทำงานไม่ได้ ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกภาคส่วน 
      พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนเป็นห่วงเรื่องปฏิรูป ผู้ที่มีส่วนต้องชี้เป็นชี้ตาย ผู้บริหาร เช่น ป.ป.ช.หรือองค์กรอิสระต่างๆ อันตราย เพราะถูกกดดัน ต้องหามาตรการป้องกัน ตัวเอง เวลามีมาตรการป้องกันตัไวเองแบบนี้ ยกมือก็ยกได้หมด แต่ก็ต้องดูแลเพราะรู้ว่า ถูกกดดัน ทั้งโทรศัพท์ อันตราย ลูกเมียก็ เดือดร้อน เหมือนกันหมดใครทำอะไรดีๆ ก็อันตรายเพราะคนไม่ดีมันใช้นอกกฎหมาย วันนี้ทุกอย่างจะดีขึ้น ขอให้ทุกคนอดทนอีกนิด อย่าเพิ่งกังวล อย่าเพิ่งร้องเรียน ที่แก้มานี้ ก็แก้มากกว่าทุกรัฐบาลแล้ว แค่ 3 เดือนจะเอาเร็ว ทุกอย่างมันยาก ต้องค่อยๆ เดินไป ทำไป

ส่งคนไปพูดคุยแกนม็อบยางใต้
       นายกฯ กล่าวว่า ปีใหม่ปีนี้ขอให้มี ความสุข ของขวัญไม่ต้องห่วง มีเยอะ มีกว่า 700-800 รายการ ขายของลดราคา ถ้าลดได้อยากให้ลด 50 เปอร์เซ็นต์ แต่พ่อค้าแม่ค้า จะฉวยโอกาส ราคาแก๊สขึ้น 10 สตางค์ จะมาขึ้น 5 บาทไม่ได้ เจออย่างนี้จับหมด ส่วนราคาข้าว ราคายางต้องไปดูว่าปัญหาจากไหน ทั้งผู้ประกอบการ คนปลูก รัฐบาลที่สั่งให้ปลูก ปัญหาอยู่ตรงไหนต้องไปไล่ให้เจอ
     จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์กรณีสภาการยางแห่งประเทศนัดชุมนุมในวันที่ 9 ธ.ค. ที่ศาลากลาง จ.สุราษฎร์ธานี เรียกร้องรัฐบาลแก้ไขปัญหาราคายางตกต่ำว่า เรื่องนี้ต้องคุยกัน เดี๋ยวต้องส่งคนลงไปพูดคุยทำความเข้าใจ เมื่อถามว่าจะส่งนายอำนวย ปะติเส รมช.เกษตรและสหกรณ์ลงไปพูดคุยใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ใครมีหน้าที่ก็ต้องลงไปพูดคุยทำความเข้าใจ
      ต่อมานายกฯ เยี่ยมชมนิทรรศการของ 4 องค์กรที่ได้รับรางวัลองค์กรโปร่งใส คือกรมอนามัย การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) โดยรับประทานกล้วยน้ำว้าที่กรมอนามัยมอบให้

ชี้ไม่มีปฏิวัติซ้อน-ไม่ปฏิวัติตัวเอง
      ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือการอำนวยความยุติธรรมเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคม 5 หน่วยงาน ประกอบด้วย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงมหาดไทย สำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานอัยการสูงสุดและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 
     พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมามักมีการตั้งเวทีวิจารณ์กัน ขอร้องไม่อยากให้มีขึ้นอีก เพราะไม่เกิดประโยชน์ การแสดงความ คิดเห็นทำได้ แต่อย่าให้เกิดความรุนแรง ทำหน้าที่ตนเองให้ดีที่สุดและคิดถึงประเทศชาติเป็นหลัก ยืนยันว่าที่ คสช.และรัฐบาล ทำทุกอย่างไม่ได้ทำเพื่อใคร แต่ทำเพื่อประเทศชาติเป็นหลัก และลดความเหลื่อมล้ำ ของประชาชน เพราะฉะนั้นคดีที่เกิดก่อน 22 พ.ค. ต้องว่าตามขั้นตอนและกระบวนการยุติธรรม เราต้องการลดความเหลื่อมล้ำและปรับปรุงกฎหมายเพื่อให้เป็นธรรมและสร้างความเชื่อมั่น 
       พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอให้ประชาชนตัดสินใจเลือกสิ่งดีๆ ที่ผ่านมาตนเองก็ไปเลือกตั้งทุกครั้งก็ยังเลือกผิด จึงขอให้ฟังนโยบายการหาเสียงดีๆ เช่นกัน ไม่ใช่ฟังนโยบายว่าจะได้ 15,000 บาท หรือ 20,000 บาท แล้วก็เลือก สุดท้ายวันนี้ก็ยังใช้หนี้อยู่ ทิ้งหนี้ให้เป็นภาระของตนเอง เราไม่มีโอกาสที่จะฟื้นฟูหรือปฏิรูปเช่นนี้อีกแล้ว วันนี้จึงมีความเห็นที่แตกต่างและขัดแย้งกันบ้างก็ไม่มีใครผิดหรือถูก
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวกรณีพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เตือนรัฐบาลอาจมีปฏิวัติซ้ำว่า 'ผมไม่ปฏิวัติตัวเองหรอก' เมื่อถามย้ำว่าแล้วถ้าคนอื่นปฏิวัติ พล.อ.ประยุทธ์ สวนทันทีว่า'ไม่มีหรอก'เมื่อถามว่ามั่นใจเช่นนั้นหรือ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า "ไม่มีหรอก"

'บิ๊กต๊อก-บิ๊กป๊อก'เชื่อมั่นไม่มี
       ด้านพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม และรองผบ.สส. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพล.อ.ชวลิต เตือนจะมีปฏิวัติซ้ำว่า นายกฯตอบไปแล้ว ส่วนจะมีคนอื่นคิดหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ แต่สถานการณ์การเมืองขณะนี้อยู่ในสภาวะปกติ ตนมองว่าการปฏิรูปเริ่มเข้มข้นจึงมีคนออกมาให้ความคิดเห็น ซึ่งไม่ผิดปกติ และขณะนี้ยังไม่ได้ข้อยุติ เป็นเพียงแนวความคิด ทั้งนี้ เรื่องความคิดเห็นแตกต่างมีทุกยุค ซึ่งต้องทำความเข้าใจกัน ไม่มีใครได้ในสิ่งที่ตัวเองได้ไปสุดโต่ง การปฏิรูปต้องเดินเข้าหาและคุยกัน อย่างไรก็ตาม ต้องพบกันในสิ่งที่พอใจ คิดถึงประชาชน อย่าคิดถึงหมู่คณะ
      ผู้สื่อข่าวถามว่ามั่นใจในกองทัพหรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ตนมั่นใจตัวนายกฯ ซึ่งนายกฯบอกแล้วไม่มี
      ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณี ดังกล่าวว่า ไม่มีปฏิวัติซ้อนแน่นอน ส่วนสาเหตุที่พล.อ.ชวลิต ออกมาพูดนั้น ตนไม่ขอวิจารณ์ เรารู้สถานการณ์ดีว่าจะไม่เกิดการปฏิวัติขึ้นอย่างแน่นอน เพราะประชาชนพอใจรัฐบาล มั่นใจว่าตราบใดที่รัฐบาลยังคงทำงานแก้ปัญหาของประเทศชาติตามกรอบ ที่นายกฯให้แนวทางไว้ ทุกคนไม่ได้ทำอะไรที่สังคมรับไม่ได้ ไม่ว่าทุจริตหรือใช้อำนาจไม่เป็นไปตามครรลอง เชื่อว่าสังคมจะให้โอกาส

'บิ๊กโด่ง'วอนชาวสวนยางเข้าใจ
       เมื่อเวลา 07.00 น. ที่กองการบิน กรมการขนส่งทหารบก พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไปค่ายวชิราวุธ จ.นครศรีธรรมราช ถึงม็อบชาวสวนยางในพื้นที่ภาคใต้จะออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องปัญหาราคายางตกต่ำว่า เป็นห่วงเพราะเป็นปัญหาปากท้องของประชาชน ซึ่งรัฐบาลเข้าใจและรับทราบปัญหามาตลอด จึงอยากขอความกรุณาจากประชาชนให้เข้าใจว่ารัฐบาลพยายามแก้ปัญหาเต็มที่ แต่ประชาชนต้องอยู่ในขบวนความและปฏิบัติตามแนวทางที่รัฐบาลกำหนดไว้ด้วย ทั้งนี้ รัฐบาลพยายามทำให้ราคายางพาราสูงขึ้นเพื่อให้ประชาชนพอใจ เชื่อว่าต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ราคาจึงจะ ดีขึ้น เพราะขณะนี้มีการนำยางพารามาใช้ทั้งในและต่างประเทศ 
      "รัฐบาลขอความเห็นใจ เพราะปัญหาราคายางพาราตกต่ำมีมานานแล้ว จึงขอความกรุณาม็อบสวนยางและประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ได้เข้าใจ เชื่อว่าผู้ว่าฯคงจะเข้าไปชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย รัฐบาลรับทราบถึงปัญหาและพยายามแก้ไข" ผบ.ทบ.กล่าว

โต้บิ๊กจิ๋ว-มีเวทีปรองดองอยู่แล้ว
      เมื่อถามถึงพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีต นายกฯเตือนรัฐบาลให้ระวังปฏิวัติซ้อน พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่าถือเป็นการแสดงความคิดเห็นของผู้ใหญ่ในบ้านเมืองและเป็นความเห็นส่วนบุคคล ซึ่งรัฐบาลและคสช.พยายามทำงานเต็มที่และจะทำต่อไปเพื่อแก้ไขปัญหา สิ่งที่พล.อ.ชวลิตพูดเราก็รับฟัง ทั้งนี้ ในส่วนของตนและกองทัพอยู่ภายใต้การดูแลของ นายกฯและหัวหน้าคสช. และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม ตนพยายามดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยอย่างเต็มที่ ยืนยันว่าปฏิบัติตามคำสั่งนายกฯอย่างเคร่งครัด
      ส่วนที่พล.อ.ชวลิตระบุคสช.และรัฐบาลมองคนเห็นต่างเป็นศัตรูนั้น พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่าเรามีศูนย์สร้างความปรองดองสมานฉันท์แห่งชาติ(ศปป.)อยู่แล้ว เพื่อให้คนเห็นต่างได้แสดงออกในแนวทางที่ถูกต้อง โดยให้ทุกจังหวัดเปิดเวทีพร้อมกัน 4 พันกว่าแห่ง ซึ่งทุกกองทัพภาคจะประสานร่วมกับ ผู้ว่าฯ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นคนที่เห็นต่างขอให้เข้ามาสู่กระบวนการตรงนี้ จะได้รวบรวมความคิดเห็นไปใช้ประโยชน์กับคณะกรรมการปฏิรูปทั้ง 11 ด้านต่อไป เชื่อว่าจะแก้ปัญหาเรื่องความเห็นต่างได้

'บิ๊กติ๊ก'ชี้ปฏิวัติซ้อน-แค่ข่าวลือ
       ที่สนามมวยรามอินทรา พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ผช.ผบ.ทบ. และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ให้สัมภาษณ์ว่าไม่เคยได้ยินข่าว ไม่มีกระแส ไม่ทราบว่าเอาข่าวมาจากไหน คิดว่าเป็นเพียงข่าวลือ ถือเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล ปัจจุบันประเทศไทยอยู่ระหว่างการปฏิรูป ทุกคนแสดงความ คิดเห็น แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานความถูกต้อง ทั้งนี้กองทัพบกยังคงทำงานต่อไปในสายงานปกติ รัฐบาลและคสช.ก็ทำงาน ส่วนแนวคิดการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมนั้น ตนยังไม่เห็น และจะมีส่วนช่วยสร้างความปรองดองหรือไม่นั้น คงรอดูกันต่อไป เพราะทุกคน ในสนช.แสดงความคิดเห็นได้ ส่วนจะเห็นด้วยหรือไม่ ต้องรอผลการประชุมสนช. ในครั้งต่อไป

ปปช.เร่งสรุปขายข้าวจีทูจีเดือนนี้
       ที่สำนักงานป.ป.ช. สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะ กรรมการป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ถึงข้อเสนอ ลดวาระการดำรงตำแหน่งของกรรมการในองค์กรอิสระจาก 9 ปีเหลือ 5 ปีว่า เดิมที่มีวาระ 9 ปีเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการทำงาน แต่หากจะลดลงเหลือ 4-5 ปี อาจมีแง่ดีว่าเมื่อหมดวาระแล้วอาจได้รับการสรรหาให้ดำรงตำแหน่งอีกวาระหนึ่ง หากคนเดิมทำหน้าที่ได้ดี แต่หากไม่เหมาะสมก็จะไม่ได้รับเลือกอีก ซึ่งไม่ว่าข้อสรุปของกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญจะให้ดำรงตำแหน่งกี่ปีก็ต้องตามนั้น 
       นายปานเทพ กล่าวถึงการไต่สวนกรณีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ(จีทูจี) ที่มีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ และพวกเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่า อนุกรรมการไต่สวน ข้อเท็จจริงที่มีนายวิชา มหาคุณ กรรมการป.ป.ช.เป็นประธาน เตรียมสรุปเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.ชุดใหญ่ภายในเดือนธ.ค.นี้ เข้าใจว่าสอบพยานทั้งหมดที่มีจำนวนมากเสร็จแล้ว เหลือเพียงการรวบรวมสำนวนเพื่อรายงานต่อที่ประชุมใหญ่เท่านั้น ทั้งนี้ ที่ประชุมจะพิจารณาว่าสามารถชี้มูลความผิดได้ทันทีหรือไม่ หรือให้เพิ่มเติมในประเด็นใด แต่ขณะนี้ยังไม่บรรจุวาระการประชุม รายละเอียดต้องถามนายวิชา

ถกอสส.ขอคำตอบคดีจำนำ 16 ธ.ค.
       นายปานเทพ กล่าวถึงความคืบหน้าการหารือของคณะทำงานร่วมป.ป.ช.และอัยการสูงสุด(อสส.) เพื่อพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ ในคดีอาญาโครงการขอรับจำนำข้าวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯว่า คณะ ทำงานร่วมฯ ยังไม่ได้นัดประชุมครั้งต่อไป แต่คาดว่าในการประชุมระดับผู้บริหารของป.ป.ช.และอสส.ในวันที่ 16 ธ.ค.นี้ คงหยิบยกเรื่องนี้มาหารือด้วย ซึ่งเป็นการหารือประจำปี พูดคุยถึงการทำงานในภาพรวมว่ามีคดีที่ ค้างอยู่ในคณะทำงานร่วมเท่าไร รวมถึงการวางแนวทางทำงานร่วมกัน ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ส่วนป.ป.ช.จะเป็นผู้ส่งฟ้องคดีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเองหรือ ไม่นั้น ขึ้นอยู่กับข้อตกลงของคณะทำงาน ร่วมว่าจะออกมาอย่างไรก่อน

'อ.ปื๊ด'แจงเลือกนายกฯยังไม่ยุติ
       ที่รัฐสภา นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกมธ.ปฏิรูปการเมือง สภาปฏิรูป แห่งชาติ (สปช.) มีข้อเสนอให้เลือกนายกฯ และครม.โดยตรงว่า ยืนยันว่าประเด็นต่างๆ ที่แต่ละฝ่ายเสนอมานั้น ยังไม่เป็นที่ยุติ และยังไม่ใช่มติของกมธ.ยกร่าง และเป็นเพียงความเห็นของกมธ.ปฏิรูปการเมืองเท่านั้น ซึ่ง ต้องนำข้อเสนอดังกล่าวเข้าที่ประชุมใหญ่สปช. เพื่อพิจารณาระหว่างวันที่ 15-17 ธ.ค. นี้ โดยกมธ.ยกร่างจะร่วมรับฟังด้วย ทั้งนี้ ข้อยุติ จะชัดเจนในช่วงวันที่ 18-26 ธ.ค.ส่วนกระบวนการรับฟังความเห็นของประชาชน ที่ดำเนินการโดยครม. สปช. สนช. และคสช. จะดำเนินการควบคู่กับการยกร่างรัฐธรรมนูญ ก่อนนำมาปรับแก้จนถึงกลางเดือน เม.ย. 2558
      "ความเห็นต่างๆ ขณะนี้ยังไม่ใช่ข้อยุติ ประชาชนอย่าตกใจ เพราะเป็นกระบวนการยกร่าง ท้ายที่สุดจะรู้ว่ารัฐธรรมนูญเป็นอย่างไรนั้นจะอยู่ในช่วงปลายเดือนก.ค. 2558 ซึ่งเป็นฉบับที่เสนอเข้าสู่ที่ประชุม สปช. เพื่อพิจารณาลงมติเห็นชอบในวันที่ 6 ส.ค. 2558 การถกเถียงกันไปมาเกี่ยวกับข้อเสนอจึงไม่ใช่เรื่องแปลก เมื่อแกงส้มหม้อเดียวมีพ่อครัว ตั้ง 265 คน เป็นธรรมดาที่พ่อครัวแต่ละคน จะแสดงความเห็นว่าสูตรของตัวเองนั้นอร่อย แต่จะแกงจริงอย่างไรต้องรอดูในตอนสุดท้ายที่จะลงมติกัน" นายบวรศักดิ์กล่าว 

แค่สูตรแกงส้ม-ยังไม่ได้เลือก
     เมื่อถามว่าข้อเสนอที่ถกเถียงกันจะทำให้สถานการณ์วุ่นวายหรือไม่ นายบวรศักดิ์กล่าวว่า ไม่วุ่นวาย ทุกคนเสนอความเห็นได้ แต่อย่าลุกขึ้นชี้หน้าด่าหรือตีกันเท่านั้น เวลานี้ พ่อครัวทุกคนกำลังเสนอว่าแกงส้มสูตรใครจะอร่อยกว่ากัน ทั้งนี้ ปลายเดือนธ.ค.นี้ กมธ.ยกร่างฯ จะส่งข้อยุติเบื้องต้นจากที่รับฟังความเห็นจากพรรคต่างๆ และความเห็น ของกมธ.รับฟังความเห็นและมีส่วนร่วมของประชาชน เกี่ยวกับการเลือกตั้ง เพื่อดูปฏิกิริยาของพรรคต่างๆ ว่ามีท่าทีอย่างไร
       ด้านพล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษกกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ แถลงถึงการพิจารณาผลการดำเนินงานของอนุ กมธ. คณะที่ 6 ภาค 2 ผู้นำการเมืองที่ดี และสถาบันการเมือง หมวด 7 การกระจายอำนาจและการปกครองท้องถิ่น ที่มี นพ.กระแส ชนะวงศ์ เป็นประธานว่า ได้สรุปสภาพปัญหาและเสนอหลักการสำคัญที่ควรบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ 9 ประการ 1.กำหนดบทบัญญัติการกระจายอำนาจของ อปท. 2.มีกฎหมายที่บังคับใช้ได้จริงต่ออปท. 3.อปท.ต้องเป็นหน่วยงานหลักในการจัดบริการสาธารณะพื้นฐานในท้องถิ่น สร้างความมั่นคง 4.ให้อปท.มีอิสระในการบริหารจัดการ 5.ให้ปรับปรุงระบบการบริหารงานของ อปท.ทุกด้าน 6.เพื่อให้ อปท.มีอิสระ กำกับดูแล อปท.ตามกรอบกฎหมาย และมีมาตรฐานกลาง 7.การปรับระบบความสัมพันธ์ระหว่างส่วนกลางกับส่วนท้องถิ่น 8.เปิดให้ อปท.มีโครงสร้างและรูปแบบที่หลากหลาย แต่ต้องยึดโยงประชาชนและ 9.การส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมบริหารงานในอปท.

เชิญ'โภคิน-พท.'ให้ข้อเสนอแนะ
      พล.อ.เลิศรัตน์กล่าวว่า การประชุมกมธ.ยกร่างฯ ในวันที่ 9 ธ.ค. เวลา 10.00 น. จะพิจารณาข้อเสนอของคณะอนุกมธ. คณะที่ 10 ภาค 4 หมวด 2 การสร้างความปรองดอง โดยมีนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ เป็นประธาน จากนั้นวันที่ 11 ธ.ค. จะพิจารณาของคณะ อนุ กมธ. คณะที่ 8 หมวด 2 การตรวจสอบการใช้อำนาจขององค์กรตามรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ วันที่ 12 ธ.ค. เวลา 09.30 น. พรรคเพื่อไทยมอบให้นายโภคิน พลกุล คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคมาให้ข้อมูล ความเห็นและให้ข้อเสนอแนะต่อกมธ.ยกร่างฯ และช่วงบ่ายจะพิจารณาข้อเสนอคณะอนุ กมธ. คณะที่ 3 สถาบันการเมือง ที่มีนายสุจิต บุญบงการ เป็นประธาน และวันที่ 15 - 17 ธ.ค. จะพิจารณารายละเอียดของสปช.ก่อนส่งให้ กมธ. ยกร่างฯ พิจารณาต่อไป ซึ่งจะมีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ด้วย 

ศาล-อัยการขอเป็นองค์กรอิสระ
       พล.อ.เลิศรัตน์ในฐานะประธานคณะอนุกมธ. ประสานเพื่อรับฟังความคิดเห็น และข้อเสนอแนะของปช.และองค์กรอื่นๆ ในกมธ.ยกร่างฯ กล่าวว่า องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ตอบกลับอนุกมธ.ถึงข้อเสนอที่น่าสนใจ อาทิ กกต.มีข้อเสนอประเด็นเดียวคือ การขยายเวลาการพิจารณาข้อร้องเรียนของผู้สมัครรับเลือกตั้งประเด็นการทุจริตเลือกตั้ง ก่อนประกาศรับรองให้เป็นส.ส. หรือการให้ใบเหลืองใบแดง ออกไปเป็น 60 วัน จากเดิมกฎหมายระบุให้เพียง 30 วัน นอกจากนี้เสนอให้ปรับเกณฑ์การเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกหลัง เลือกตั้ง จากเดิมต้องมีจำนวนส.ส.เกินร้อยละ 95 จึงเปิดประชุมสภาได้ เป็นร้อยละ 90 เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางขยายเวลาตรวจสอบ ของกกต.
      พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวว่า ขณะที่อัยการตอบกลับว่าขอให้คงองค์กรอัยการเป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญเช่นเดิม เพื่อให้ปลอดการแทรกแซงจากหน่วยงานการเมือง ขณะที่ศาลตอบกลับว่าขอให้คงองค์อำนาจของศาลไว้ดังเดิม ทั้งนี้ รายละเอียดทั้งหมดของข้อเสนอขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญนั้น อนุ กมธ.จะพิจารณาร่วมกันในการประชุม วันที่ 9 ธ.ค. นี้

ศาลชงคดีทั่วไปยุติที่อุทธรณ์
        วันเดียวกัน นายบวรศักดิ์ ทวิพัฒน์ โฆษกสำนักงานศาลยุติธรรม เปิดเผยถึงกรณีคณะอนุกมธ. คณะที่ 7 ในกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ เสนอแนวทางปฏิรูปโครงสร้างศาลและกระบวนการยุติธรรมว่า คณะอนุกมธ.เสนอแนวคิดปรับปรุงศาลยุติธรรม 2 ประเด็น คือกำหนดให้คดีทั่วไปสิ้นสุดที่ศาลอุทธรณ์ เพื่อลดคดีในศาลฎีกาทำให้ตัดสินได้เร็วขึ้น และให้แก้ไขคุณสมบัติของผู้พิพากษาจากกำหนดอายุ 25 ปี ให้เป็น 35 ปี และให้ผู้พิพากษาเกษียณอายุที่ 60 ปี เว้นแต่ไปเป็นผู้พิพากษาอาวุโสที่จะไม่ดำรงตำแหน่งใดๆ ในฝ่ายบริหารให้เกษียณอายุที่ 70 ปี ซึ่งสำนักงานศาลยุติธรรมอยู่ระหว่างการพิจารณาดำเนินการเรื่องดังกล่าวอยู่
       นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า เบื้องต้นเรื่องการปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์การสอบเป็นผู้พิพากษา ทางสำนักงานศาลเห็นว่าควรมีอายุ 25 ปีขึ้นไปเหมือนเดิม ส่วนการเกษียณอายุของผู้พิพากษานั้น เห็นว่าผู้พิพากษาควรเกษียณอายุที่ 65 ปี ส่วนผู้พิพากษาอาวุโสควรเกษียณในอายุ 70 ปีตามเดิม ซึ่งอาจจะมีข้อแตกต่างกันอยู่บ้าง ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างดำเนินการ ตามขั้นตอนหากสำนักงานศาลยุติธรรมได้ข้อสรุปที่ชัดเจนจะเสนอเรื่องไปยังคณะ อนุกมธ. คณะที่ 7 เพื่อให้พิจารณาต่อไป 

เทียนฉาย รับสนช.-สปช.ทัวร์จีน
       ที่รัฐสภา นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสปช. กล่าวถึงข่าวตัวแทนของสนช.และสปช.จะไปดูงานที่สาธารณรัฐประชาชนจีน วันที่ 10-13 ธ.ค.ว่า เป็นคำเชิญจากรัฐบาลจีน เข้าใจว่าสานต่อตั้งแต่ครั้งที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เดินทางไปเยือนจีน ทางการจีนจึงเชิญตัวแทนรัฐสภาไทยไป ดูงานเรื่องปฏิรูปของจีนที่ดำเนินการอยู่ 2-3 เรื่อง ซึ่งคณะผู้แทนจะศึกษาดูงานเฉพาะประเด็น เช่น ปฏิรูปพลังงาน โดยมี ตัวแทนสปช. 4 คนที่เป็นประธานกมธ.ปฏิรูป แต่มี 2 คนถอนตัวเพราะติดภารกิจเสนอ ความเห็นปฏิรูปต่อกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ส่วนเรื่องนี้จะขัดกับนโยบายของคสช. ที่ห้ามข้าราชการไปต่างประเทศหรือไม่นั้น เป็นคำเชิญจากรัฐบาลจีนเป็นทางการ และงบประมาณก็ใช้เฉพาะค่าเดินทางเท่านั้น 
     นายเทียนฉาย กล่าวถึงกมธ.ปฏิรูปการเมือง เสนอให้เลือกนายกฯและครม.โดยตรงว่า อย่ากังวลกับคำวิจารณ์เพราะยังไม่ใช่ข้อยุติ และต้องขอบคุณที่ให้ความเห็นและอภิปรายกันกว้างขวาง มีความเห็นหลากหลาย เชื่อว่าประชาชนจะไม่สับสน แยกออกได้ว่าใครให้ความเห็นหรือข้อสรุป ขณะที่รัฐธรรมนูญชั่วคราวก็เปิดให้เสนอความเห็นได้ และทุกคนที่เสนอต้องเข้าใจว่าไม่ใช่ความเห็นสุดท้าย แต่ตนคงให้ความเห็นในเรื่องดังกล่าวไม่ได้ เพราะต้องทำหน้าที่ประธานสปช. แม้มีความเห็นส่วนตัวก็ต้องเก็บเอาไว้ ทำให้ต้องระวัง

ชงระบุอำนาจศาลรธน.ให้ชัดเจน
       ด้านนายวันชัย สอนศิริ กมธ.กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม สปช. กล่าวว่า คณะกมธ.ปฏิรูปกฎหมายฯ มีความเห็นให้ศาลรัฐธรรมนูญมี 9 คน แต่ลดวาระดำรงตำแหน่งจาก 9 ปี เหลือ 6 ปี และเป็นได้แค่วาระเดียว ส่วนที่มานั้นให้มาจากคณะกรรมการสรรหาชุดหนึ่ง ที่มีความหลากหลายจากภาคส่วนอื่นๆ มากขึ้น ไม่ใช่แค่ 7 อรหันต์เหมือนที่ผ่านมา ซึ่งคณะกรรมการสรรหาชุดนี้จะคัดเลือกผู้มาทำหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญ 2-3 เท่าหรือ 18-27 คน ส่งให้วุฒิสภากลั่นกรองให้เหลือ 9 คน ไม่ใช่ส่งมาให้ส.ว.ประทับตราเห็นชอบเพียงอย่างเดียวเหมือนที่ผ่านมา เปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากขึ้นเพราะส.ว.จะมีส่วนร่วมพิจารณามากขึ้น ไม่ใช่ตรายางอีกต่อไป
       นายวันชัย กล่าวว่า ส่วนอำนาจหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญนั้น ที่ประชุมเห็นตรงกันว่า ต้องเขียนระบุในรัฐธรรมนูญให้ชัดเจนว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาคดีใดได้บ้าง เช่น ความขัดแย้งระหว่างองค์กร ความชอบด้วยกฎหมายรัฐธรรมนูญ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาวินิจฉัยเกินอำนาจหน้าที่ แม้รัฐธรรมนูญ ปี 2550 จะระบุอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญไว้ แต่ไม่ชัดเจนทำให้เกิดการตีความ ดังนั้น ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ต้องเขียนอำนาจศาลรัฐธรรมนูญให้ชัดเจน ทั้งนี้ คุณสมบัติของศาลรัฐธรรมนูญต้องเปิดกว้าง หลากหลายมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องมาจากผู้พิพากษา ผู้มีความรู้ด้านนิติศาสตร์ หรือรัฐศาสตร์เพียงอย่างเดียว

ปปช.ก็ต้องเขียนคำวินิจฉัยส่วนตัว
       นายวันชัย กล่าวว่า ส่วนการลงมติ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญต้องทำคำวินิจฉัยส่วนตัวให้เสร็จก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยลงมติ เพื่อไม่ให้ตุลาการฯใช้วิธีงดออกเสียงในการลงมติ ซึ่งกมธ.จะนำข้อสรุปเหล่านี้เสนอที่ประชุมสปช.เห็นชอบต่อไป 
     นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ กมธ.กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม สปช. กล่าวว่า ตนทำความเห็นส่วนตัวเสนอเพิ่มต่อกมธ.ยกร่างขอให้คณะกรรมการป.ป.ช.ทุกคน ต้องทำคำวินิจฉัยส่วนตัวก่อนลงมติตัดสินคดีใดๆ ให้เหมือนรูปแบบของศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้กรรมการป.ป.ช.แต่ละคนศึกษาข้อมูลมาจริงๆ และมีเหตุผลอธิบายได้ในการลงมติ ไม่ใช่ยกมือลงความเห็นตามกรรมการคนอื่น ซึ่งกมธ.ยกร่างอาจนำความเห็นดังกล่าวไปใส่ไว้ในกฎหมายลูกก็ได้

'สมบัติ'ชงส.ส.350คน-ส.ว.154
      ที่รัฐสภา นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ประธานกมธ.ปฏิรูปการเมือง สปช. เปิดเผยว่า กมธ.ปฏิรูปการเมืองรับรองมติที่ประชุมเรียบร้อยแล้ว โดยฝ่ายบริหาร ให้ประชาชนเป็นผู้เลือกครม.โดยตรง ซึ่งในบัญชีรายชื่อครม.ให้ระบุรายชื่อนายกฯและครม.ทั้งคณะ ทำหน้าที่บริหารอย่างเดียว ไม่มีอำนาจยุบสภา และฝ่ายบริหาร ครม.มีอำนาจเสนอร่างพระราชบัญญัติให้สภาพิจารณาโดยตรง ส่วนฝ่ายนิติบัญญัติแบ่งเป็น 2 สภาคือ 1.สภาผู้แทนราษฎร มีส.ส. 350 คน มาจากการเลือกตั้งตามเกณฑ์จำนวนประชากร ยึดเกณฑ์ประชากร 2 แสนคน ต่อส.ส. 1 คน โดยแบบแบ่งเขตเลือกตั้งไม่เกินเขตละ 3 คน และให้ประชาชนเลือกได้ 1 คน 1 เสียง โดยผู้สมัครที่ได้คะแนนสูงสุด 3 อันดับแรก ให้ชนะ การเลือกตั้ง 2.วุฒิสภา ให้มีสมาชิก 154 คน มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนจังหวัดละ 1 คน ได้ 77 คน และอีก 77 คนมาจากการเลือกตั้งขององค์กรวิชาชีพและองค์กรอาชีพ รวม 154 คน

ตั้งศาลเลือกตั้งเอาผิดโกงเลือกตั้ง
      นายสมบัติกล่าวว่า นอกจากนี้ ยังให้ความเห็นชอบตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองกฎหมาย ที่เสนอโดยสภาด้วย และให้สภามีอำนาจเสนอร่างกฎหมายทุกประเภท เช่น ร่างกฎหมายการเงิน รวมถึงฝ่ายนิติบัญญัติ มีอำนาจตรวจสอบไต่สวนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ประพฤติมิชอบ ส่งฟ้องศาล คดีการเมืองได้โดยตรง และจัดตั้งองค์กรอิสระ โดยให้เพิ่มคณะกรรมการประเมินผลแห่งชาติ เพื่อประเมินบุคคลเข้าสู่ตำแหน่งข้าราชการประจำ ระดับสูงหรือเทียบเท่าระดับ 10 ขึ้นไป เนื่องจากในอดีตมีปัญหานักการเมืองแทรกแซงการแต่งตั้งข้าราชการระดับสูง รวมถึงให้คณะกรรมการดังกล่าวประเมินผลโครงการระดับใหญ่ของรัฐ ทำหน้าที่จัดหาและประเมินมืออาชีพที่จะเข้าทำโครงการใหญ่ๆ โดยเฉพาะการประเมินความคุ้มค่าทางการเงิน ให้รัฐบาลรับทราบ โดยรัฐบาลต้องทำตามการประเมินของคณะกรรมการชุดดังกล่าวด้วย
      กมธ.ปฏิรูปการเมืองยังเสนอจัดตั้งศาลว่าด้วยคดีทุจริตและประพฤติไม่ชอบ และจัดตั้งศาลเลือกตั้ง เพื่อพิจารณาผู้ที่ทุจริตการเลือกตั้งโดยตรง ซึ่งกมธ.ปฏิรูปการเมือง จะส่งข้อเสนอดังกล่าวให้ประธานสปช. ในวันเดียวกันนี้" นายสมบัติกล่าว 

เผยยังเสียงแตก-แนะทำโพล
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศในการประชุมกมธ.ปฏิรูปการเมือง มีการอภิปรายถึงการเสนอให้เลือกนายกฯและครม.โดยตรงอย่างกว้างขวาง ซึ่งมีกมธ.ทักท้วงข้อเสนอดังกล่าว และพูดคุยถึงการที่สังคมไม่เห็นด้วย ซึ่ง มีกมธ.เสียงข้างน้อย 6-7 คน อาทิ นายดิเรก ถึงฝั่ง นายไพบูลย์ นิติตะวัน นายชัย ชิดชอบ นายประสาร มฤคพิทักษ์ และพล.ท.ฐิติวัจน์ กำลังเอก สงวนความเห็น ไม่เห็นด้วยกับประเด็นนี้ แต่สุดท้ายอยู่ที่กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญจะเห็นด้วยหรือไม่ หากไม่เห็นด้วยก็จะจบและตกในชั้นกมธ.ยกร่างฯ
      นอกจากนี้มีกมธ.เสนอให้สำรวจความเห็นประชาชนว่าเห็นด้วยกับการเลือกนายกฯและครม.โดยตรงหรือไม่ โดยมีข้อเสนอให้กำหนดประเด็นคำถาม ได้แก่ 1.เลือกนายกฯ มาจากการเลือกของส.ส.ซึ่งเป็นระบบเดิม 2.เลือกโดยส.ส.และส.ว.ในรัฐสภา และ 3.เลือกจากประชาชนโดยตรง พร้อมกับการเลือกส.ส. ซึ่งที่ประชุมมีมติจะเสนอเรื่องนี้ให้กับสปช. เพื่อเสนอไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการ

พท.ไม่เห็นด้วย-แนะฟังแป๊ะ
       วันเดียวกัน นายสมคิด เชื้อคง อดีตส.ส. อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงสปช.บางคณะเสนอให้มีส.ส. 350 คน โดยยุบส.ส.บัญชีรายชื่อว่า ตนไม่เห็นด้วย เพราะ จุดดีของระบบบัญชีรายชื่อ คือการเปิดให้คน อีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่มีเวลา หรือไม่ถนัดในเขตเลือกตั้ง อาทิ นักวิชาการ นักธุรกิจ หรือบุคคลที่มีความสามารถด้านต่างๆ มีโอกาสเข้าสู่ระบบพรรค ขณะที่จำนวนส.ส.ควรคำนึงถึงความเป็นจริงในการทำงานกับประชาชน ส่วนสปช.มี 250 คน สนช.มี 220 คน รวมเป็น 470 คน หน้าที่ทำอะไรบ้าง มากมายขนาดไหน ทำไมส.ส.ต้องมีแค่ 350 คน ช่วยตอบคำถามให้ด้วย ส่วนของส.ว.ควรมีการเลือกตั้งทั้งหมด 150 คน ไม่ใช่เขียนรัฐธรรมนูญรอพวกเดียวกัน
      "รัฐธรรมนูญนั้นร่างไม่ยาก หากคิดเป็นระบอบประชาธิปไตยจริงๆ ที่มันยากเพราะจะร่างแบบไหนถึงจะกีดกันคนอีกกลุ่มให้อยู่หมัด รัฐธรรมนูญมิใช่ของสปช. หรือสนช. แต่เป็นของคนไทยทั้ง 65 ล้านคน ที่สำคัญคนร่างอย่าก่อปัญหาใหม่ หัดฟังเสียงแป๊ะบ้าง" นายสมคิดกล่าว
        นายสมคิด กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วยกับการเลือกนายกฯ และครม.โดยตรง เราไม่ใช่สหรัฐที่ฝ่ายบริหารกับนิติบัญญัติแยกกัน โดยเด็ดขาด นั่นเป็นระบบของประธานาธิบดี ต่างคนต่างเดิน หากเป็นแบบนั้นนายกฯ จะฟังสภาหรือไม่ เพราะเขาจะอ้างว่ามาจากประชาชนเหมือนกัน จึงไม่เหมาะกับบ้านเรา ที่พูดแบบนี้ไม่ใช่เพราะกลัวว่าพรรคเพื่อไทยจะแพ้เลือกตั้ง แต่มันไม่เหมาะกับระบบบ้านเราเท่านั้น

ปชป.ก็ค้าน-ชี้ระบอบปธน.
       ด้านนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงข้อเสนอของ กมธ.ปฏิรูปการเมือง ให้เลือกนายกฯและครม.โดยตรงว่า ระบบนี้ให้นายกฯมีอำนาจมากขึ้นกว่านายกฯที่มาจากรัฐสภา และจะเอานายกฯออกจากตำแหน่งโดยการอภิปราย ไม่ไว้วางใจไม่ได้ เพราะนายกฯอาจไม่มีเสียงสนับสนุนในรัฐสภา สมมติพล.อ. ประยุทธ์ลงเลือกตั้งโดยไม่สังกัดพรรคและชนะได้เป็นนายกฯ แต่ไม่มีส.ส.ในสังกัดเลย ก็จะอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯไม่ได้ เพราะหากยอมให้อภิปราย รัฐบาลก็ล้มไม่เกิน 3 เดือน หรือหากให้สังกัดพรรค พล.อ.ประยุทธ์ชนะเลือกตั้งได้เป็นนายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงแต่มีส.ส. 50 คน หากให้อภิปรายไม่ไว้วางใจก็ต้องล้มใน 3 เดือนเหมือนกัน
       นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า ระบบเลือกตั้งตรงทำให้ฝ่ายค้านและการตรวจสอบเกือบไม่มีความหมาย เพราะระบบเลือกตั้งตรงเขาใช้กับระบบประธานาธิบดี มีนักวิชาการบอกว่าอย่าสนใจชื่อ เราคิดระบบของเรามาใช้เองก็ได้ แต่ต้องยอมรับว่าเราจะเป็นประเทศเดียวในโลกในระบบรัฐสภาที่นายกฯมาจากการเลือกตั้งโดยตรง แต่ถ้าเอาระบบนี้มาใช้ แม้จะไม่เรียกว่าระบบประธานาธิบดี แต่เนื้อหาก็เหมือนระบบประธานาธิบดี ซึ่งระบบที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จะไม่ใช้ระบบประธานาธิบดี 

'อำนวย'ชี้ยางก.ก.ละ 80บ.-ทำยาก
       ที่จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายจำลอง ดีทองอ่อน ผู้ประสานงานเครือข่ายยางพาราจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เปิดเผยว่า เครือข่ายชาวสวนยางจังหวัดประจวบฯ นัดผู้แทนกลุ่มชาวสวนยางประชุมเพื่อเตรียมเคลื่อนไหวเรียกร้อง ให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำ ในวันที่ 10 ธ.ค. เวลา 14.00 น. ที่บ้านธรรมรัตน์ ต.ทองมงคล อ.บางสะพาน เพื่อให้ข้อเรียกร้องไปในทิศทางเดียวกัน ก่อนนำเสนอเครือข่าย 16 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งชาวสวนยางเตรียมพร้อมเคลื่อนไหวเต็มที่หากราคายาง ยังไม่ดีขึ้นจนเป็นที่พอใจ
      ที่กระทรวงเกษตรและหสกรณ์ นายอำนวย ปะติเส รมช.เกษตรและสหกรณ์ แถลงถึงกรณีราคายางร่วง 3 ก.ก. 100 บาท จนชาวสวนยางนัดเดินขบวนเข้าพบรัฐบาลว่า วันที่ 9 ธ.ค.จะประชุมร่วมกับผู้แทนกลุ่มเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางและปาล์มน้ำมัน 16 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ นัดชุมนุม แต่ข้อเสนอที่ยื่นมาให้รัฐบาลรับซื้อยางก.ก.ละ 80 บาท จากปัจจุบันก.ก.ละ 51 บาทเพื่อทำความเข้าใจว่าคงเป็นไปได้ยาก ถ้ารัฐบาลซื้อยางในราคาที่สูงกว่าราคาตลาดโลกมากเกินไป จะกลายเป็นการทำประชานิยม ขณะนี้ยังคงเป้าหมายหนุนราคายางในตลาดให้ไปถึงก.ก.ละ 60 บาท
        "ราคายางวันนี้เหมือนมีโรคแทรกซ้อน ระหว่างที่รัฐบาลพยายามแก้ปัญหาแต่พบว่าช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบ ในตลาดโลกร่วงลงอย่างรุนแรง ทำให้ราคายางซึ่งเป็นคู่แฝดกันร่วงตาม เพราะเมื่อ ราคาน้ำมันดิบร่วง ยางสังเคราะห์ซึ่งเป็นผล พลอยได้ก็ร่วงลงตาม ฉุดราคายางธรรมชาติให้ร่วงตามด้วย" นายอำนวยกล่าว

มาตรการช่วยขัดข้องระดับพื้นที่
       นายอำนวยกล่าวว่า ปัจจัยจากราคาน้ำมันดิบเข้ามาแทรก จึงตัดสินใจใช้เงินมูลภัณฑ์ กันชน(บัฟเฟอร์ฟัน) เข้าซื้อยางพาราในตลาดทุกชนิด ดำเนินการตั้งแต่วันที่ 8 ธ.ค. จากเดิมซื้อเพียงยางแผ่นรมควันชั้น 3 เรียกว่าเปิดแนวรบกับการเข้าซื้อยางอย่างเต็มรูปแบบ ขณะนี้เงินบัฟเฟอร์ฟัน 20,000 ล้านบาท เบิกออกมาแล้ว 6,000 ล้านบาท ใช้ซื้อยางไปแล้ว 230 ล้านบาท มียางเข้าสู่สต๊อกรัฐ 4,000-5,000 ตัน ยังมีเงินเหลืออีกมากที่จะเข้าซื้อ เพื่อพยุงราคายาง
     นายอำนวย กล่าวว่า นอกจากนี้ได้ตรวจสอบมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลให้ความช่วยเหลือชาวสวนยาง พบว่าการปฏิบัติติดขัดในขั้นตอนระดับพื้นที่ ระดับจังหวัด จึงสั่งการและกำชับว่าต้องเร่งเดินหน้าแก้ไขให้เร็วที่สุด ตนจะติดตามทุกวัน ได้แก่ การจ่ายเงินช่วยเหลือชาวสวนยางไร่ละ 1,000 บาท การปล่อยสินเชื่อให้ชาวสวนยางไปทำอาชีพเสริมยังล่าช้า เพราะเจ้าหน้าที่ในพื้นที่กลัวว่าถ้าเร่งจ่ายเกิดผิดพลาดจะถูกตั้งกรรมการสอบ จึงสั่งการว่าทำให้เร็ว ถ้าเกิดการผิดพลาดจะตรวจสอบย้อนกลับเรียกเงินคืนได้ คาดว่าสิ้นปีนี้จะต้องจ่ายเสร็จ

ปธ.สภายางแนะวิธีแก้ราคาดิ่ง
      นายอุทัย สอนหลักทรัพย์ ประธานสภาการยางแห่งประเทศไทย กล่าวว่าปัจจุบันรัฐเปิดเวทีกลางให้ทุกกลุ่มแสดงความคิดเห็นและเสนอข้อเรียกร้อง คือคณะกรรมการเครือข่ายเกษตรกร สถาบันเกษตรกรด้านยางพาราครบวงจร ซึ่งมีรมช.เกษตรฯ ที่รับผิดชอบเรื่องยางเป็นกรรมการอยู่ด้วย เช่นกลุ่มเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางและปาล์มน้ำมัน 16 จังหวัดภาคใต้ที่เคลื่อนไหวครั้งนี้ มีผู้แทนอยู่ในคณะกรรมการ แต่คงเป็นเพราะเห็นว่านโยบายรัฐแก้ไขปัญหาราคายางตกต่ำยังล่าช้าและไม่เข้าเป้า จึงออกมาเคลื่อนไหว
       นายอุทัย กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่าข้อเรียกร้องให้รัฐอุดหนุนราคายาง เช่น ยางแผ่นสูงถึงก.ก.ละ 80 บาท จากก.ก.ละ 45 บาทคงทำ ได้ยาก ดังนั้น จึงเตรียมข้อเสนอให้รัฐบาลอุดหนุนเกษตรกร ซื้อน้ำยาทาหน้ายางเพิ่มผลผลิตและปุ๋ยสำหรับต้นยาง แจกจ่ายให้แก่เกษตรกร เพราะน้ำยาทาหน้ายางจะเร่งปริมาณผลผลิตน้ำยางที่เกษตรกรกรีดออกมามากถึง 2 เท่า
      "ไม่ต้องห่วงว่า ใช้น้ำยาทาหน้ายาง ผลผลิตออกมามากแล้วราคาจะตก วันนี้ราคายาง ไม่ตกไปมากกว่านี้แน่ ทั้งที่ชาวสวนยางมียางเท่าไรก็ขายได้หมด ไม่มีเหลือ ยางก้อนถ้วย หรือขี้ยางก็ยังขายหมด เพราะความต้องการยางมีมาก แต่ที่ราคายังต่ำเพราะราคาวันนี้ถูกล็อกไว้จากตลาดซื้อขายล่วงหน้าในตลาดต่างประเทศ ทั้งที่ซื้อขายกระดาษ ดังนั้น ต้องเพิ่มปริมาณยางของเกษตรกรเพื่อเพิ่มรายได้ วันนี้ผลผลิตยางไทยยังน้อยเฉลี่ยไร่ละ 260 ก.ก. ต่อปี ขณะที่มาเลเซียสูงถึงไร่ละ 450-500 ก.ก.ต่อปี" นายอุทัยกล่าว
      นายอุทัย กล่าวว่า อยากให้คสช.เชิญบริษัทผู้ส่งออกยางรายใหญ่ของประเทศ 5 บริษัท หรือ 5 เสือการยางเข้าไปพบด้วย เพราะที่ผ่านมาเวลามีปัญหาราคายางตกต่ำไม่เคยมีรัฐบาลใดพูดถึงพ่อค้ารายใหญ่กลุ่มนี้เลย 

สุราษฎร์ ไม่คุยทหาร-ฮึ่มประท้วง
       เมื่อเวลา 16.00 น. ที่จ.สุราษฎร์ธานี นายไพโรจน์ ฤกษ์ดี แกนนำแนวร่วมเกษตรกรชาวสวนยางพาราบ้านส้องและ พันธมิตรจ.สุราษฎร์ธานี กล่าวถึงการนัดรวมตัวชาวสวนยางพาราในจ.สุราษฎร์ธานี ที่หน้าศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี วันที่ 9 ธ.ค.นี้ตนได้รับการประสานจากทหารจังหวัด ทหารบกสุราษฎร์ธานีให้ไปพบพูดคุยกับ ผู้บังคับ การจังหวัดทหารบกสุราษฎร์ธานี เวลา 18.00 น. ที่ค่ายวิภาวดีรังสิต 
      นายไพโรจน์ กล่าวว่า แนวร่วมเกษตรกรฯ ยื่นหนังสือเปิดผนึกถึงหัวหน้าคสช. ต่อศูนย์ดำรงธรรมจ.สุราษฎร์ธานี ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค. โดยเสนอรัฐบาลให้ปรับขึ้นราคายางพาราเพียงกรณีเดียว แต่ถึงวันนี้ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ และราคายางตกต่ำขึ้นกว่าเดิม เป็นเหตุให้ชาวสวนยางพาราเดือดร้อน รายรับไม่พอกับรายจ่าย ทั้งนี้ ในวันที่ 9 ธ.ค.คาดว่าจะมีชาวสวนยางพารามารวมตัวกันไม่ต่ำกว่า 200 คน แต่จากกระแสโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก มีการตอบรับจากหลายพื้นที่ทุกอำเภอของจ.สุราษฎร์ธานี ที่เริ่มตื่นตัวจะมาร่วมประท้วงด้วย ยืนยันว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้มาด้วยความบริสุทธิ์ใจ เนื่องจากเป็นความเดือดร้อนของเกษตรกรจริงๆ ไม่มีเกมการเมืองใดแอบแฝงอยู่เบื้องหลัง หรือพรรคใดหนุนหลัง โดยหลังยื่นหนังสือเสร็จจะรอคำตอบจากรัฐบาลเลย
      ด้านพล.ต.เกื้อกูล อินนาจักร ผบ.จทบ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า เห็นใจชาวสวนยาง พารา แต่ขณะนี้ยังอยู่ในช่วงใช้กฎอัยการศึกควบคุมการชุมนุมเกิน 5 คน เกรงว่าประชาชนจะเดือดร้อนหากทำผิดกฎหมาย จึงเชิญแกนนำมาทำความเข้าใจ และขณะนี้จังหวัดทหารบกไม่จัดกำลังเพื่อคุมฝูงชน เชื่อว่าตกลง พูดคุยกันได้
      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีผบ.จทบ.สุราษฎร์ธานี นัดพบปะชาวสวนยาง เพื่อพูดคุยนั้น ล่าสุด แกนนำตัดสินใจไม่เข้าพบกับพล.ต.เกื้อกูลแล้ว

อดีตพธม.ลั่นเคลื่อนใหญ่ทั่วปท.
       วันเดียวกัน นายสุนทร รักษ์รงค์ อดีตแกนนำพันธมิตรฯชุมพร แกนนำแนวร่วมกู้ชีพชาวสวนยางโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ส่วนตัว ระบุว่า "วันที่ 9 ธ.ค.นี้ เวลา 09.00 น. ขอประกาศให้ แนวร่วมกู้ชีพชาวสวนยาง เคลื่อนไหวใหญ่ทั้งประเทศทุกจังหวัด ด้วยเหตุที่รัฐบาลนี้ได้บริหารจัดการแก้ไขปัญหาวิกฤตราคายางพาราตกต่ำอย่างผิดวิธี ใช้งบประมาณเป็นเงินเกือบหกหมื่นล้านบาท แต่ไม่สามารถทำให้ราคายางสูงขึ้นมาได้ และผลประโยชน์ก็มิได้ตกไปถึงพี่น้องชาวสวนยาง ทำให้ชาวสวนยางหลายรายสิ้นเนื้อประดาตัว ของแพง ยางถูก ลูกอด รถถูกยึด ผูกคอ และเผาตัวตาย ฆ่าตัวตาย เพื่อหนีความทุกข์
      แนวร่วมกู้ชีพชาวสวนยางได้เสนอให้รัฐบาลรับซื้อยางกิโลกรัมละ 80 บาท โดยชดเชยส่วนต่างเป็นพันธบัตรรัฐบาล มาตรการนี้ช่วยเหลือชาวสวนยางได้ทุกคน แต่รัฐบาลไม่สนใจ ยังคงดื้อด้านใช้วิธีการเดิม ไม่ได้ผลแล้วยังไม่ทบทวน มิหนำซ้ำยังขายยาง ในสต๊อก 2.1 แสนตัน อย่างไม่ดูทางลม ยิ่งทำให้ราคายางตกต่ำลงเข้าไปอีก..เวรกรรม!"
      เฟซบุ๊กนายสุนทร ระบุอีกว่า ชาวสวนยางจะไม่ทนอีกต่อไป จึงขอเรียกร้อง ให้รัฐบาล ใช้วิธีการที่แนวร่วมกู้ชีพชาวสวนยางเสนอ และนายกรัฐมนตรีต้องพิจารณาลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องที่ไร้ความสามารถ ไร้ประสิทธิภาพ ในการแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำ ตั้งแต่รองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจ และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ยิ่งถ้าถอดถอนออกจากตำแหน่ง และเปลี่ยนตัวได้ยิ่งดี เพราะทั้ง 2 คนเป็นอดีตปลัดกระทรวง ที่มีวิสัยทัศน์แบบข้าราชการ ทำงานเชิงรุกไม่เป็น ด้อยความสามารถ และไม่มีความเหมาะสมที่จะเป็นแม่ทัพยางพารา ในสงครามตลาดยางกระดาษ หรือตลาดล่วงหน้า ที่ต้องต่อสู้ด้วยยุทธศาสตร์การเมืองข้ามชาติ

เครือข่ายยางตรัง-ยังไม่ชุมนุม
     ส่วนความเคลื่อนไหวที่จ.ตรัง ที่จะมีการชุมนุมของเกษตรกรชาวสวนยางในวันที่ 10 ธ.ค.นั้น นายศักดิ์สฤษดิ์ ศรีประศาสตร์ แกนนำเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางรายย่อย 16 จังหวัดภาคใต้ ออกแถลงการณ์ถึงข่าวชาวสวนยางจะมาปิดถนนที่บริเวณแยกอันดามัน อ.ห้วยยอด วันที่ 10 ธ.ค.ว่าเป็นการปล่อยข่าวของผู้เรียกร้องราคายางอีกกลุ่มหนึ่ง ขณะที่เครือข่ายฯ ซึ่งเคยชุมนุมประท้วง ปิดถนนบริเวณแยกแยกอันดามันเมื่อปีก่อน ยังไม่มีการชุมนุมใหญ่ช่วงนี้แม้ราคายาง จะตกต่ำลงอย่างมาก เนื่องจากต้องการให้ผ่านเดือนมหามงคลไปก่อน แต่หากเลยช่วงปีใหม่ 2558 ไปแล้ว ราคายางยังไม่ดี หรือขึ้นไปอยู่ที่กิโลกรัมละ 80 บาท เกษตรกรชาวสวนยางภาคใต้จะประท้วงใหญ่อย่างแน่นอน พร้อมยืนยันเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการเมืองตามที่หลายๆ คนเข้าใจผิด
      นายศักดิ์สฤษดิ์ กล่าวว่า ตนได้เข้าประชุมกับรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหายางมาหลายครั้ง ซึ่งเคยประกาศว่าจะประกันราคาให้อยู่ที่กิโลกรัมละ 60 บาท แต่กลับตกต่ำลงมาอย่างต่อเนื่อง เป็นความล้มเหลวของรัฐบาล และส่วนหนึ่งเกิดจากกลไกของระบบราชการ ที่ปล่อยเกียร์ว่างมาตลอด โดยเฉพาะข้าราชการบางคนที่ยังถือข้างอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร อีกทั้งเมื่อรัฐบาลประกาศชัดปี 2559 จะคืนอำนาจให้แก่ประชาชน จึงทำให้ข้าราชการบางคนที่เป็นกลไกในการแก้ปัญหาไม่ยอมเดินตามนโยบายของรัฐบาล กลับเป็นการใช้วิธีการแบบลิงหลอกเจ้า หรือสับขาหลอกรัฐบาล ที่ไม่มีความชำนาญ ในเรื่องยาง

'หม่อมอุ๋ย'โอดเบิกจ่ายเงินได้ช้า
        ที่ทำเนียบรัฐบาล ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯ กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมมีความล่าช้าจากแผน 1 เดือนครึ่ง เนื่องจากติดขัดขั้นตอนการเบิกจ่ายงบประมาณ ในส่วนแรกเม็ดเงินจากมาตรการช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท เดิมตั้งเป้าว่าจะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้ในเดือนพ.ย. ปัจจุบันเพิ่งเบิกจ่ายไป 2.5 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะจ่ายเงินในส่วนนี้ได้ทั้งหมดในเดือน ธ.ค.นี้ ขณะที่วงเงินงบประมาณไทยเข้มแข็ง และงบกลางฯปี 2555-57 ที่ค้างเบิกจ่ายอยู่ 2.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งจัดสรรให้กับโครงการซ่อมแซมสถานที่ราชการต่างๆ คาดว่าจะเริ่มเซ็นสัญญาจัดซื้อจัดจ้างได้ในเดือนธ.ค. 2557 - ม.ค.2558 ซึ่งจะช่วยให้มีการจ้างงานมากขึ้น และมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2557 ที่ไม่สามารถดำเนินการทันงบประมาณ 2557 วงเงิน 1.42 แสนล้านบาท ขณะนี้เบิกจ่ายไปแล้ว 1.4 หมื่นล้านบาท และมีโครงการที่เซ็นสัญญาจัดซื้อจัดจ้างแล้วอีกจำนวนหนึ่ง คาดว่าจะมีการคืบหน้ามากขึ้น 
       รองนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลยังไม่จำเป็นต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ เนื่องจากการเบิกจ่ายงบในส่วนต่างๆ ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จะเห็นผลเต็มที่ในเดือน ม.ค.-ก.พ. 2558 "ตอนนี้สบายใจได้ ที่ผ่านมามาตรการมีผลช้าเนื่องจากดำเนินการช้า แต่อย่าเพิ่งไปออกมาตรการใหม่ ผมค่อนข้างสบายใจ ตามดวงมันต้องช้าแต่เดี๋ยวก็ดีเอง ต้นปีหน้าคอยดู จะยิ้มกันได้ ผมนั่งดูแล้วดูอีกไม่ต้องห่วง" 

พร้อมชี้แจง-ราคายางไม่กระเตื้อง
      ส่วนการแก้ปัญหายางพาราราคาตกต่ำ ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าวว่า รัฐบาลเริ่มออกมาตรการแก้ไขปัญหามาตั้งแต่เดือน ต.ค. โดยทยอยซื้อยางพาราในตลาด เพื่อดันให้ราคายางเพิ่มขึ้นผ่าน 3 มาตรการ ซึ่งขั้นตอนการปฏิบัติมีความล่าช้า โดยวงเงินที่ให้องค์การสวนยางไปซื้อยางพาราในตลาด เพิ่งจะดำเนินการได้ 10 วัน ส่วนการให้สินเชื่อแก่กลุ่มอุตสาหกรรมน้ำยางข้นจะเริ่มอนุมัติได้ในวันที่ 9 ธ.ค. เป็นวันแรก ทำให้ราคายางช่วงที่ผ่านมาไม่ปรับตัวขึ้นเหมือนที่ตั้งเป้าไว้ ขณะนี้เมื่อทยอยอนุมัติเงินได้ตามมาตรการ ต้องให้เวลาเพื่อให้มาตรการทำงานเพราะในปีนี้ปริมาณยางพาราออกมาน้อยกว่าทุกปีเฉลี่ยแค่ 3 ล้านตันเศษซึ่งน้อยกว่าความต้องการของตลาด 
     "ที่ผ่านมาติดขัดเรื่องขั้นตอน มีการตั้งคำถามกันเยอะจากคนในที่ประชุม บางทีผมเบื่อเหมือนกัน ไม่คิดว่า จะมีคำถามเยอะขนาดนั้น ถ้าทำตามที่มาตรการออกมาแต่แรก อนุมัติเงินให้มีแรงซื้อยางทั้ง 3 แรงพร้อมกันป่านนี้ราคาก็ขึ้นไปแล้ว ตอนนี้ผมไล่ดูขั้นตอน หลังจากพรุ่งนี้จะดีขึ้น ต้องมีการพูดคุยกับเกษตรกรที่จะมาวันที่ 9 ธ.ค. จะพูดคุยอย่างจริงใจว่าปัญหามันเกิดขึ้นจากอะไร คิดว่าต้องช่วยกัน" ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าว 

เปิดวาระการประชุมครม.วันนี้
     เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลว่า ในการประชุมครม.วันที่ 9 ธ.ค. มีวาระเสนอครม.ให้ความเห็นชอบ อาทิ กระทรวงสาธารณสุข โดยคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เตรียมเสนอยุทธศาสตร์ส่งเสริมการใช้จักรยานในชีวิตประจำวัน ในโครงการ "เมืองปั่นได้ เมืองปั่นดี" นอกจากนี้บอร์ด สสส.เตรียมขออนุมัติงบฯ เพื่อทำเขื่อนกั้นน้ำความยาว 1.2 ก.ม. ตามแผนป้องกันน้ำท่วมอยู่แล้วให้รองรับการใช้ประโยชน์แบบผสมผสาน การเดิน ปั่นจักรยาน และกิจกรรมนันทนาการของชุมชนด้วย
       กระทรวงการคลัง เตรียมเสนอพิจารณาแก้ไขกฎหมายของ 3 กรมภาษี อาทิ กรมสรรพสามิตเสนอเปลี่ยนแปลง ฐานการเก็บภาษีจากเดิมใช้ราคาหน้าโรงงาน สำหรับสินค้าที่ผลิตในประเทศและฐานภาษีสำแดงราคานำเข้าสินค้า (ซีไอเอฟ) จากสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศ ให้มาใช้ จากราคาขายปลีกทั้งหมด เพื่อป้องกันการแจ้งราคาหน้าโรงงาน หรือซีไอเอฟ ต่ำกว่าเป็นจริง ซึ่งทำให้กรมสรรพสามิตเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น โดยไม่ต้องขึ้นอัตราภาษี ส่วนการแก้ไขกฎหมายของกรมสรรพากร เสนอการลดอัตราภาษีนิติบุคคลให้เหลือ 20 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงการลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จากอัตราแบบขั้นบันได 5 อัตรา เป็นถี่ขึ้น 7 อัตรา จากอัตราสูงสุด 37 เปอร์เซ็นต์ เป็น 35 เปอร์เซ็นต์ ให้เป็นการถาวร
       สำนักนายกรัฐมนตรี เตรียมเสนอร่างประกาศสำนักนายกฯ เรื่องการกำหนดประเภทสถานประกอบการ ที่อยู่ภายใต้บังคับของมาตรการการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ในสถานประกอบการ และร่างประกาศสำนักนายกฯ เรื่องมาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในสถานประกอบการรวม 2 ฉบับ

ชุดดำปฏิเสธ ยิงป่วนเม.ย.53
     เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 8 ธ.ค. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดสอบปากคำให้การจำเลยคดีชายชุดดำ หมายเลขดำ อ.4022/2557 ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายกิตติศักดิ์ หรืออ้วน สุ่มศรี อายุ 45 ปี ชาวกรุงเทพฯ นายปรีชา หรือไก่เตี้ย อยู่เย็น อายุ 24 ปี ชาวจ.เชียงใหม่ นายรณฤทธิ์ หรือนะ สุริชา อายุ 33 ปี ชาวจ.อุบลราชธานี นายชำนาญ หรือเล็ก ภาคีฉาย อายุ 45 ปี ชาว กรุงเทพฯ และนางปุนิกา หรืออร ชูศรี อายุ 39 ปี ชาวกรุงเทพฯ เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานร่วมกันมีอาวุธ เครื่องกระสุนปืน และวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตได้ ตามพ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ศ 2490 มาตรา 4, 8 ทวิ, 55, 72 ทวิ และ 78 และพกพาอาวุธไปในที่ชุมชนฯ 
      อัยการโจทก์ยื่นฟ้องระบุพฤติการณ์ความผิดจำเลยสรุปว่า วันที่ 10 เม.ย.2553 จำเลยทั้งห้ากับพวกที่ยังหลบหนี และพวกที่ถึงแก่ความตายไปแล้ว ได้ร่วมกันกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน โดยพกพาอาวุธ เครื่องกระสุนและวัตถุระเบิด ที่ใช้ยิงทำอันตรายแก่ชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สินให้เกิดความเสียหายได้ อาทิ เครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79, อาวุธปืนเอ็ม 16, อาวุธปืนเอชเค 33 หรือปืนอาก้า 1 พร้อมเครื่องกระสุน ซึ่งนายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ ไปที่บริเวณแยกคอกวัว ถ.ตะนาว, ถ.ประชาธิปไตย แขวงบวรนิเวศน์ เขตพระนคร อื่นๆ ซึ่งเป็นเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์
       อัยการ ระบุด้วยว่า ทั้งในเวลาเกิดเหตุมีการชุมนุมกันของประชาชนจำนวนมาก ตามวัน เวลาเกิดเหตุ เจ้าพนักงานยึดได้อาวุธสงครามของกลาง กระทั่งวันที่ 11 ก.ย.2557 เจ้าพนักงานติดตามจับกุมพวกจำเลยได้ ส่งพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ดำเนินคดี โจทก์จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย ในชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธ
      ศาลได้อ่านและอธิบายคำฟ้องให้พวกจำเลยฟัง โดยจำเลยทั้งหมดแถลงให้การปฏิเสธความผิด ขอต่อสู้คดี ศาลจึงนัดตรวจพยานหลักฐานทั้ง 2 ฝ่าย วันที่ 16 ก.พ.2558 เวลา 09.00 น.
     ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเจ้าหน ้าที่ราชทัณฑ์เบิกตัวจำเลยทั้ง 5 คน ซึ่งไม่ได้รับการประกันตัว จากเรือนจำมาสอบปากคำให้การที่ศาลอาญาด้วย

ฉากเวทีทำเนียบล้ม-จนท.เจ็บ4
      วันที่ 8 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่เจ้าหน้าที่จากกรมโยธาธิการและผังเมือง และกรุงเทพมหานคร รวมทั้งหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง กำลังรื้อเวทีฉากหลังของเวทีการแสดงในงานสโมสรสันนิบาต เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.นั้น เกิดเหตุระทึกเมื่อฉากหลังของเวทีซึ่งเป็นแผ่นไม้ขนาดใหญ่ที่คลายนอตเพื่อเตรียมเก็บ ถูกแรงลมปะทะอย่างแรงจนล้มพับ ลงมาทับเจ้าหน้าที่จากวิทยาลัยช่างศิลป์ ซึ่งอยู่ด้านล่าง จนเกิดเสียงดังลั่นทั่วบริเวณ ทำให้ เจ้าหน้าที่บนเวทีและด้านล่างเวทีได้รับบาด 3-4 ราย บางคนบาดเจ็บเล็กน้อย มีบาดแผลถลอก ปากแตก และเคล็ดขัดยอกจากการถูกกระแทก
       เจ้าหน้าที่รายหนึ่งทราบชื่อนายเสนาะ ร่ำรวย ลูกจ้างชั่วคราวของวิทยาลัยช่างศิลป์ ถูกฉากแผ่นไม้ฟาดเข้าอย่างจัง จนเกิดบาดแผลถลอกขนาดใหญ่ที่หัวไหล่ด้านซ้าย และแผลจากของ มีคมครูดยาวที่แผ่นหลังจนฟกช้ำและมีเลือดออก ทั้งนี้ ในช่วงเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำทำเนียบรัฐบาลได้แจ้งขอรถพยาบาลจากหน่วยกู้ชีพฉุกเฉินจากวชิรพยาบาลให้มารับตัว นายเสนาะ เพื่อรักษาบาดแผลและตรวจร่างกายอย่างละเอียดต่อไป 
      ทั้งนี้ ระหว่างที่ผู้บาดเจ็บรอรถพยาบาลจากภายนอกนานกว่า 10 นาที ผู้สื่อข่าวนำอุปกรณ์ล้างแผลมาช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อน เนื่องจากห้องกู้ชีพฉุกเฉินบริเวณตึกบัญชาการ 1 ยังไม่เปิดใช้นับตั้งแต่ปรับปรุงซ่อมแซมตึก และไม่มีรถกู้ชีพฉุกเฉินมาจอดประจำการ เพื่อเตรียมพร้อมหากเกิดเหตุฉุกเฉิน
      นายเสนาะ กล่าวว่า ขณะที่ตนกำลังแกะผ้าที่ประกอบฉากอยู่ด้านล่าง ช่วงนั้นมีลมพัดแรงทำให้ฉากของเวทีล้มฟาดลงมาอย่างรวดเร็วโดยไม่คาดคิด ประกอบกับมีโครงเหล็กที่เป็นพื้นเวทีขวางอยู่ ทำให้หนีไม่ทันและได้รับบาดเจ็บ

อนุมัติกุนซือซี 11-ปัดปูเลขาวุฒิ
     เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะกรรมการข้าราชการรัฐสสภา (กร.) ที่มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) เป็นประธานการประชุม โดยที่ประชุมอนุมัติตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสนช. เสนอขอปรับระดับตำแหน่งที่ปรึกษาด้านกฎหมาย (นิติกร ระดับทรงคุณวุฒิ หรือที่ปรึกษาระดับ 11) ต่อกร.เพิ่ม 1 ตำแหน่ง
       ก่อนการอนุมัติ ที่ประชุมหารือถึงกระแสวิจารณ์การเพิ่มตำแหน่งดังกล่าวเพื่อรองรับข้าราชการะดับสูงระดับ 10 คนหนึ่งขึ้นระดับ 11 เพื่อปูทางให้นั่งตำแหน่งเลขาธิการวุฒิสภาคนใหม่ เนื่องจากนางนรรัตน์ พิมเสน เลขาธิการวุฒิสภา จะเกษียณในปี 2558 โดยนายพรเพชร ชี้แจงต่อที่ประชุมว่า ดำเนินการตามขั้นตอน การเพิ่มตำแหน่งที่ปรึกษาระดับ 11 เพื่อให้มีผู้เชี่ยวชาญระดับสูงด้านกฎหมาย ซึ่งจะเป็นตัวแทนของสำนักงาน ร่วมประชุมกับหน่วยงานต่างๆ รวมถึงการประชุมในเวทีนานาชาติด้วย ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดปกติ ที่ผ่านมาเคยมีการปรับระดับตำแหน่งที่ปรึกษาระดับ 11 และเมื่อคนที่นั่งในตำแหน่งนี้เกษียณ ตำแหน่งก็ยุบไป
      ทั้งนี้ ที่ประชุมไม่มีใครติดใจและอนุมัติตามที่เสนอ โดยมองว่าไม่ใช่การปูทางเพื่อขึ้นสู่ตำแหน่งเลขาธิการวุฒิสภา เพราะการแต่งตั้งเลขาธิการวุฒิสภา ยังมีกระบวนการพิจารณาบุคคลที่เหมาะสมอีกหลายขั้นตอน

วันที่ 09 ธันวาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8777 ข่าวสดรายวัน


ครูหน้าคล้ายบิ๊กตู่-นร.แซว'ท่านนายก'
อยู่รร.ดัง หนองคาย โดนรุมทัก ขอถ่ายรูป ลายเซ็น!


คล้ายบิ๊กตู่ - นายคำเขียน บรรเทา ครูร.ร.ปทุมเทพวิทยา คาร จ.หนองคาย มีหน้าตาคล้ายพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ผ่านมามีชาวบ้านขอถ่ายรูปคู่จำนวนมาก บางคนก็เรียกแซวว่า "ท่านนายกฯ"

        ฮือฮา หน้าตาคล้าย'บิ๊กตู่' เป็น ครูพลศึกษาโรงเรียนชื่อดังหนองคายบรรดานักเรียนต่างพูดแซวหยอกล้อ นายกฯ มาโรงเรียน พร้อมทั้งโพสต์เฟซบุ๊กแชร์ต่อๆ กันในโลกออนไลน์ เจ้าตัวเปิดใจมีคนทักบ่อย ทั้งขอถ่ายรูป ขอลายเซ็น เป็นมานานหลายเดือนแล้ว โดยส่วนตัวก็ชื่นชอบ พล.อ.ประยุทธ์ ขอฝากให้ตั้งใจทำงานคืนความสุขให้ประชาชน 
      เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ในเครือข่ายสังคมออนไลน์ต่างแชร์ภาพผู้ชายคนหนึ่ง มีใบหน้าคล้ายคลึงกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมทั้งวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นที่ ฮือฮา และส่งภาพต่อๆ กันไป จากการตรวจสอบทราบว่าบุคคลหน้าคล้ายพล.อ.ประยุทธ์ดังกล่าว คือนายคำเขียน บรรเทา อายุ 54 ปี เป็นข้าราชการครู ตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มสาระสุขศึกษาและพลศึกษา โรงเรียนปทุมเทพวิทยาคาร อ.เมือง จ.หนองคาย
     จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบพบนายคำเขียน อยู่ในชุดข้าราชการสีกากี ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส นั่งอยู่ในห้องทำงานร่วมกับเพื่อนครูด้วยกัน และนักเรียนที่เดินผ่านไปมาต่างพูดหยอกล้อเรียกนายคำเขียน หรือคุณครูคำเขียน ว่านายกฯ ประยุทธ์ๆ อยู่เป็นระยะๆ 
      นายคำเขียนกล่าวว่า เมื่อเช้าวันที่ 4 ธ.ค. ที่ผ่านมา โรงเรียนประกอบพิธีถวายพระพรชัยมงคลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยนำนักเรียนทำกิจกรรมหน้าเสาธง คาดว่าคงมีนักเรียนบางคนแอบถ่ายรูปไว้แล้วนำไปโพสต์ในเฟซบุ๊ก บอกว่าหน้าคล้ายพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ไม่ได้คิดอะไร จนวันต่อมามีเพื่อนๆ ทั้งเพื่อนครู ลูก และเพื่อนลูก โทรศัพท์มาหยอกล้อว่า ดังใหญ่แล้ว มีคนนำรูปไปโพสต์ว่าหน้าคล้ายนายกฯ ประยุทธ์ 
      "โดยส่วนตัวผมไม่ทราบว่าเหมือนตรงไหน แต่ก็ชื่นชอบพล.อ.ประยุทธ์เป็นการส่วนตัว เพราะเป็นครูพลศึกษา และเคยเป็นผู้บังคับหมวดวิชานักศึกษาวิชาทหารของโรงเรียนด้วย หลังจากนั้นก็มีคนมาขอถ่ายรูปและ ขอลายเซ็น หลังเลิกเรียนขี่รถไปซื้อกับข้าวก็จะมีคนทักบ่อยๆ ว่าหน้าคล้าย เป็นเช่นนี้มาหลายเดือนแล้ว" นายคำเขียนกล่าว และเมื่อถามว่ามีอะไรฝากถึงพล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่ นายคำเขียนกล่าวว่าขอให้ตั้งใจทำงานเพื่อประชาชน คืนความสุขให้ประชาชน
      ขณะเดียวกัน น.ส.รัชนี จินตเวช ครูพลศึกษาโรงเรียนปทุมเทพวิทยาคาร ร่วมกล่าวแสดงความเห็นว่าเพื่อนครูด้วยกันเคยทักครู คำเขียน ตั้งแต่ช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีช่วงแรกๆ ว่าบุคลิกท่าทางและหน้าตาคล้ายกัน ต่างแซวหยอกล้อกันเรื่อยมา
      ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า จากการสอบถามนักเรียนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ครู คำเขียนหน้าเหมือนนายกฯ ประยุทธ์มาก จนแซวกันบ่อยๆ ว่านายกฯ มาโรงเรียนอยู่บ่อยครั้ง โดย ด.ญ.ปรายฟ้า ฝ้ายเทศ นักเรียนชั้นม.1 กล่าวว่าครูคำเขียน เหมือนนายกฯ มาก แต่ครูคำเขียนจะยิ้มแย้ม ยิ้มบ่อย เวลาเดิน หรือเวลาชี้นิ้วสั่งนักเรียน ก็จะคล้ายกันมาก นักเรียนรุ่นพี่จะพูดแซวครูตรงๆ บ้าง แต่ นักเรียนชั้นม.1 ไม่ค่อยกล้าแซวครูตรงๆ สัก เท่าไหร่ มีแต่คุยกันเองในกลุ่มเพื่อน

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!